บท
ตั้งค่า

4 คนทรยศ

เจ็บจนชาไปทั้งตัวแต่แพรไหมก็ไม่มีเสียงจะพูดออกมา ได้แต่ยืนน้ำตาไหลมองดูทั้งสองคนปรนเปรอกันจนจบ รอจนทุกอย่างสงบลงก่อนที่ทั้งคู่จะหันมาเห็นเธอได้สักที เธอที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนี้ ด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้เท่าที่รู้สึกสักนิดเดียว

“แพร!”

“พี่แพร!”

สองคนบนเตียงเรียกชื่อแพรไหมที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องนอนเสียงดังด้วยความตกใจ อารมณ์สุขที่พากันขึ้นสวรรค์เมื่อครู่หายไปจนเหลือเพียงใบหน้าซีดเซียวและแตกตื่น ศรุตรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาบังร่างกายที่เปลือยเปล่าก่อนจะมองหาผ้าขนหนูมาพันเอวแล้วก้าวลงจากเตียง

แพรไหมเช็ดน้ำตาก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงที่เจือสะอื้นจนพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้

“ตั้งแต่เมื่อไหร่…”

“แพรฟังเราก่อนนะครับ”

ศรุตรีบเข้ามาหาแพรไหมที่ขยับถอยห่างในทันที เธอรังเกียจ ขยะแขยงจนไม่อยากอยู่ใกล้ ร่างกายที่ไปสัมผัสคนอื่นมาแพรไหมไม่อยากให้แตะโดนเธอแม้แต่นิดเดียว

“ทำแบบนี้กันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”

แพรไหมถามออกมาทั้งน้ำตา มองศรุตที่ยืนตรงหน้าก่อนจะหันไปมองน้องสาวที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาตัดพ้อ เธอรักแพรพลอยมากไม่เคยสนว่าน้องจะเกิดคนละแม่กับเธอเลย แต่ทำไมความรักของเธอถึงได้รับการตอบแทนแบบนี้นะ

“แพรใจเย็นๆนะ ฟังเราก่อนนะครับ”

“เห็นเราเป็นตัวอะไรอ่ะ เราโง่มากจนต้องเหยียบหัวกันขนาดนี้เลยเหรอ”

คราวนี้แพรไหมหันมาถามศรุต แม้คำถามนั้นจะไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรเลย เพราะทุกคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วในตอนนี้ แพรไหมก็แค่คนโง่ที่ไว้ใจคนที่รักหมดใจโดยไม่เคยสงสัยอะไรก็เท่านั้น

“ไม่ใช่แบบนั้นนะแพร”

“ทำไมทำกับพี่แบบนี้อ่ะพลอย เกลียดอะไร ฮึก พี่เหรอ”

“....”

แพรไหมจ้องมองน้องสาวที่ยังนิ่งเงียบ สายตาที่มองมานั้นว่างเปล่า ไร้วี่แววของความเสียใจหรือสำนึกผิดก็ยิ่งปวดร้าวจนทนไม่ไหว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องทนอยู่ตรงนี้อีกแล้วจริงๆ เธอหันตัวกลับแต่ศรุตรีบเข้าไปคว้าแขนเอาไว้ทันที

“ปล่อย!”

แพรไหมสะบัดออกอย่างแรงด้วยความรังเกียจ ก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องนั้นโดยไม่สนใจเสียงเรียกอีก

“แพรเดี๋ยว! แพร!”

—-----------------------------

“ตอนอยู่บนเวทีมองอะไรของมึงวะเจเลน”

เปเปอร์ที่เป็นเจ้าของผับถามเพื่อนด้วยความสงสัย

“เออ กูเห็นมันจ้องมาตั้งแต่ขึ้นร้องเพลงละ ทำไมวะเจอสาวถูกใจเหรอ”

อคิราห์หรือซัน หนึ่งในเพื่อนสนิทและนักร้องของผับหันมาถามพลางล้อเลียนเจเลนด้วยอีกคน

“เปล่า แค่คุ้นๆเหมือนป้าข้างบ้าน”

เจเลนตอบส่งๆพลางเก็บเครื่องดนตรีเข้าที่อย่างไม่รีบร้อน ทำเอาเพื่อนๆต่างขมวดคิ้วกับคำตอบที่แสนแปลกของเจ้าตัวเข้าไปใหญ่

“ป้าข้างบ้านจะมาผับทำไมก่อนมึงบ้าป้ะเนี่ย”

“คืนนี้กูไม่ดื่มต่อนะ เดี๋ยวจะกลับแล้วว่ะ”

เจเลนตัดบทอย่างไม่สนใจว่าเพื่อนจะสงสัยอะไรอีก

“กลับห้องรึไปต่อกับใคร อย่าให้ผู้จัดการมึงรู้เชียวนะ”

อคิราห์เตือนด้วยความเป็นห่วง เพราะเจเลนเป็นนักร้องที่กำลังดัง ขยับตัวไปไหนก็เป็นข่าวไม่เว้นวัน เรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างเล่นเอาผู้จัดการกับทางค่ายปวดหัวจนเจเลนถูกสั่งไม่ให้ไปไหน ไหนจะซาแซงที่คอยตามคุกคามชีวิตจนต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆอีก

แต่มันก็หลบเลี่ยงยากตรงที่เจเลนต้องเรียนด้วยทำงานด้วยนี่แหละ ตอนแรกก็ยังพากันอิจฉาที่เพื่อนประสบความสำเร็จได้ไวในช่วงอายุเท่านี้ แต่พอเห็นว่าเจเลนต้องแลกกับอะไรบ้างก็ทำเอาขยาดไปตามๆกัน ที่แอบมาเล่นดนตรีและร้องเพลงให้ที่ผับนี่ก็ไม่รู้จะโดนผู้จัดการมาปาดคอวันไหนเหมือนกัน

“เออ ให้ไอ้ซันไปส่งเหมือนเดิมเหอะเกิดเจอซาแซงมึงทำไง”

“ไม่ต้องห่วงกูเพิ่งย้ายที่มันหาไม่เจอหรอก ถ้ามีอะไรกูรีบโทรหาพวกมึงเลย เจอกันอาทิตย์หน้านะมึง”

เจเลนปฏิเสธเพราะตัวเองต้องไปจัดการธุระต่อ และเป็นเรื่องที่ยังให้เพื่อนรู้ไม่ได้ในตอนนี้

“เออๆ กลับดีๆ”

—-----------------------

“ป้า ทำไมเมาขนาดนี้เนี่ย”

เจเลนที่อยู่ในเสื้อฮู้ดสีดำกับแมสสีดำปกปิดใบหน้า ก้มลงไปถามคนที่ฟุบหน้าลงนอนกับโต๊ะด้วยน้ำเสียงตำหนิ อยากจะบ่นออกมาว่าทำไมกล้ามาที่แบบนี้คนเดียวก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รับรู้แน่ๆ ขนาดจับตัวก็ยังถูกปัดออกแรงๆแถมยังเงยหน้ามาดุใส่อีกต่างหาก

“อื้อ ใคร อย่ามายุ่ง”

“กลับบ้านกัน เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เอา จะกินอีก”

“เดี๋ยวค่อยไปกินต่อที่ห้อง ไปเร็ว”

เจเลนพยายามดึงตัวคนเมาให้ลุกขึ้น พร้อมทั้งหลอกล่อให้แพรไหมยอมไปกับตัวเองง่ายๆ ขืนอยู่นานกว่านี้ได้มีใครเห็นจนจำได้กันพอดี

“ที่ห้องมีเหล้าเหรอ อย่าหลอกนะ อึก”

“จะหลอกทำไมล่ะ ลุกขึ้นเร็ว”

เจเลนดึงจนแพรไหมลุกขึ้นได้แต่เพราะว่าเธอเมามากเลยไม่มีแรงจะพยุงตัวจนเซเข้าหาคนตัวโตในทันที

“ไม่ไหวอ่ะ อึก โลกมันหมุน”

“เฮ้อ มานี่มา”

เจเลนถอนหายใจก่อนจะย่อตัวลงแล้วให้แพรไหมขี่หลังตัวเอง ก่อนจะรีบออกมาจากผับทันที ดีที่คืนนี้เจเลนไม่ได้ดื่มสักนิดเลยขอยืมรถของอคิราห์กลับมาก่อน ชีวิตมันน่าอนาถขนาดที่รถตัวเองก็เอามาขับไม่ได้เลยนั่นแหละ ไม่รู้ว่าพวกซาแซงใช้วิธีไหนถึงได้รู้ทุกอย่างยันเลขทะเบียนรถแบบนี้

กว่าจะกดลิฟท์จนขึ้นมาถึงบนห้องได้ก็ทำเอาเจเลนหอบออกมาเหมือนกัน ถึงเจเลนจะตัวใหญ่มากแต่ให้มาแบกคนนานๆขนาดนี้เป็นใครก็ไม่ไหวทั้งนั้น ร่างสูงปล่อยอีกคนยืนก่อนจะประคองเอาไว้แล้วเร่งอีกคนให้เปิดประตู

“เปิดประตูเร็วๆ หนัก”

“ก็เปิดสิ”

แพรไหมเถียงกลับด้วยเสียงอ้อแอ้ ไม่รู้เรื่องหรอกว่าคุยอะไรกับใครก็แค่รู้สึกคุ้นๆและไม่ค่อยชอบหน้า แต่แปลกที่ไม่มีความกลัวสักนิดอย่างที่ควรจะเป็น

“จะเปิดยังไงล่ะโว้ย นี่ห้องป้านะ”

เจเลนโวยวายออกมาเมื่อรู้สึกว่าทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจจนอยากไปนอนเต็มที

“เสียงดังน่ารำคาญเหมือนไอ้เด็กนรกข้างห้องเลย”

“โห เด็กนรกเลยเหรอวะป้า กระเป๋าอยู่ไหนเอาคีย์การ์ดมาเปิดเร็ว ตัวหนักเป็นบ้าเลยเนี่ย”

เจเลนทั้งโมโหทั้งหงุดหงิดจนบ่นออกมายืดยาว เพิ่งรู้ว่ายัยป้าข้างบ้านตั้งฉายาให้ตัวเองแบบนี้ ไว้ถ้าสร่างเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่บอกเลย

“อ่ะ หาเอง”

“โว๊ะ ไม่น่าหาเรื่องเลยกู”

เจเลนบ่นกับตัวเองก่อนจะคันกระเป๋าและพยุงคนเมาไปด้วยอย่างทุลักทุเล กว่าจะเปิดประตูเข้ามาในห้องได้ก็ทำเอาหอบอีกรอบจนอยากจับอีกคนเหวี่ยงทิ้งซะเหลือเกิน

“อ่ะ นั่งดีๆนะเดี๋ยวหาน้ำให้”

“ไม่เอาน้ำ เอาเหล้ามาอีกเร็วๆ”

แพรไหมโวยวายเมื่อได้ยินคำว่าน้ำ ร่างบางยื้อตัวเองจะลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวแต่ถูกเจเลนกดให้นั่งลงตามเดิมทันที

“อย่าดื้อมาก เดี๋ยวก็จับมัดซะเลยดีมั้ย”

“ไอ้คนใจร้าย ฮึก”

อยู่ๆแพรไหมก็ร้องไห้ออกมาจนเจเลนกรอกตามองเพดานอย่างท้อใจสุดๆ คนตัวสูงรีบเข้าไปหาน้ำมาให้อีกคนดื่มก่อนจะถามเชิงบ่นออกมาตอนที่ช่วยเช็ดน้ำตาให้คนเมา

“ขี้เหล้าเมายาจังวะป้า ปกติกินเหล้าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

“เอาเหล้ามา อยากเมา”

แพรไหมไม่ตอบแต่กลับเรียกหาเหล้าต่อ เมื่อความทรงจำที่เจ็บปวดแวบเข้ามาในหัวจนอยากลืม สติที่ขาดๆหายๆสั่งให้เธอต้องเมาต่อเท่านั้น ไม่งั้นมันก็เอาแต่อยากร้องไห้เหมือนตอนนี้

“นี่ยังไม่เรียกเมาอีกเหรอถามจริง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel