บท
ตั้งค่า

Chaptet 27

ด้านฝั่งการต่อสู้ระหว่างปรมัตถ์กับสุระ ยังคงดุเดือดไม่มีใครยอมใคร คมขวานในมือของสุระได้ทำลายอาวุธประจำกายของปรมัตถ์ ดริ้วเหล็กขาดเป็นสองท่อน เพียงแค่ถูกขวานฟันสามถึงสี่ครั้ง ส่งผลให้ปรมัตถ์จำต้องใช้การต่อสู้มือเปล่าแทน ความว่องไวยังคงเป็นข้อได้เปรียบของปรมัตถ์ แต่แท้จริงแล้วสุระยังไม่ได้แสดงพลังแท้จริงออกมา ดังนั้นวิธีเดียวที่จะให้สุระเอาจริง คงต้องเติมเชื้อไฟลงไปให้มากกว่านี้

ปรมัตถ์ใช้พลังวายุส่งตัวเองพุ่งตรงเข้าหาสุระ ซึ่งฝ่ายศัตรูก็หวดขวานเข้าใส่หวังจะฟันร่างปรมัตถ์ขาดเป็นสองซีก ทว่าแทนที่คมขวานจะถูกตัวยุวชนทหารกลับมีบางอย่าง ขวางเอาไว้ทำให้ขวานของสุระหยุดซะงักกลางอากาศ เปิดโอกาสให้ปรมัตถ์ใช้ลูกถีบขวา อัดเข้าหน้าท้องของสุระ แรงถีบทำให้แค่เซถอยหลังไม่ถึงกับล้ม แต่สำหรับปรมัตถ์แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เขาพุ่งตัวเข้าประชิดตัวสุระและกระหน่ำรัวหมัดขวา-ซ้ายอัดเข้าลำตัว

สุระฝืนทนไม่ยอมล้มง่าย ๆ จึงระเบิดพลังมานาออกมา คลื่นพลังมานาซัดตัวปรมัตถ์ปลิวกระเด็นไปหลายก้าว ลมพัดรุนแรงจนเขาแทบจะยืนไม่ติดพื้น เดชะบุญที่เขาใช้พลังควบคุมธาตุลม ปัดป้องให้มันพัดไปทางอื่นแทน ตอนนี้สุระคงเริ่มจะเอาจริงแล้ว แน่นอนว่าทางปรมัตถ์เองก็สมควรที่จะต้องเอาจริงด้วยเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างระเบิดพลังในกายออกมาแบบเต็มที่ 

บึ้ม ! 

เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ไกลจากบริเวณที่ปรมัตถ์กับสุระอยู่ ทั้งสองต่างเงยหน้าหันไปมองจุดเกิดเหตุ แลเห็นสองบุคคลที่ใช้พลังมานาลอยตัวกลางอากาศ และกำลังฟาดฟันต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย โซ่สีเพลิงกับกำไลอัคคีที่กำลังหวดกลางอากาศนั้น ทำให้ปรมัตถ์รู้ในทันทีว่าปกรณ์วุฒิสหายของเขา กำลังสู้กับสิชลหนึ่งในสมุนผู้ติดตามของสุระ 

ฝั่งสุระเลือกที่จะไม่แยแสศึกของคนอื่น และพุ่งตรงเข้าโจมตีใส่ปรมัตถ์ พร้อมฟาดขวานเป็นแนวตั้งหวังจะฝ่าศัตรูเป็นสองซีก ทว่าปรมัตถ์ตั้งรับไว้ทันท่วงทีเขาสร้างกำแพงลมขึ้นมา ส่งผลให้ขวานของสุระมาไม่ถึงศีรษะของยุวชนทหาร ปรมัตถ์ได้จังหวะตอบโต้ก็หมุนตัวเข้าหาศัตรู และซัดหมัดมือซ้ายเข้าหน้าท้องของสุระเต็มแรง ทำเอาศัตรูที่อายุเยอะกว่าถึงกับทรุด ความรู้สึกของสุระมันไม่ต่างจาก การโดนค้อนเหล็กทุบหน้าท้อง

"เฮ้ย ! ลุกขึ้นมาเลย ไอ้หน้าหล่อแม่ไม่สั่งสอน" ปรมัตถ์พูดเสียงเย็น "คายศักดิ์ศรีทิ้งไปแล้วหรือไง ถึงได้คิดลอบกัดศัตรูที่ยืนหันหลังให้"

สุระถมน้ำลายลงพื้นและใช้ขวานพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน 

"ปากดีนักนะ ไอ้เด็กเวร" สุระว่า

"อะไรกันไม่เคยได้ยินคำโบราณเขาพูดกันเหรอว่า ปากดีเป็นสิ่งมงคลเข้าหาตัว" ปรมัตถ์พูดจายั่วยุโทสะ "ใครจะไปเหมือนคนปากชั่ว ๆ อย่างมึงล่ะครับ คุณสุระ"

"ไอ้สัตว์ ! อย่าตายดีเลยมึง"

สุระพุ่งเข้าหวดฟันใส่ปรมัตถ์อย่างบ้าคลั่ง ปรมัตถ์จำต้องหลบหลีกให้ห่าง เพราะถึงเขาจะหลบรัศมีคมขวานได้ แต่คลื่นพลังมานาที่ออกมาจากขวาน มันสามารถโจมตีระยะไกลได้ซึ่งมันพึ่งสร้างแผลให้ยุวชนทหารไปสี่ถึงห้าแผล แต่ในขณะเดียวกันพลังของปรมัตถ์ ก็สร้างแผลให้กับสุระเช่นกัน ลมที่พัดผ่านตัวได้เฉือนผิวเนื้อไปประดุจคมมีด สุระสัมผัสถึงความเจ็บที่บริเวณท่อนแขน มือ และแก้มข้างขวา

สุระชะงักไปเพื่อให้พลังมานาเยียวยาอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกันฝั่งปรมัตถ์ที่พักฟื้นอยู่ไกล ๆ ในช่วงพักรบเวลาสั้นนี้ทำให้สุระคิดทบทวน พลางนึกย้อนกลับไปตอนที่ สุธนกับสุทัศน์และสุระได้รับรายงานว่า โอโตฮวาถูกกำจัดด้วยฝีมือของทหารคนหนึ่ง ซึ่งมีพลังในการควบคุมธาตุลม และยังเป็นคนเดียวที่ขัดขวาง ไม่ให้เปลวเพลิงกัปนาทลอบสังหารโอโตฮวา เสี้ยววินานั้นเองที่สุระได้รู้ว่า ศัตรูตรงหน้าคือใคร

"ออ มึงนี่เอง ที่เป็นคนจัดการโอโตฮวา"

ตัดมาทางปกรณ์วุฒิที่กำลังสู้กับสิชลอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายต่างใช้พลังมานาในการทรงตัวบนอากาศ เบนเฮอร์ที่เงยหน้ามองอยู่เบื้องหน้า จึงตระหนักได้ว่าพลังของเพื่อนยุวชนทหารคนนี้ไม่ธรรมดา ซึ่งก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะปกรณ์วุฒิคือผู้ได้รับพรจากเทพนกฟีนิกซ์ แต่ขณะเดียวกันสิชลก็เป็นศัตรูที่ไม่ควรประมาท 

สิชลโกรธจนเส้นเลือดผุดโผล่บนผิวเนื้อกล้ามชัดเจน มันคลุ้มคลั่งไล่หวดค้อนอัดพลังมานา โจมตีใส่ปกรณ์วุฒิต่อเนื่องชนิดที่ไม่ต้องการให้เขาโต้กลับ ค้อนที่กระทบกับกำไลอัคคีของปกรณ์วุฒิ มันส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกรณ์วุฒิเลือกจะถอยหลังไปตั้งหลัก กำไลอัคคีทั้งสิบวงลอยอยู่รอบตัวยุวชนทหารเหมือนเกราะคุ้มกัน

"เตรียมตัวตาย !" 

ศัตรูร่างใหญ่จับค้อนให้มือแน่นและมั่นคง พร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาปกรณ์วุฒิ หวังจะจบศึกในการทุ่มพลังสุดตัวในคราวนี้ ทว่าเสี้ยววินาทีที่สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน สิชลเห็นรอยยิ้มปรากฏบนหน้าของปกรณ์วุฒิ ฉับพลันกำไลอัคคีทั้งสิบวงก็บินมาล็อคตามร่างกายของสิชล จนมันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก ปกรณ์วุฒิที่เห็นแบบนั้นก็รวบรวมพลังไฟธาตุอัคคีไว้ในหมัดขวา และซัดมันเข้ากลางลำตัวสิชล

เกิดเเรงระเบิดขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง และรัศมีค่อนข้างรุนแรงเสียจน รังสีความร้อนแผ่ขยายลงมาตรงบริเวณที่ปรมัตถ์กับสุระสู้กันพอดี สองฝ่ายต่างรีบถอยไปหลบด้านในตึกร้าง ใครที่หนีไม่พ้นก็ปวดแสบปวดร้อน นอนดิ้นทุรนทุรายบนพื้นพลางส่งเสียงโหยหวน ด้วยความทรมาน ปรมัตถ์เห็นแล้วอดเวทนาไม่ได้ จึงตัดสินใจใช้พลังวายุพัดคลื่นความร้อนออกไป และเพื่อให้ตัวเองหายใจข้องด้วย

สุระที่ตอนแรกร้อนตับเครื่องในแทบแตก พอได้ลมเย็น ๆ พัดมาคลายร้อน ก็ทำให้หายใจหายคอโล่งขึ้นมาบ้าง สุระค่อย ๆ เดินออกมาจากตึกเพื่อเผชิญหน้ากับปรมัตถ์ วัดชี้ชะตาขาดกับอีกฝ่ายให้จงได้ ซึ่งปรมัตถ์ก็กำลังรออยู่เช่นกันจึงตั้งท่าเตรียมสู้ไว้รอท่าแล้ว

"เข้ามาเลย !" ปรมัตถ์ท้าทาย

"จัดให้ !"

เพียงแค่วินาทีเดียวยังไม่ทันที่ปรมัตถ์จะผ่อนลมหายใจ คมขวานก็พุ่งเข้ามาเกือบจะแนบชิดกับผิวเนื้อต้นคอแล้ว เดชะบุญที่ยุวชนทหารไหวตัวทันและรีบสร้างเกราะวายุขึ้นมากันไว้ ขวานของสุระจึงปะทะกับแรงลม ซ้ำยังโดนปรมัตถ์ที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว พุ่งเข้าประชิดตัวพร้อมซัดฝ่ามือขวาอัดเข้ากลางลำตัว ทว่าสุระใช้พลังมานาเกร็งตัวไว้ เพื่อลดความเสียหายภายใน ถึงกระนั้นสุระก็สำลักเลือดออกมา แสดงให้เห็นถึงพลังของปรมัตถ์

แต่แค่นี้ไม่มีทางหยุดสุระแห่งแก๊งขวานซิ่งได้แน่นอน สุระถมเลือดลงพื้นและใช้แขนเสื้อเช็ดคาบเลือดบนปาก ด้านปรมัตถ์ยอมรับว่าสุระอึดทนรับมือยากกว่าโอโตฮวา หรือแม้แต่กับคลั่งใหญ่บ้าคลั่งก็ยังเทียบพลังของสุระไม่ได้ ก็สมแล้วที่เป็นขุนศึกยอดฝีมือที่ไม่ควรประมาท เขารวบรวมพลังไว้ที่สองกำปั้น เตรียมรับมือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

ทันใดนั้นเองที่สุระจับขวานยกขึ้นเหนือศีรษะ และทำการฟาดฟันกลางอากาศ ทั้งที่ปรมัตถ์อยู่ห่างพอสมควร แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีลมแผ่วบางพัดผ่านร่างยุวชนทหาร พริบตานั้นผิวเนื้อแก้มขวาและที่แขนกับขา ก็ปริแตกออกพร้อมกับโลหิตที่ไหลออกมา ปรมัตถ์อึ้งที่ตนเองถูกโจมตีทั้งที่ศัตรูอยู่ห่างหลายก้าว และพอสุระหวดขวานกลางอากาศอีกครั้ง ลมบาง ๆ พัดตรงมาที่เขายืนอยู่ ปรมัตถ์จึงม้วนตัวหลบทันควัน

ลมแผ่วบางเหล่านั้นตัดเฉือนกำแพงอิฐ และซากรถยนตร์จนพังพินาศ นาทีนั้นปรมัตถ์นึกถึงตำราของย่าทวดได้ สิ่งนี้เรียกว่าปราณมานาเป็นคลื่นพลังมานาที่มีไว้ใช้โจมตีระยะไกล จึงยากต่อการป้องกันโดยตรงและวิธีเดียวที่จะรับมือคือ การใช้ปราณมานาเหมือนกัน ปรมัตถ์จึงรวบรวมพลังของตนเองใหม่อีกรอบ คงมีแต่พลังควบคุมธาตุวายุที่น่าจะพอต่อกรได้

"เฮ้ย ! ไอ้เวรตะไล" สุระตะโกนสุดเสียง "แน่จริงก็ออกมาสิฟ่ะ"

"กูอยู่ตรงนี้ ไอ้ชั่ว !" 

สุระเงยหน้ามองเหนือศีรษะของตน ปรมัตถ์ยืนอยู่บนกลางอากาศ และทำการใช้ลมที่มีรูปร่างคล้ายใบมีด แล้วพุ่งโจมตีใส่สุระที่อยู่เบื้องล่าง สุระฟาดขวานปล่อยปราณมานาออกไป เพื่อรับการโจมตีของปรมัตถ์ ปราณมานาของทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน เกิดแรงลมที่ทำให้สุระที่อยู่ด้านล่าง ต้องรีบหาที่หลบส่วนปรมัตถ์ใช้บาเรียลมป้องกันเอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย

สุระกัดกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ ตั้งแต่รับใช้แก๊งขวานซิ่งมาไม่เคยรู้สึกอัปยศเช่นนี้มาก่อน ความเดือดดาลในจิตใจ จนทำให้สุระใช้พลังมานาและพุ่งทะยานขึ้นไปจัดการกับปรมัตถ์ เมื่ออยู่ในระยะใกล้แล้วสุระก็เหวี่ยงขวานใส่ทันที ปรมัตถ์ยกแขนขึ้นมากันคมขวานไว้ คมขวานเข้าปะทะกับเกราะลมที่เขาสร้างไว้ ทำให้ยุวชนทหารไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

"ตายยากนะมึง" สุระโกรธจัดมาก

จังหวะที่เขาเริ่มกลับมาตั้งหลักได้ บุญธรส่งโทรจิตเข้ามาหาเขา

[บอม พวกเรากำลังจะไปช่วยนายกับปลื้ม] บุญธรบอก [รอก่อนนะเพื่อน]

[ไม่ทันแล้วล่ะ] เสียงปกรณ์วุฒิดังเข้ามาในโทรจิต [ฉันพึ่งโค่นสมุนคนสนิทของสุระไป]

[ตอนนี้นายโอเคไหม] ปรมัตถ์ถาม

[อย่างน้อยก็อวัยวะอยู่ครบล่ะนะ]

[งั้นตอนนี้นายอยู่ตรงไหนเนี่ย ปลื้ม] คราวนี้เป็นเสียงคณณัฐ์

บทสนทนาการคุยผ่านโทรจิตของปรมัตถ์ต้องยุติลง เพราะสุระไล่ฟาดฟันขวานมาทางเขาอย่างไม่ลดล่ะ แถมยังดุดันมากกว่ารอบที่ผ่านมา ปรมัตถ์จึงต้องหลบหลีกมาตั้งหลักก่อน และโต้กลับด้วยหมัดวายุโจมตีคืน ฝั่งสุระใช้ขวานฟันผ่าครึ่งแรงลมที่เป็นเหมือนกำปั้น วันนี้ขวานของตนต้องได้อาบเลือดของศัตรูให้ได้ 

เมื่อศัตรูไม่อาจถูกโค่นได้โดยง่ายก็คงมีวิธีเดียวเท่านั้น ปรมัตถ์รวบรวมพลังธาตุลมไว้ที่กำปั้นขวา ในขณะที่ใช้มือซ้ายสร้างโล่อันเกิดจากพลังธาตุลม ป้องกันคมขวานที่ฟันลงมาอย่างบ้าคลั่งของสุระ แรงโจมตีแต่ละครั้งที่สุระฟาดขวานใส่ ทำเอาแขนซ้ายของปรมัตถ์สะเทือนถึงกระดูก และมันก็มาถึงคราวที่ต้องจบศึกนี้แล้ว

ซึ่งปรมัตถ์รอโอกาสนี้อยู่แล้ว

+++++

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel