มังกรตัวที่ 11 : เพราะดราก้อนคือหนึ่งเดียว
ภายในถ้ำที่ดูมืดมิดกลับสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อสองเด็กหนุ่มที่นำอยู่ด้านหน้าเรียกลูกไฟขึ้นมาส่องนำทาง ดวงตาทุกคู่กวาดมองรอบข้างด้วยความหวาดระแวง แต่อยู่ๆทุกกคนก็ได้ยินเสียงร้องแหลมเล็กพร้อมเสียงตีปีกพึ่บพั่บดังสับสนไปหมด
“สะ...เสียงอะไรครับ” เคนที่อยู่ข้างหลังถามออกมาอย่างขนลุกเพราะเสียงพวกนั้นกำลังบอกว่าอีกฝ่ายมีจำนวนมากมายมหาศาลเลยทีเดียว เด็กหนุ่มหน้าหวานไม่ตอบคำถามนั้นในขณะที่ดวงตาสีฟ้ามองจ้องไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
พั่บ...พั่บ...พั่บ!!
เสียงกระพืบปีกของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กดังขึ้น แต่ที่ทำให้ทุกคนกังวลเพราะมันมีมากจนน่าขนลุกเลยทีเดียว ยิ่งพวกเขาบินลึกเข้าไปในถ้ำมากเท่าไหร่เสียงเหล่านั้นก็ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น
แคว้ก...เสียงร้องพร้อมเจ้าของเสียงที่โผล่ออกมาจากเงามืดในถ้ำ ดวงตาสีแดงก่ำนับพันคู่สะท้อนอยู่ในความมืด ปากของมันเผยให้เห็นฟันซี่เล็กแหลมคมเต็มไปหมดบ่งบอกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ดำรงอยู่ได้โดยการดูดกินเลือดเนื้อ
“มันคือตัวอะไรนะ” เสียงไคร์ร้องถามดังลั่น ลางสังหรณ์ของเขากำลังร้องเตือนว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตรงหน้าพวกเขาจะต้องมีพิษสงไม่เบาเลยทีเดียว ยิ่งมันมีจำนวนมากเท่าไหร่ลางสังหรณ์ก็ยิ่งร้องเตือนมากเท่านั้น
“ค้างคาวดูดเลือดครับคุณไคร์” เคนตอบอย่างรวดเร็ว เขากำลังนึกกังวลเพราะการที่เจอค้างคาวดูดเลือดในถ้ำที่มืดมิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย ทว่าในขณะที่เคนพูดดวงตาทุกคู่ก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เพราะเจ้าสัตว์ตัวเล็กที่พวกเขาเจอไม่ได้มีเป็นพันอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก มันมากกว่าหลักพันเสียอีก
“คุ้มครอง ปกป้อง รักษา มังกรผู้พิทักษ์!!” เสียงของเทเชียเริ่มร่ายเวท เพราะรู้จักพิษสงของค้างคาวตัวเล็กพวกนี้ดีเขาจึงต้องทำอะไรสักอย่าง เกราะสีฟ้าใสโผล่ขึ้นมาปกป้องทุกคนไว้ไม่ให้โดนค้างคาวดูดเลือดจู่โจม
“ไล่ล่า ต่อสู้ ฆ่าฟัน มังกรพิโรธ!!” เจ้าตัวร่ายเวทขึ้นมาอีกครั้งทำให้เกิดกลุ่มควันจับตัวอยู่ด้านนอกของเกราะป้องกัน สำหรับเทเชียแล้วเขาไม่คิดจะป้องกันเฉยๆหรอก
“จงทำลายหากก็ต้องปกป้อง จงไล่ล่าหากก็ต้องคุ้มครอง จงต่อสู้หากก็ต้องรักษา จงรวมเป็นหนึ่ง ราชันพลิกโลกา!!” กลุ่มควันนั้นกลายเป็นรูปมังกรขนาดยักษ์ ค้างคาวดูดเลือดตรงเข้าหามันทันที เสียงคำรามของมังกรยักษ์ดังกึกก้อง ทั้งลำแสงและลูกแสงมากมายตรงเข้าหาค้างคาวที่เข้ามาหวังจะดูดเลือด แต่เจ้าพวกค้าวคาวตัวเล็กนั้นรวดเร็วนัก พวกมันต่างหลบหลีกในความมืดได้อย่างคล่องแคล่ว แถมจู่โจมได้ตรงจุดจนน่ากลัว เพียงไม่นานมังกรตัวนั้นก็สลายหายไปเพราะต้านค้างคาวจำนวนมากไม่ไหว
เจ้าพวกรุ่นพี่บ้ากะจะเอากันให้ตายเลยรึไง!!
“ถ้าเป็นอย่างนี้เกราะคงต้านไม่ไหวหรอกค่ะ” เสียงหวั่นวิตกของผู้หญิงผมฟ้าดังขึ้น เธอคือ เวนน่า มาซิเวอร์เจ้าหญิงแห่งเลก แต่ถ้าเธอจะหวั่นใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ค้างคาวกลุ่มยักษ์ดูท่าว่าจะไม่ไปไหนง่ายๆแม้หลายตัวจะตกลงพื้นตายแล้วก็ตาม แถมที่น่าหนักใจกว่านั้นคือมีค้างคาวหลายตัวรวมตัวกระแทกใส่เกราะป้องกันที่คนเป็นนักเดินทางสร้างจนเกิดเสียงดังตึงเลยทีเดียว
“ช่วยกันคิดสิว่าจะเอายังไง” เสียงหวานของผู้หญิงคนสุดท้ายเอ่ยขึ้น เธอคือเอลีน่า เฟเทนเจ้าหญิงแห่งเกเซีย
“โธ่ แม่คุณก็มาช่วยคิดกันหน่อยสิ” เสียงไคร์พูดออกมาอย่างกวนๆทำเอาดวงตาสีน้ำตาลตวัดไปมองอย่างเอาเรื่อง เจ้าหมอนี่แม้แต่สถานการณ์แบบนี้ยังสามารถหันมากวนคนอื่นได้ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวใจเย็นจริงหรือมันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายกันแน่
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ” เคนรีบห้ามก่อนสถานการณ์มันจะไปกันใหญ่ แค่เจอค้างคาวดูดเลือดกลุ่มใหญ่ก็ว่าแย่แล้ว นี่ถ้าเพื่อนทุกคนยังมาตีกันอีกมันยิ่งวิกฤตไม่ใช่หรือ
“หุบปาก!!” เสียงเย็นเยียบของเจ้าชายแห่งซิเวียดังขึ้น ดวงตาสีเงินเย็นเยียบกวาดมองไปทั่วเพื่อประเมินสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นค้างคาวดูดเลือดหรือเพื่อนที่ใกล้จะตีกัน เซอัสวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นเป็นที่สุด
“ค้างคาวดูดเลือดกลัวอะไร” เด็กหนุ่มผมเงินเอ่ยถามเสียงเย็น ไม่ได้ถามทุกคนเมื่อดวงตาคู่นั้นไปหยุดที่เทเชียและเคน แน่นอนว่าสองคนนี้ต้องรู้อยู่แล้วเพราะคนหนึ่งเป็นคนพูดชนิดของค้างคาวออกมาขณะที่อีกคนแม้ไม่พูดแต่ก็ลงมือสร้างเกราะป้องกันให้ทุกคนทันที เห็นชัดว่าเจ้าตัวคงจะรู้จักเจ้าค้างคาวดูดเลือกมาไม่น้อยเลย
“กะ...กลัว” เคนตอบอย่างตะกุกตะกักเมื่อสบกับดวงตาคู่นั้น มันเย็นเยียบและทรงอำนาจจนทำให้เขาเกร็ง คนตรงหน้ามันน่ากลัวกว่าฝูงค้างคาวข้างนอกซะอีก
“กลัวแสง” ผิดกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เอ่ยตอบเสียงเรียบอย่างไม่สะทกสะท้านกับดวงตาคู่นั้นเลยสักนิด เขาจะกลัวไปทำไมในเมื่อเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
เทเชียไม่คิดจะแปลกใจว่าทำไมทุกคนที่นี่ถึงไม่รู้จักค้างคาวดูดเลือดเท่าที่ควร เพราะความจริงแล้วมันทั้งหายากและไม่เคยปรากฏตัวที่ไหนนอกจากชายแดน ลึกเข้าไปในถ้ำซึ่งอยู่ในป่าอันมืดมิด
การที่เคนรู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีก ค้างคาวดูดเลือดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พวกนักบวชเชื่อว่ามันคือความชั่วร้ายและนำพาโรคระบาด การที่นักบวชอย่างเคนต้องศึกษาเป็นเรื่องที่ถือว่าปกติมาก แต่ที่แปลกคือพวกรุ่นพี่สามารถไปเอามันมาได้ยังไง ดูเหมือนเขาจะต้องประเมินฝีมือของพวกรุ่นพี่ใหม่แล้วจริงๆ
“แต่ก็อย่างที่นายสัมผัสได้ จะสร้างแสงในที่ๆมีความมืดมิดขนาดนี้คนเดียวคงเป็นไปไม่ได้” เทเชียเอ่ยเสียงเรียบอย่างท้าทาย เพราะเขารู้ว่าคนตรงหน้ามีพลังมากกว่าที่ทุกคนคิด เด็กหนุ่มผมฟ้าเหยียดยิ้มหยัน มันเป็นพลังที่ไร้ขอบเขต...เพียงแต่เจ้าตัวไม่คิดจะนำออกมาใช้ให้ใครเห็นก็เท่านั้น
เซอัสมองไปรอบๆอีกครั้งหนึ่งแล้วก็ต้องเห็นด้วย ที่นี่มืดมิดเกินกว่าจะสร้างแสงขึ้นมาได้คนเดียวตามที่เด็กหนุ่มผมฟ้าพูดจริงๆ แต่ถ้าช่วยกันสองคนล่ะ ดวงตาสีเงินหันไปมองเทเชีย โดยเฉพาะอีกคนก็มีพลังที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน!!
“คนเดียวไม่ได้ก็ใช้หลายคน” เด็กหนุ่มผมฟ้ายิ้มหยันเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า ปีศาจไม่เคยร่วมงานกับพวกมนุษย์ เพราะฉะนั้นครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก!!
เปรี๊ยะๆๆ... เสียงที่ดังมาจากเกราะป้องกันบอกได้เลยว่าเกราะป้องกันคงอยู่ได้อีกไม่นาน เทเชียพยักหน้ารับทันทีที่เห็นท่าจะไม่ดี คนทั้งสองกางมือไปข้างลำตัวแล้วหลับตาลง ไม่นานแสงก็ค่อยๆสว่างจากด้านนอกของเกราะป้องกัน แสงสีขาวสาดไปทั่วกลืนกินความมืดมิดในถ้ำ จากแสงกลุ่มเล็กๆที่รวมตัวกันไม่นานก็ขยายเป็นวงกว้างเมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันประสานพลังเพื่อสร้างแสงสว่าง แต่แสงสว่างที่สร้างมากลับไม่อาจควบคุมทั้งถ้ำจึงไม่สามารถไล่ค้างคาวไปได้หมด
จะปลดผลึกพลังดีไหม? เทเชียคิดอย่างหงุดหงิดที่ตนใช้พลังได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าเขาปลดผนึกถ้ำนี้คงต้องถูกกลืนด้วยพลังเวทของเขาแน่ๆ อีกอย่างเขาก็เคยสัญญาเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ปลดมัน คิดแล้วเจ้าตัวก็ถอนหายใจ วิธีนี้ก็ทำไม่ได้ วิธีนั้นก็มีปัญหา
เพื่อนทุกคนช่วยกันเค้นพลังเวทเพื่อสร้างแสงให้สว่างมากขึ้น คนที่มีมังกรแสงก็ต้องใช้ความสามารถในการสร้างแสงของมันเข้าช่วย และนี่คือสิ่งที่พวกรุ่นพี่อยากจะเห็น การร่วมมือกันฝ่าฟันปัญหาของรุ่นน้อง เพราะแม้ว่าทุกคนจะมาจากต่างที่ ต่างความคิด แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ต้องอยู่ภายใต้คำว่า ดราก้อนคือหนึ่งเดียว แต่แม้แสงสว่างที่รวมใจกันสร้างขึ้นจะขยายขอบเขตมาขึ้นจนกลืนกินพื้นที่เพิ่มเข้าไปอีกทว่ามันก็ไม่สามารถไล่พวกค้างคาวไปได้อยู่ดี
เทเชียเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะเกราะป้องกันของตนเองเริ่มจะต้านทานเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่เกราะทลายลงพวกค้างคาวก็จะตรงเข้ามาทันทีและนั่นคงจะทำให้สถานการณ์วุ่นวายเข้าไปใหญ่ คนพวกนี้ยังไม่รู้จักความร้ายกาจของมันดี จะโดนมันกัดไม่ได้เด็ดขาดเพราะถ้าถูกมันกัดแล้วปล่อยเอาไว้เลือดจะไหลไม่หยุด แถมยิ่งเวลาผ่านไปบาดแผลก็จะขยายเป็นวงกว้างอีก กว่าจะฝ่าออกไปรักษาได้มีหวังเสียเลือดไปเยอะแน่ๆ ปล่อยเอาไว้คงมีแต่ตายกับตาย!!
สมองเริ่มคำนวณหาทางรอดอย่างเร่งด่วน ในร่างกายของคนเราธาตุทุกธาตุย่อมสมดุลกัน แล้วถ้าเปลี่ยนธาตุมืดในตัวให้เป็นธาตุแสงสักพักมันจะไล่พวกค้างคาวดูดเลือดไปได้ไหม ดวงตาสีฟ้ามองสถานการณ์รอบตัวที่แย่ลงเรื่อยๆอย่างหนักใจ โดยไม่รีรอ...
“ต้านมันไว้” เสียงเรียบเอ่ยสั่งก่อนลดมือลงเป็นผลให้ความมืดกลืนกินแสงสว่างเข้ามาอีกเพราะขาดพลังของเขาไป พร้อมๆกับพวกค้างคาวที่เข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเมื่อแสงสว่างมีอาณาเขตน้อยลง
“จะ-ทำ-อะไร” เสียงที่เน้นทุกคำถูกเปล่งออกมาจากปากของเซอัสอย่างยากเย็น หมอนี่กำลังจะทำอะไรอีก
“ทำให้การรับน้องจบไปสักที” เทเชียเอ่ยตอบก่อนกางแขนของตนเองออกอีกครั้ง เจ้าตัวกำลังจะจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงคนเดียว สำหรับเขาในตอนนี้มีเพียงตนเองเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้ และก็มีเพียงแค่ตนเองเท่านั้นที่ไว้ใจได้
“ในนามข้าผู้สร้างพันธะทั้งสองธาตุ” แขนข้างขวาค่อยๆถูกลำแสงสีดำเข้ามาพันเหมือนแขนข้างซ้ายที่มีแสงสีขาวเข้ามาพัน เซอัสเบิกตากว้าง เข้าใจแล้วว่าเด็กหนุ่มร่างบางจะทำอะไร เจ้าบ้านี่กำลังหาเรื่องเสี่ยงตายอยู่ชัดๆ
“หยุดนะ” เสียงเย็นตะโกนสั่งทันที หัวใจกระตุกวูบเมื่อรู้ถึงวิธีการที่คนตรงหน้าจะใช้ เวทเปลี่ยนธาตุ ไอ้หมอนี่มันโง่งี่เง่าจริงๆใช่ไหม ทางออกทางอื่นถ้าทุกคนร่วมมือกันก็ออกไปได้ แต่เทเชียก็ไม่ฟัง อันที่จริงอีกฝ่ายจะโวยวายอะไรเขาก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว
“ซ้ายมาขวากลืนกินธาตุมืดให้หมดไป!!” ลำแสงสีขาวเคลื่อนที่เข้ามากลืนกินลำแสงสีดำทางด้านขวาให้หมดไป ชั่ววินาทีนั้นความเจ็บปวดก็แล่นตรงเข้ามาทั่วร่างซึมลึกถึงกระดูกเลยทีเดียว เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มผมฟ้าดังลั่นถ้ำ แสงสีขาวสว่างวาบร่างนั้นทรุดลงบนหลังฟ็อกไม่นานแสงก็ดับวูบลง เทเชียค่อยๆลุกขึ้นด้วยแรงน้อยนิดของตน เวทนี้มีผลกับร่างกายและพลังเวททั้งหมดในตัว
เหนื่อย...เหนื่อยมาก เหนื่อยจนสุดใจ เหนื่อยจนดวงตาสีฟ้าจวนจะปิดลงหากหน้าที่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็สำคัญไม่แพ้กัน
เจ้าพวกค้างคาวตรงหน้าจะต้องหายไป!!
ดวงตาสีฟ้ากวาดมองไปทั่วหากตอนนี้มันกลับจับภาพไม่ดีเหมือนเดิม การที่สมดุลของพลังทั้งหมดถูกทำลายมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ในตอนนี้เทเชียสามารถจะหมดสติได้ตลอดเวลา
“บ้าชะมัด!!” เสียงสบถของเจ้าชายแห่งซิเวียที่ตามมาอีกไม่ได้เข้าหูของเด็กหนุ่มเลยสักนิด
เทเชียกางแขนออกจนสุดและหลับตาลงอีกครั้ง หูยังแว่วเสียงตีปีกของสัตว์กระหายเลือดยังคงดังมาไม่หยุด แสงค่อยๆสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ มันสาดส่องไปทั่วเพื่อกลืนกินความมืดมิดให้หมดไป เมื่อแสงสว่างโดนพวกค้างคาวเสียงร้องของพวกมันก็ผสานเสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มร่างบางดังก้อง พลังที่เค้นออกมายิ่งทำให้ร่างกายสูญเสียสมดุลของพลังเวท!!!
ฟ็อกเริ่มกรีดร้องดังลั่นเมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความทรมานของคนเป็นเจ้านาย มันห่วงนายน้อยของมันมาก เป็นห่วงจนจะคุ้มคลั่งอยู่แล้ว นายน้อยไม่เคยกรีดร้องด้วยความทรมานแบบนี้ นายน้อยของมันเข้มแข็ง การที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเช่นนี้แปลว่านายน้อยต้องเจ็บปวกมากทีเดียว ยิ่งคิดอัศวินแห่งรัตติกาลก็ยิ่งรู้สึกโกรธและหวาดกลัว
“คุณเทเชียครับ...คุณเทเชีย” เคนพยายามร้องเรียกสติของเด็กหนุ่มที่กรีดร้องอย่างเจ็บปวด
ยิ่งใช้พลังมาเท่าไหร่เทเชียก็จะเจ็บปวดมากเท่านั้น เคนมองอย่างร้อนใจเนื่องจากเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ยอมลดพลังของตนเองสักที
ทุกคนมองเพื่อนที่ยังกรีดร้องราวกับจะขาดใจอย่างเป็นห่วง ถึงทุกคนจะมาจากต่างสถานที่จึงไม่เชื่อใจกัน แต่การที่เห็นเพื่อนคนหนึ่งลงแรงไปเพื่อพวกเขาความเชื่อใจจึงก่อตัวขึ้นในสถานการณ์ที่วิกฤตแบบนี้
แต่สำหรับอัศวินแห่งรัตติกาลแล้วเสียงกรีดร้องของนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของมันไม่ต่างจากคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจจนทำเอามันแทบคลั่ง ดวงตาสีเพลิงเต้นระริกราวเปลวไฟเพราะความโกรธอย่างถึงที่สุด
“ใจเย็นๆ” เคนรีบปลอบฟ็อกเสียงนุ่มแม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ เพราะอัศวินแห่งรัตติกาลรักเจ้านายเหนือสิ่งอื่นใด
“อั้ก!!” คราวนี้ทุกคนถึงกับตกใจเมื่อเทเชียถึงกับกระอักเลือด และก็เพราะเลือดที่หยดลงบนแผ่นหลังของอัศวินแห่งรัตติกาลทำเอาดวงตาสีแดงเพลิงของมันเบิกกว้าง เลือดบนเกร็ดสีดำกำลังกระตุ้นความโกรธจนแทบควบคุมไม่อยู่
กรี๊ซ...!!!
ฟ็อกกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความโกรธจนถ้ำถึงกับสั่นสะเทือน ปีกสีดำใหญ่ยักษ์สะบัดออกทำให้เกิดแรงลมมหาศาล เลือด...เลือดของนายน้อย เลือดที่ไม่ควรรินไหลของนายน้อย...
ฟุบ!!
อยู่ๆเทเชียก็ล้มลงหมดสติอยู่บนหลังฟ็อกนั้นทำเอาดวงตาทุกคู่เบิกกว้าง
ผึง!!
ร่างไร้สติของนายน้อยที่ทิ้งน้ำหนักลงบนแผ่นหลังของมันทำเอาสติสุดท้ายของฟ็อกขาดลง ปากของมันอ้ากว้างก่อนปล่อยลูกพลังสีดำสนิทที้มืดมิดยิ่งกว่าราตรีออกมาอย่างรวดเร็ว
ตูม...เพล้ง!!
เพียงแค่ครั้งเดียวเกราะที่เคยคุ้มครองทุกคนจากพวกค้างคาวกลับแตกออกอย่างไม่มีชิ้นดี ฟ็อกกระพือปีกส่งตัวเองให้พุ่งออกไปข้างหน้า สายพลังและลูกพลังสีดำถูกปล่อยออกจากปากของอัศวินแห่งรัตติกาลและกระหน่ำโจมตีพวกค้างคาวไม่ยั้ง แต่เมื่อค้างคาวจะตรงเข้าดูดเลือดกลับมีขุมพลังสีดำล้อมรอบตัวฟ็อกเอาไว้เหมือนปกป้อง
มังกรอัศวินแห่งรัตติกาลเป็นมังกรชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีและการเคลื่อนไหวทั้งรุนแรง รวดเร็ว ไม่เสียเปล่าและไม่พลาดเป้าเลยสักนิด อีกทั้งเกร็ดและพลังในตัวของมันก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว การที่พวกค้างคาวดูดเลือดจะเข้ามาดูดเลือดมันได้เป็นสิ่งที่ยากมาก
วูบ!!
ขุมพลังที่ถูกปล่อยออกมาพุ่งเข้าหาทั้งค้างคาวและผนังถ้ำ เคนที่นั่งอยู่บนหลังฟ็อกร้องเสียงหลงแต่ก็ไม่ลืมที่จะจับตัวเทเชียไว้ด้วย อัศวินแห่งรัตติกาลกำลังอาละวาดและไม่มีใครหยุดมันได้!!
กรี๊ซ...อยู่ๆฟ็อกก็ร้องออกมา มันอ้าปากกว้างขึ้นและคราวนี้ขุมพลังสีดำในปากของมันก็แผ่พลังออกมาจนคนรอบด้านต้องสร้างเกราะป้องกันขึ้นมาครอบคลุมทั้งมังกรคู่กายและตนเอง
วูบ...ตูม!!
สายพลังวิ่งออกจากปากของอัศวินแห่งรัตติกาลก่อนจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบจนหมดสิ้น ทั้งแสงสว่างที่ทุกคนพยายามสร้างขึ้น ทั้งเสียงกรีดร้องและสุดท้ายกลืนกินแม้ชีวิตของค้างคาวทุกตัว
กรี๊ซ... เหมือนฟ็อกจะยังไม่พอใจมันจึงปล่อยลูกพลังออกมาทลายผนังถ้ำอีกเป็นชุด แถมดูแล้วมันจะไม่หยุดง่ายๆเสียด้วย
“คุณเซอัสช่วยด้วย ผมบังคับมันไม่ได้” เคนตะโกนลั่นร้องเรียกให้คนเป็นเจ้าชายช่วยซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดช่วย มังกรตัวนี้ทรงอำนาจมากเกินไป มีพลังมากเกินไปและโหดเหี้ยมเกินไป เคนไม่สามารถจะควบคุมมันได้
ดวงตาสีเงินของคนเป็นเจ้าชายดูเครียดขึ้นมาเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างอยู่เหนือการคาดการณ์ของเขา ร่างสูงบังคับเฟสไปใกล้ฟ็อกก่อนจะทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เซอัสถีบตัวจากมังกรน้ำแข็งของตนไปหาเคน ระยะทางที่ถือว่าไกลทำเอาเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์แทบจะอ้าปากค้างแต่ก็เพียงไม่นานทุกคนก็ต้องรีบกลับไปบังคับมังกรต่อเนื่องจากถ้ำเริ่มจะถล่มลงมา
อัศวินแห่งรัตติกาลยังคงอาละวาดไม่หยุด ดวงตาสีเพลิงฉายชัดถึงความโกรธ ดวงตาที่ตอนนี้วาววับเพราะต้องการฆ่า!!...ฆ่าเพื่อดับความโกรธ...ฆ่าเพื่อชดเชยหยดเลือดที่หยดลงมาชโลมเกล็ดสีดำของมัน...ฆ่าเพื่อทดแทนความเจ็บปวดที่นายน้อยได้รับ!!
“เคนเอาเทเชียมา” เซอัสสั่งทำให้เคนรีบส่งเด็กหนุ่มผมฟ้าให้ ตอนนี้มีเพียงแค่เทเชียเท่านั้นที่จะสามารถทำให้อัศวินแห่งรัตติกาลตัวนี้หยุดอาละวาดได้
“เซอัสเร็วๆโว้ยเดี๋ยวได้ตายกันหมดหรอก” ไคร์ตะโกนออกมาทั้งๆที่เจ้าตัวยังบังคับเฟร่าอยู่แท้ๆ ดวงตาสีเงินเย็นเยียบหันไปมองเคน
“ขอโทษ” เอ๋... เด็กหนุ่มผมม่วงที่นั่งอยู่บนหลังของอัศวินแห่งรัตติกาลด้วยกันถึงกับงุนงงกับคำขอโทษที่มาอย่างกะทันหันของคนเป็นเจ้าชาย แต่แล้ว...
“เฮ้ย!!” เสียงร้องตกใจดังขึ้นเมื่อไอ้เจ้าชายน้ำแข็งยกเท้าขึ้นถีบคนเป็นนักบวชเต็มแรง เขาก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ในอ้อมแขนของเขามีเด็กหนุ่มหน้าหวานอยู่ อีกอย่างสถานการณ์ตอนนี้ก็ร้ายแรงเกินกว่าจะมาพูดจาอะไรได้อีก
“เฟส!!” เซอัสตะโกนชื่อมังกรของตนทำให้เฟสรีบทะยายเข้ามารับร่างของเคนทันทีตามความต้องการของผู้เป็นนาย
“วันหลังบอกก่อนก็ได้ครับคุณเซอัส” เสียงเคนท้วงขึ้นเมื่อสามารถนั่งลงบนหลังของมังกรน้ำแข็งได้อย่างมั่นคง
“วันหลัง” คนเป็นเจ้าชายตอบอย่างขอไปทีก่อนจะหันดวงตาสีเงินมาที่ฟ็อกซึ่งกำลังปล่อยพลังใส่ผนังถ้ำจนสั่นสะเทือนโดยไม่คิดจะหันมาสนใจเขาที่นั่งอยู่บนหลังของมันเลยสักนิด ดูท่ามังกรตัวนี้จะสติหลุดไปแล้วจริงๆ
“อัศวินแห่งรัตติกาลเอ๋ยหากเจ้ายังอาละวาดอยู่เช่นนี้นายของเจ้าก็จะไม่รอด แต่หากเจ้าหยุดอาละวาดแล้วไปกับพวกเรานายของเจ้าก็จะปลอดภัย” เซอัสพูดกับฟ็อกด้วยภาษามังกรโดยเฉพาะซึ่งหลายคนยังฟังไม่เข้าใจ เขาจำเป็นต้องพูดภาษามังกรเพราะไม่แน่ใจว่าฟ็อกจะฟังภาษามนุษย์ออกหรือไม่ ต่อให้เคยเห็นเทเชียออกคำสั่งกับมันก็ตาม แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเสี่ยงทั้งนั้น ดวงตาสีเพลิงตวัดไปมองเด็กหนุ่มผมเงินที่ในอ้อมกอดคือนายสุดหวง
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า”
ดวงตาสีเพลิงวาววับเริ่มลดความแข็งกร้าวลง ชีวิตของนายน้อยสำคัญที่สุด!!
ฟ็อกกระพือปีกลดความเร็วลงให้เป็นปกติ เซอัสพยักหน้าอย่างพอใจในคำตอบก่อนจะหันไปบอกทุกคน
“ตามมา หากออกจากถ้ำได้การรับน้องก็จะจบ” เซอัสกล่าวออกมาก่อนบังคับฟ็อกให้พุ่งทะยานไปข้างอย่างรวดเร็วเพื่อออกไปก่อนที่ถ้ำจะถล่มลงมา
•.★*... ...*★.•
ฟ็อกก็คืออัศวินแห่งรัติกาลและอัศวินแห่งรัตติกาลก็ยังเป็นอัศวินตลอดกาล
ไม่ว่ายังไงสำหรับอัศวินแห่งรัตติกาลแล้ว
หน้าที่คือปกป้องเจ้านาย!!
ศักดิ์ศรีคือสิ่งที่ต้องรักษา!!
ความปลอดภัยของเจ้านายต้องมาก่อนศักดิ์ศรี!!!
และชีวิตของเจ้านายต้องมาก่อนชีวิตของตนเอง!!
