มังกรตัวที่ 12 : ภารกิจจากอาจารย์
เปลือกตากระพริบถี่ๆเพื่อปรับแสงก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจะลืมขึ้นมา เมื่อรู้สึกตัว สัมผัสแรกที่เจ้าตัวทำก็คือกวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างรวดเร็วเพื่อสำรวจว่าตนเองอยู่ที่ไหนตามนิสัยขี้ระแวง ที่นี่คือในห้องพัก
สัมผัสที่สองคือความรู้สึกหนักบริเวณท้องที่มีมังกรสีนิลร่างเล็กนอนอยู่ ทำให้รู้ว่าตลอดเวลาที่หลับไปยังมีฟ็อกคอยอยู่เป็นเพื่อนเสมอ
และสัมผัสสุดท้ายคือหัวเงินๆของใครคนหนึ่งที่ฟุบอยู่ข้างขอบเตียง นั่นทำเอาคนที่เผชิญหน้ากับทุกสิ่งด้วยความเยือกเย็นเสมอมาอดจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจไม่ได้
กรี๊ซ.... ฟ็อกร้องออกมาเบาๆอย่างดีใจก่อนจะใช้หน้าของตนเองไซ้แก้มเทเชียอย่างรักใคร่และหวงแหน
“ตื่นแล้วสิ” เสียงเย็นและไร้อารมณ์ถามก่อนหัวเงินของคนที่ฟุบหลับอยู่จะเงยขึ้น ดวงตาสีฟ้ากับเงินสบกันก่อนเทเชียจะละสายตาออกไปก่อน
“วันนี้ไม่มีการสอนแต่ต้องไปห้องประชุมรวมหลังกินข้าวเสร็จ” คำฝากของท่านหัวหน้าชั้นปีดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจไยดีคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ฟ็อกได้แต่มองตามไปอย่างงุนงง ก็ก่อนที่นายน้อยจะฟื้นก็เห็นเฝ้าไข้ให้ตลอดนี่นา
แต่คนที่เดินออกไปจะรู้ไหมว่าเด็กหนุ่มหน้าหวานแอบเหน็บแหนบเจ้าคนหน้าตายไปซะเยอะเชียว
•.★*... ...*★.•
โรงอาหารของหอดราก้อนยังคงคล่ำคลาไปด้วยผู้คนเสมอ โดยเฉพาะพวกปีหนึ่งที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยทีเดียว
“เทเชียทางนี้” เสียงไคร์ร้องเรียกดังมาทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง เมื่อเห็นว่าพวกเพื่อนๆนั่งอยู่ที่โต๊ะ คนที่ถูกเรียกจึงเดินเข้าไปหา
“นั่งตรงนี้สิ กินด้วยกันนี่แหละ” บัสพูดเพราะมีเพียงที่ตรงนี้เท่านั้นที่ว่างส่วนตรงอื่นถูกจับจองไปหมดแล้ว
“ขอบคุณ” เสียงราบเรียบกล่าวก่อนนั่งลงข้างๆเพื่อนตัวดี
“ดีใจด้วยนะครับที่ฟื้นแล้ว” เคนเอ่ยออกมาอย่างสุภาพ เขาดีใจที่เทเชียฟื้นสักที ไม่เช่นนั้นอาจจะมีมังกรบางตัวลุกขึ้นมาอาละวาดก็ได้ เขายังจำติดตาไม่หาย อัศวินแห่งรัตติกาลตัวนั้นน่ะน่ากลัว!!
“ไง...รุ่นน้องที่น่ารัก” เสียงของรุ่นพี่ราฟดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาปรากฏกายเสียอีก รุ่นพี่จอมกวนเมื่อเห็นว่าโต๊ะของรุ่นน้องที่น่ารักทั้งหลายไม่มีที่ว่างแล้วเจ้าตัวก็เลือกจะนั่งลงบนโต๊ะถัดไปพร้อมจานข้าวในมือแทน
“ไงรับน้องสนุกมั้ย” เฟร้งค์ที่เดินมาด้วยถามขึ้นก่อนคลี่ยิ้มหน่อยๆเมื่อเห็นท่าทางผวาของรุ่นน้องแต่ละคน ช่วยไม่ได้นะก็หอดราก้อนขึ้นชื่อเรื่องรับน้องโหดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปีพวกเขาก็โดนเล่นกันจนอวมกว่านี้อีก กว่าจะเข้าใจคำว่าดราก้อนคือหนึ่งเดียวก็แทบลากเลือดเลยเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์มันกลับคุ้มค่าไม่น้อย เพราะทำให้ชาวหอดราก้อนค่อนข้างจะรักพวกพ้องมากทีเดียว
“สนุก” เสียงเรียบของเทเชียเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วเขาไม่เก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นมาคิดให้รกสมองหรอก
“นั้นสินะถ้าเป็นพวกพี่คงไม่สามารถฆ่าค้างคาวฝูงใหญ่ได้หรอก” เทเชียชะงักไปนิดนึงกับคำพูดของรุ่นพี่ราฟ ใครเป็นคนฆ่าค้างคาวฝูงนั้น?
“คือหลังจากที่คุณเทเชียสลบไปแล้ว...” เรื่องทุกอย่างถูกเล่าออกจากปากของเคนช้าๆและเป็นตอนๆหวังให้คนที่สลบไปก่อนรับรู้ความน่ากลัวของมังกรตัวเองแบบละเอียดยิบเลยทีเดียว
“สุดท้ายคนที่พาทุกคนออกมาจากถ้ำ และไปนั่งเฝ้าคุณเทเชียก็คือคุณเซอัสนั่นแหละครับ” เคนจบท้ายด้วยการยกความดีความชอบให้กับเจ้าชายแห่งซิเวียไป ซึ่งในใจเทเชียนึกแย้งอย่างรุนแรงว่าเจ้าหมอนั่นได้ไปนั่งเฝ้าเขาจริงๆน่ะหรือ ไม่ใช่ว่าจะไปดูว่าเขาจะตายหรือเปล่าหรอกนะ เพราะถ้าคิดถึงฝีมือของท่านหัวหน้าชั้นปีจริงๆก็ควรจะรักษาเขาตั้งแต่บนหลังมังกรแล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าหมอนั่นจะทำไม่ได้
อันที่จริงเทเชียคิดถูกตรงที่เซอัสสามารถรักษาเด็กหนุ่มได้ตั้งแต่บนหลังมังกร แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมทำ อย่างแรกเขาต้องการเอาเทเชียขู่ฟ็อกให้มันสงบลง ส่วนอย่างที่สองเพราะเขาไม่คิดจะรักษาให้กับคนที่เอาตัวเองไปเสี่ยงตายอย่างไร้หัวคิดแบบนั้น ทางออกมีตั้งเยอะแต่ดันใช้แต่พลังของตนเองโดยไม่คิดจะพึ่งพาคนอื่น ทั้งที่กิจกรรมนี้มีไว้เพื่อความสามัคคีและให้ตระหนักถึงคำว่าดราก้อนคือหนึ่งเดียว
“งั้นหรือ” คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ทุกคนเป็นฝ่ายแปลกใจเอง ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมีท่าทางเย็นชาแบบนี้นะ
“คุณเทเชียไม่ตกใจเลยหรือครับที่ฟ็อกเป็นคนฆ่าค้างคาวพวกนั้น” เทเชียเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของเคน ทำไมเขาจะต้องไปตกใจด้วยละ
“ไม่...ฟ็อกเคยอาละวาดมากกว่านี้อีก” จบข่าว นอกจากจะไม่ตกใจแล้วคำพูดที่เจ้าตัวทิ้งท้ายเอาไว้ยังทำเอาเพื่อนรอบข้างหน้าซีดลงไปอีก อาละวาดมากกว่านี้...แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ!!
“ดีที่พวกนายไม่เห็นฟ็อกฉีกเนื้อสดๆออกมากิน” แล้วมันจะมาพูดอะไรตอนกินข้าวฟะเนี่ย เห็นภาพเลย ไคร์คิดก่อนเลื่อนจานข้าวของตนเองออกห่างตัวอย่างกินต่อไม่ลง
“มังกรน้องกินเนื้อหรือ” ราฟร้องถามอย่างสนใจ ขนาดเทเชียพูดออกมาขนาดนี้เจ้ารุ่นพี่จอมกวนก็ยังสามารถกินข้าวของเขาต่อได้อย่างสบาย
“กินได้ทั้งเนื้อทั้งพืช” เทเชียไม่คิดจะปิดบังเรื่องของฟ็อกอยู่แล้ว อัศวินแห่งรัตติกาลเป็นมังกรหายากก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อมูลอะไรให้สืบค้น
“แล้วมังกรของน้องพันธุ์อะไร” คราวนี้เป็นเฟร้งค์ที่เริ่มสนใจมาก มังกรกินเนื้ออาจมีให้เห็นได้ทั่วไปแต่มังกรที่ถล่มถ้ำและฆ่าค้างคาวนับล้านได้เพียงไม่กี่นาทีไม่ใช่อยากจะเห็นก็สามารถเห็นได้หรอกนะ มันคงไม่ใช่มังกรธรรมดาหรอก
“อัศวินแห่งรัตติกาล” คำตอบเรียบๆแต่ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับตะลึงจนทำช้อนร่วงใส่จานดังเคร้ง
“ไอ้มังกรหายากอันดับต้นๆที่มีพลังมหาศาลและไม่ค่อยมีแล้วนั่นน่ะหรอ!!” ราฟตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อรุ่นน้องเอ่ยชื่อมังกรพันธุ์หายากที่เขาไม่เคยเห็นตัวเป็นๆมาก่อนออกมา ไม่น่าล่ะพลังมันถึงสุดยอด ว่าแต่ต่อไปคงจะต้องขอมองบ่อยๆแล้ว ใช่ว่าจะเห็นกันง่ายๆนี่ไอ้มังกรพันธุ์นี้
“เออพี่ครับเบาๆก็ได้อายเค้า” บัสกระซิบเมื่อเห็นโต๊ะอื่นมองมา จะตกใจก็ไม่เห็นจะต้องตะโกนลั่นห้องเลยนี่
“โอ๊ะ...โทษที” ราฟพูดส่งๆให้กับการตกใจเกินระดับของตน แน่นอนว่าคนฟังไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากใจจริง
“นายมีมังกรแบบนี้ได้ไงทั้งๆที่เป็นนักเดินทาง” คราวน์ถามอย่างจับผิดแต่ดวงตาสีฟ้าสวยไม่ได้ส่อพิรุธอะไรออกมาให้เห็นเลย
“เป็นความโชคดีที่ฉันไปเจอไข่มัน” เด็กหนุ่มตอบอย่างลื่นไหล ซึ่งความจริงมันก็เป็นความโชคดีของเขาจริงๆนั่นแหละ แต่เป็นความโชคดีที่เขาไปเจอไข่มันหลังจากที่ได้งานฆ่ากวาดล้างพวกพ่อค้าขายชิ้นส่วนมังกรนะ
“ระ... เหรอ” เฟร้งค์ครางอย่างอึ้งๆ ไม่นึกว่ารุ่นน้องจะพูดออกมาดื้อแบบนี้ มันน่าจะมีคำอธิบายมากกว่านี้หน่อยสิ แต่เทเชียก็คือเทเชียเพราะเจ้าตัวยังคงนั่งกินข้าวด้วยท่าทางนิ่งเฉยดุจเดิม เพราะสำหรับเขาแล้วแค่ยอมตอบไปมากขนาดนี้มันก็เกินพอแล้ว
•.★*... ...*★.•
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วทุกคนก็ต้องเดินมารวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ตามคำสั่งของพวกอาจารย์
“โห...เทเชียคนของหออื่นโคตรเยอะเลยอ่ะ” ไคร์พูดแล้วหันไปมองรอบข้างอย่างตื่นตา
“แต่หอเราก็ไม่น้อยหน้า” เสียงตื่นเต้นของเพื่อนตัวดียังดังมาอีก ทว่าทุกคนต่างแย้งในใจ ไม่น้อยหน้าตรงไหน จำนวนคนของพวกเขาน้อยกว่าหออื่นเห็นๆ แต่ช่วยไม่ได้ในบรรดาทั้งสี่หอ หอดราก้อนถือว่ารับคนเข้าหอน้อยที่สุดแล้ว
“ไปรวมกับเพื่อนคนอื่นดีกว่าครับ” เคนพูดพร้อมเดินตามเทเชียที่เดินนำไปก่อนโดยไม่คิดจะสนใจท่าทางตื่นเต้นของเจ้านักรบติงต๊อง อยู่กับหมอนี่แล้วรู้สึกจะมีแต่ทำให้คนที่อยู่ด้วยขายหน้าจริงๆ
“ทางนี้ๆ” เสียงหวานของสามสาวดังมาพร้อมมือที่ถูกยกขึ้นโบกเรียกเพื่อนที่มาใหม่
“นั่นไงไปกันเถอะ” ไคร์โบกมือตอบแล้วทำท่าจะเปลี่ยนเป็นเดินนำเทเชีย แต่แล้ว...
ตุบ!!
บ้าจริงดันสะดุดเท้าใครเนี่ย เทเชียบ่นอุบในใจอย่างหงุดหงิดเพราะเจ้าตัวเกือบจะล้มลงไปแล้ว ดีที่ข้างหน้ามีคนเดินอยู่เขาถึงสามารถใช้ร่างหมอนั่นยันไม่ให้ตนเองล้มลงไปได้
“ขอโทษ” เจ้าตัวเอ่ยออกมาเสียงเรียบแล้วเตรียมจะหันกลับไปเอาเรื่องคนที่ยื่นเท้าออกมาขัดขาเขา เทเชียแน่ใจว่ามีคนจงใจยื่นเท้าออกมาขัดขาตนเองเพราะตอนเดินเขาดูดีแล้วว่าไม่มีอะไรพอให้สะดุดได้
“ไม่เป็นไร” แต่เสียงเย็นที่ตอบกลับในทันทีทำเอาเด็กหนุ่มหน้าหวานชะงักไป ทำไมเสียงมันคุ้นๆ ดวงตาฟ้าช้อนขึ้นไปดูคนที่เขาใช้ร่างเป็นฐานให้ตนเองแต่ทันทีที่เห็นหน้าเด็กหนุ่มหน้าหวานก็รีบถอยห่างออกมาด้วยความเร็ว
“นายอีกแล้วเหรอ!!” เทเชียแทบตะโกนใส่เด็กหนุ่มผมเงินตรงหน้า
“นั่นควรเป็นคำพูดของฉันมากกว่า” เสียงเย็นตอบกลับเพราะนึกขัดใจท่าทางของคนที่มาชนตนเอง เขาไม่ได้เป็นคนเดินไปชนหมอนี่เสียหน่อย
กรี๊ซ... มังกรน้อยทั้งสองที่อยู่บนบ่าส่งเสียงร้องเตือนเจ้านายของพวกมันเพื่อไม่ให้ทะเลาะกันแต่ก็ไร้ประโยชน์
“นายหมายความว่ายังไง” ดวงตาสีฟ้าเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท่าทางของเจ้าตัวพร้อมหาเรื่องเต็มที่ผิดกับในยามปกติที่ชอบทำตัวเฉยชา
“ความหมายตรงตัวหรือว่าแปลไม่ออก” อีกคนก็ไม่น้อยหน้า ทั้งที่เย็นชาเป็นนิสัยแต่ตอนนี้กลับเถียงกลับอย่างรวดเร็ว
“นายหาว่าฉันโง่เหรอ”
“ไม่ได้พูด” เซอัสไม่พูดเปล่าแต่ยิ้มเย็นให้ด้วยก่อนจะเอ่ยออกมาอีกประโยค
“แต่ก็คงใช่”
“นาย!!”
“โห หอดราก้อนกัดกันเองซะแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางเสียงโต้เถียง คนทั้งสองหยุดทะเลาะกันทันทีก่อนเลื่อนดวงตาของพวกตนไปมองต้นเสียง
“หมาจากหอมังกรปฐพีเองหรอที่มาเห่าถึงนี่” เสียงเย้ยหยันของเทเชียทำให้เด็กหนุ่มต้นเรื่องที่มาทักเริ่มชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ เพราะเมื่อครู่มัวแต่โต้เถียงกับเซอัสทำให้เขาลืมเรื่องถูกขัดขาไปเสียสนิท ถูกลืมไปก็ดีแล้วแต่คนต้นเหตุกลับเดินมาหาเรื่องถึงที่ ถ้าไม่สั่งสอนบ้างก็คงระบายความหงุดหงิดของเขาไม่ได้แน่ๆ
“ฉันชื่อเวร๊อบ ซาเซย่าขุนนางแห่งเจเวียน นักเดินทางอย่างนายควรระวังปากเอาไว้บ้าง” ผู้มาใหม่ยังพูดเหมือนหาเรื่อง แต่มีหรือคนเป็นนักเดินทางจะสนใจ เวร๊อบหรืออะไรก็ช่าง ทำไมเขาจะต้องสนด้วยในเมื่อขนาดเจ้าชายแห่งซิเวียเขายังไม่สนเลย
“หมาไม่มีน้ำยา” เสียงเย็นเหมือนหยิ่งดังขึ้นจากเจ้าชายแห่งซิเวียทำเอาเวร๊อบไม่พอใจ แต่เทเชียแอบเห็นด้วยกับคู่กัดของตนเอง ก็มีตอนนี้แหละที่เขาคิดว่าความหยิ่งผยองและความเย็นชาของหมอนี่มีประโยชน์
“สู้กันเลยไหมเจ้าชายหรือว่าคนอย่างเจ้าชายแห่งซิเวียใจเสาะ” สิ้นเสียงพวกหอมังกรปฐพีก็เดินเข้ามายืนขนาบข้างเวร๊อบ อันที่จริงพวกเขาก็อยากจะลองสู้กับเจ้าชายแห่งซิเวียที่คำเล่าลือว่าเก่งกาจสักครั้งเหมือนกัน
“นึกว่ามีแต่กลุ่มพวกนายหรือไงไอ้หมาหมู่” เสียงไคร์ดังขึ้นก่อนพวกเพื่อนๆจะเดินเข้ามาบ้าง เรื่องอะไรพวกเขาจะยอมให้เพื่อนโดนรุมเล่า ถึงเพื่อนคนนั้นจะไม่หนักใจที่ตนเองโดนรุมก็เถอะ
“สู้ก็สู้เสียเวลา” คำพูดเสียงเย็นเยียบของคนเป็นเจ้าชายทำเอาอีกฝ่ายเลือดขึ้นหน้า เซอัสไม่ได้พูดประชดหรือหาเรื่องแต่เขาหมายความว่าตามนั้นจริงๆ ในเมื่ออีกฝ่ายมาเพื่อหาเรื่องก็คงไม่มีทางถอยกลับไปง่ายๆ เขาอาจไม่ชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหาแต่เขาก็ไม่เกี่ยงหรอกนะถ้าต้องใช้มันขึ้นมา โดยเฉพาะในยามที่ยังโมโหเพราะเพิ่งทะเลาะกับเด็กหนุ่มหน้าหวานบางคนมาแบบนี้ แต่ก่อนที่จะมีใครลงมือเป็นคนแรก
“ตรงนั้นมีอะไร” เสียงหนึ่งดังสนั่นไปทั่วห้องประชุมก่อนรุ่นพี่คนหนึ่งจะเดินฝ่าวงล้อมเข้ามา
“รุ่นพี่คิงเชียฮะ พวกมันหาเรื่องเรา” เมื่อเห็นผู้มาใหม่เวร๊อบก็รีบฟ้องทันทีในเมื่อคนตรงหน้าคือรุ่นพี่จากหอปฐพีที่ไม่ค่อยถูกกับหอดราก้อนอยู่แล้ว
ใครกันแน่วะ ที่หาเรื่อง เพื่อนแต่ละคนได้แต่คิดในใจเท่านั้นแต่ก็ไม่มีใครคิดจะพูดออกมา ถ้ามีตาหรือมีหูสักหน่อย ถามคนแถวนี้ก็รู้เรื่องหมดแล้ว
“พวกนายอยู่หออะไรจะได้ส่งให้หัวหน้าหอ” เสียงของรุ่นพี่ที่มาใหม่พูดเข้าข้างรุ่นน้องเต็มที่ทำเอาเพื่อนแต่ละคนถึงกับทำหน้าเมื่อยเลยทีเดียว ดูท่าหมอนี่จะไม่มีทั้งสองอย่างที่พวกเขาว่ามา
“จะเข้าข้างรุ่นน้องตนเองไปรึเปล่าคิงเชีย” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นเรียกสายตาของทุกคู่ให้หันไปมอง รุ่นพี่ที่มาใหม่คือรุ่นพี่ราฟกับรุ่นพี่เฟร้งค์นั่นเอง
“เพราะที่ฉันดูสถานการณ์อยู่ปีหนึ่งหอนายมาหาเรื่องปีหนึ่งหอเราก่อนนะ” รุ่นพี่ราฟยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอย่างคนอารมณ์ดี เมื่อครู่เขาเห็นทุกอย่างตั้งแต่เวร๊อบขัดขาเทเชียแล้ว ยังขำอยู่เลยระหว่างการปะทะด้วยคำพูดของหัวหน้าและรองหัวหน้าชั้นปีหนึ่ง ซึ่งเขาคิดว่าคงมีสักวันที่สองคนนี้จะได้พังห้องนอนของตนเองเพราะทะเลาะกันก็เป็นได้
ราฟเห็นแม้แต่ตอนที่อีกฝ่านเดินเข้ามาหาเรื่อง แต่ก็เลือกที่จะยืนดูอยู่เฉยๆเพราะเห็นว่าเป็นปีหนึ่งด้วยกัน แต่พอมีคนอื่นยื่นมือเข้ามายุ่งเขาก็ขอยื่นมือเข้ามาช่วยรุ่นน้องของตนเองบ้างละ
“พยาน” ฝ่ายหอมังกรปฐพีก็ไม่ยอมแพ้ แถมเสียงที่เปล่งออกมาก็ทำอย่างกับโกรธกันมาสิบปี อันที่จริงไม่ใช่ว่าทุกชั้นปีของหอมังกรปฐพีกับหอดราก้อนจะเกลียดขี้หน้ากันหรอกนะ บางปียังเป็นเพื่อนที่ดีกันด้วยซ้ำ แต่ก็มีบางปีเหมือนกันที่ชิงชังราวกับอยากจะฆ่ากันตาย อย่างปีของราฟและอาจจะรวมปีหนึ่งปีนี้เข้าไปด้วย
“เอากันกี่คนละเพราะเขาเห็นกันทั้งห้อง” รุ่นพี่เฟร้งค์เสริมได้หน้าตายแล้วยังกระตุกยิ้มอย่างเป็นต่อให้อีก
“พวกนายกลับ” คิงเชียหันมาสั่งพวกรุ่นน้องก่อนจะเดินนำออกไปเมื่อเห็นว่าตนเองอาจจะเพลี่ยงพล้ำสองคนนี้ได้ พวกปีหนึ่งหอดราก้อนเขาไม่รู้หรอกว่าร้ายกาจหรือไม่ แต่เฟร้งค์กับราฟเล่นด้วยยาก เวร๊อบหันมามองอย่างอาฆาตแว่บนึงก่อนจะเดินตามรุ่นพี่ไปพร้อมกับเพื่อนๆ
ถูกเกลียดเข้าจนได้ เด็กหนุ่มผมฟ้าคิดก่อนจะเหยียดยิ้มหยันแล้วเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เกลียดแล้วยังไง นึกว่าเขาจะสนหรือ
•.★*... ...*★.•
“โหลๆได้ยินไหม” เสียงประกาศที่ทั้งแหลมและดังลั่นห้องทำเอาแต่ละคนยกมือขึ้นมาปิดหูพร้อมกับสีหน้าทรมาน
“บ้าเรอะ ที่บ้านหูหนวกรึไง”
“เฮ้ย...หูจะแตกแล้วยังดังไม่พออีกหรอฟะ”
“จะฆ่ากันรึไงยายบ้า” เสียงตะโกนด่ากันดังระงมทำเอาคนประกาศคิ้วกระตุก พยายามอดทนแล้วนะแต่มันไม่ไหวแล้ว
“ใครด่าอีก...แช่งให้สอบไม่ผ่านเลย!!” เสียงประกาศที่ดังมาทำเอาทุกคนเงียบกริบ ถ้าเงียบแค่นี้ก็จบไปแล้ว
“ให้ทุกหอส่งตัวแทนขึ้นมาคนเดียว คนเดียวนะโว้ยถ้ารู้จักภาษา” ตอนแรกก็กะจะใช้น้ำเสียงหวานๆหรอกนะแต่ช่วยไม่ได้มันหลุดไปแล้วนี่หว่า
“แล้วให้ส่งตัวแทนมาจับฉลากว่าได้การทดสอบอะไรจากพวกอาจารย์” แต่ละคนต่างขมวดคิ้วก่อนความคิดนึงจะแล่นเข้ามาในหัวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ใครให้มันเป็นคนประกาศนะ
“งั้นหอเราก็ส่งหัวหน้าชั้นปีไปก็สิ้นเรื่อง” เสียงหวานของเอลีน่าดังขึ้นพร้อมมองไปที่เซอัส ซึ่งแวบหนึ่งที่เทเชียเห็นว่าดวงตาสีเงินฉายแววลำบากใจขึ้นมา
“นั่นสิครับ” เคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เทเชียก็มี” เสียงเย็นตอบกลับทำเอาเด็กหนุ่มหน้าหวานขยับยิ้มหยัน
“เขาให้เกียรติเจ้าชายมิใช่นักเดินทางกระจอกๆ” เสียงเรียบตอบกลับทำเอาคนเป็นเจ้าชายต้องหรี่ตามองนักเดินทางธรรมดาอย่างจับผิดก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเดินขึ้นเวทีไป
ช่วยไม่ได้ เรื่องอะไรที่ทำให้หมอนี่ลำบากใจตอนนี้เขาทำหมดนั่นแหละ ใครใช้ให้เขายังหงุดหงิดอยู่ล่ะ
•.★*... ...*★.•
มือของตัวแทนทั้งสี่หอที่ขึ้นไปจับฉลากบนเวทีล้วงลงไปในกล่องก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“ยังไม่ต้องเปิดนะ เฮ้ย!! ได้ยินไหมฟะยังไม่ต้องเปิด รอยหยักในสมองมีมั้ยหรือมีแต่สมองกลวงๆ” คำด่ายืดยาวตามมาติดๆเมื่อคนของหอหนึ่งทำท่าจะเปิดดู
โห คนประกาศมันไปเรียนฝีปากมาจากไหน คมราวมีดแถมยังกัดเจ็บอีกต่างหาก
เซอัสเดินลงจากเวทีพร้อมกระดาษในมือ เขาสังหรณ์ใจว่ากระดาษในมือนี่อาจจะนำพาความยุ่งยากมาในชีวิตเขาอีกแน่ ก็นะ...คนรอบตัวชอบบอกว่าเขาไม่มีโชคในเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย
“เอาละเปิดได้” สิ้นเสียงกระดาษในมือของเจ้าชายคนสำคัญก็ถูกเปิดออกอ่าน
•.★*... ...*★.•
การทดสอบคือตามจับมังกรมิติแห่งกาลเวลากลับมาเป็นๆ มังกรที่ได้ฉายาว่าผู้ควบคุมกาลเวลา มังกรเฟเวอร์
ป.ล. หากทำสำเร็จจะมีคะแนนให้แต่หากทำพลาดจะขอหักคะแนนของหอ
•.★*... ...*★.•
ทุกคนได้แต่หน้าซีด แล้วพวกเขาจะเข้าไปในช่องว่างแห่งกาลเวลาได้ยังไงและที่สำคัญผู้ควบคุมแห่งเวลาน่ะดุจะตาย
“หืม...มือดีโคตร” เสียงเรียบของเทเชียดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“วันหลังก็จับเองสิ” อีกคนก็ไม่ยอมแพ้จะก่อศึกน้ำลายกันให้ได้ คนอื่นพูดว่าเขามือไม่ดีไม่เท่าไหร่ แต่เซอัสรู้สึกยอมไม่ได้ถ้าหมอนี่เป็นคนพูด
“ว่าแต่น้องจะหาช่องว่างแห่งกาลเวลายังไง” เฟร้งค์ถามอย่างตื่นเต้น ช่องว่างแห่งกาลเวลาใช่ว่าจะหากันง่ายๆ จะสร้างขึ้นมาเองก็เปลื่องพลังเวทไม่น้อยเลย
“หาไม่ได้ก็สร้าง” เสียงเรียบจากเด็กหนุ่มผมฟ้าเรียกสีหน้าตะลึงของเพื่อนๆแต่รุ่นพี่ทั้งสองกลับเลิกคิ้วอย่างงุนงง มันทำง่ายเสียเมื่อไหร่ถึงได้พูดออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร
“หอที่ได้การจับมังกรเฟเวอร์ช่วยมารับอุปกรณ์ด้วย” เสียงประกาศดังก้องมา “เร็วๆนะเฟ้ยเดี๋ยวแช่งให้โดนงาบเลย”
•.★*... ...*★.•
ตอนนี้ทุกคนมาอยู่ในห้องหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนห้องรับรอง ภายในห้องก็เหมือนห้องรับแขกทั่วไป จะผิดก็แต่บนโต๊ะที่ล้อมรอบด้วยโซฟามีกุญแจมือหลายอันวางเอาไว้
“นี่คือกุญแจสำหรับจับมังกรเฟเวอร์โดยเฉพาะ” อาจารย์หนุ่มที่เดินนำพวกเขาเข้ามาในห้องพูดแล้วส่งกุญแจมือที่วางบนโต๊ะให้พวกเขา
“ตัวกุญแจและสายคล้องมือสามารถยืดและหดได้ มันแปรสภาพได้ตามความเหมาะสม แถมมันยังสามารถสะกดพลังเวทได้ด้วย แต่ที่ว่าสะกดพลังน่ะ มันจะสะกดต่อเมื่ออีกข้างของกุญแจต้องล็อกอยู่กับสิ่งของหรืออะไรบางอย่างและจะค่อยๆสะกดพลังทีละนิดไม่ใช่ปุบปับเลย มันมีความแข็งแกร่งจนไม่มีทางตัดออกได้ต้องใช้กุญแจปลดล็อกเท่านั้น” อาจารย์อธิบายสรรพคุณซะยืดยาวก่อนจะกวาดมองทุกคนในห้อง
“ให้ทุกคนคล้องกุญแจด้านหนึ่งให้ล็อกไว้กับแขนตนเองส่วนอีกด้านไว้จับมังกร” มันเป็นคำสั่งที่ทุกคนต้องรีบปฏิบัติตาม เครื่องทุ่นแรงของพวกเขามีสรรพคุณใช้ง่าย สะดวกสบายขนาดนี้ ก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย นึกว่าต้องไปจับมังกรกันมือเปล่าเสียแล้ว
เทเชียคล้องมันไว้กับข้อมือก่อนจะได้ยินเสียงดังกริ๊กเป็นอันล็อกเรียบร้อย เด็กหนุ่มหย่อนลูกกุญแจลงกระเป๋ากางเกงของตนเอง
“อ๋อ...ใช่ ขอเตือนอีกอย่างการยืดหดของกุญแจมือมันจะดูความเหมาะสมเอง จะบอกว่ามันมีความคิดก็ได้” ช่างเป็นกุญแจมือที่ดีเลิศอะไรแบบนี้ ในตอนนั้นเหล่าปีหนึ่งหอดราก้อนยังคงคิดเช่นนั้น แต่ในเวลาต่อมาพวกเขาคงอยากจะเขวี้ยงมันทิ้งเชียวแหละ
