บท
ตั้งค่า

Chapter 26

ปรมัตถ์สามารถจัดการกับศัตรูบนตึกได้สำเร็จ เขารีบตามมาสมทบกับปกรณ์วุฒิที่กำลังไล่จัดการศัตรูด้านนอก ฝั่งเบนเฮอร์ก็ทำหน้าที่ระวังภัยให้กับทั้งสองอย่างดี และมีการเคลื่อนย้ายอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็นตัวเขาบนตึกได้ ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของศัตรู "เฮ้ย ! มีตัวหนึ่งอยู่บนตึก" เสียงของพวกมันคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้น ทั้งปรมัตถ์และปกรณ์วุฒิรู้ในทันทีว่า พวกมันเห็นเบนเฮอร์แล้วอีกทั้งเขาเห็นกลุ่มคนติดอาวุธ พากันวิ่งเข้าตึกเพื่อไปจัดการเบนเฮอร์

"ปลื้ม นายไปช่วยเบนเฮอร์ก่อน" ปรมัตถ์หันมาตะโกนบอก 

"ได้ ! เดี๋ยวมา" ปกรณ์วุฒิรับคำและรีบเร่งฝีเท้าวิ่งตรงไปที่ตึก

แก๊งขวานซิ่งพยายามเข้าขัดขวางแต่ถูกลมพายุ พัดกระเด็นออกห่างตึกและตัวปกรณ์วุฒิที่หายเข้าไปในตึก ปรมัตถ์โผล่มาอยู่ต่อหน้าศัตรูนับสิบนับร้อย เขาตั้งท่าต่อสู้พลางตะโกนสุดเสียง "ศัตรูของพวกมึงคือกู เข้ามากันให้หมด" สิ้นคำท้าทายบรรดาศัตรูก็วิ่งพุ่งตรงมาหาอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ปรมัตถ์อาศัยความว่องไวหลบหลีกอาวุธของพวกมัน และโต้กลับด้วยหมัดวายุซัดพวกมันกระเด็นไปคนละทิศละทาง

"เอาปืนยิงมัน !" 

กระสุนนัดหนึ่งวิ่งทะลุเนื้อแขนซ้ายของปรมัตถ์ ความเจ็บแล่นขึ้นสมองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยุวชนทหารก็กัดฟันทนต่อความเจ็บ หมุนตัวไปทางฝั่งวิถีกระสุนแลเห็น ศัตรูที่ใช้อาวุธจ่อมาทางที่เขาอยู่ ซึ่งปรมัตถ์ชิงลงมือก่อนด้วยฝ่ามือวายุ แรงลมพัดใส่พวกมันกระเด็นชนกำแพง เขาวิ่งเข้าระยะประชิดศัตรูคนหนึ่ง และกระหน่ำรัวกำปั้นขวา-ซ้ายใส่กลางลำตัว ตบท้ายด้วยซัดฝ่ามือซ้ายเข้าท้อง ศัตรูคนนั้นเซถอยหลังพร้อมสำลักเลือดออกจากปาก และทรุดฮวบลงนอนนิ่งพื้นไป

บึ้ม !

เสียงระเบิดดังมาจากด้านหลังเมื่อปรมัตถ์เหลียวหลังมอง มันคือตึกที่ปกรณ์วุฒิกับเบนเฮอร์ และเขาพึ่งเห็นว่ามีศัตรูบางส่วน ใช้พลังมานาไต่ขึ้นตึกเพื่อเข้าไปจัดการทั้งสอง นาทีนั้นเขาตั้งใจจะวิ่งเข้าไปช่วย ทว่ามีจิตสังหารรุนแรงแผ่ขยายตรงมาทางปรมัตถ์ ทำเอายุวชนทหารผู้มีพลังควบคุมธาตุวายุ ถึงกับทรุดพลางเอามือกุมหน้าอก เพราะรู้สึกแน่นอกและหายใจไม่ออก ราวกับมีมือล่องหนบีบรัดหัวใจไว้ ทว่าปรมัตถ์ก็ฝืนกัดฟันพยุงตัวเองยืนขึ้น และต้านต่อจิตสังหารดังกล่าว

"แกนี่เอง ที่มาก่อกวนกองทัพของฉัน" 

ปรมัตถ์หันขวับไปทางซ้ายมือเจ้าของเสียง คือชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบปีขึ้นไป สวมชุดเกราะตรงลำตัวและแขนกับขา ที่มือขวาแบกขวานสองคมไว้ด้านหลัง วินาทีนั้นปรมัตถ์ก็จำได้จากภาพที่ฉายบนหน้าจอในห้องประชุม สุระ ปลาทอง ทายาทเพียงคนเดียวของสุธนผู้นำมาเฟียตระกูลปลาทอง การปรากฏตัวของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ปรมัตถ์คาดไม่ถึง ใครจะไปคิดว่าปลาตัวใหญ่จะมาติดเบ็ดง่ายดายแบบนี้

และเมื่อปลาตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ มีหรือที่ชาวประมงจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ฝั่งสุระหันไปสั่งให้ลูกสมุนทีเหลือ ตามล่าอีกสองคนซึ่งก็คือปกรณ์วุฒิกับเบนเฮอร์ ทว่าพวกมันยังไม่ทันจะย่างเท้าเดิน ปรมัตถ์ใช้พลังวายุโจมตีสมุนของสุระปลิวกระเด็นไปคนละทิศละทาง บ่งบอกเจตนารมณ์ชัดเจนว่าจะไม่ให้ใคร ผ่านตัวของปรมัตถ์ไปได้ตราบใดที่เขายังอยู่ สุระมองหน้ายุวชนทหารที่อาจหาญ มาสู้กับกองกำลังของตนด้วยตัวคนเดียว ถึงกระนั้นสุระก็ไม่ได้โง่เพราะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา

"แกกล้ามากที่บุกมาถิ่นข้า ด้วยตัวคนเดียว" สุระกล่าวและก้าวเท้าเดินมาเผชิญหน้ากับปรมัตถ์ "นับว่าแกใจกล้ามาก"

"หุบปากเน่า ๆ ของมึงไปเถอะ เหม็นปากว่ะ" ปรมัตถ์สวนกลับอย่างไม่แยแส

น้ำเสียงและคำพูดของปรมัตถ์ช่างยั่วยวนกวนส้นเท้าอย่างมาก แต่สุระก็ยังสามารถข่มอารมณ์โทสะไว้ แล้วจึงคว้าขวานสองคมออกมา พร้อมกับระเบิดพลังมานา เพื่อแสดงอานุภาพของตนให้ศัตรูประจักษ์ คลื่นพลังมานารุนแรงมากจนปรมัตถ์เกือบยืนทรงตัวไม่ได้ ศัตรูคนนี้ไม่อาจประมาทได้ ดังนั้นปรมัตถ์ก็เปร่งพลังมานาออกมาเช่นกัน และดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีฟ้าเข้มอีกครั้ง

ครู่ต่อมาทั้งปรมัตถ์และสุระต่างฝ่ายต่างวิ่งพุ่งเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด รอบนี้ปรมัตถ์ได้นำตัวช่วยมาด้วยซึ่งมันคือกระบองเหล็กยาว หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "ดิ้วเหล็ก" ซึ่งเขานำมาเพื่อใข้สู้กับศัตรูอย่างสุธนหรือสุทัศน์ รวมทั้งสุระด้วยเช่นกันทั้งสองฝ่ายจึงใช้อาวุธฟาดใส่กัน คลื่นพลังมานาแผ่ขยายเป็นวงกว้าง จนคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องต้องพากันหาที่หลบมุม ด้านปกรณ์วุฒิกับเบนเฮอร์ที่กำลังรับมืออยู่อีกฝั่ง ก็ยังต้องเข้าไปหลบให้ห้องหนึ่งในขณะที่คนที่หลบไม่ทัน ก็ถูกซัดกระเด็นปลิวออกนอกตึก

"ให้ตายสิ เกือบไปแล้วไง" ปกรณ์วุฒิพูดขึ้นและเอาแขนเสื้อปาดเหงื่อที่หน้าผาก 

"เพื่อนนายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้" เบนเฮอร์พูดขณะกำลังสวมหมวกเหล็กตามเดิม "ศัตรูยิ่งไม่ธรรมดาด้วย" 

ทันใดนั้นเองปกรณ์วุฒิสัมผัสอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเบนเฮอร์ เขาไม่รอช้ารีบพุ่งตรงไปหาเพื่อนยุวชนทหาร และซัดพลังไฟธาตุอัคคีออกไปที่กำแพง เกิดแรงระเบิดเล็กน้อยจนผนังห้องพังจนทะลุเห็นอีกห้องหนึ่ง เผยให้เห็นเงาของใครคนหนึ่งที่พยายามยืนทรงตัวไว้ กำไลเหล็กอัคคีลอยกลับมาสวมแขนตามเดิม เบนเฮอร์ตกใจไม่น้อยและจับธนูเล็งไปที่ชายปริศนาที่อยู่อีกห้อง สักพักชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ เดินออกมาเผชิญหน้ากับยุวชนทหารทั้งสอง

ทันใดนั้นปกรณ์วุฒิก็จำได้ว่าชายตรงหน้ามีนามว่า สิชล ตามข้อมูลในห้องประชุม มันคือลูกน้องคนสนิทของสุระ เป็นตัวปัญหาของการปราบปรามอาญากร แม้มันจะเป็นสมาชิกแก๊งขวานซิ่งแต่อาวุธประจำกายของมันคือ ค้อนขนาดใหญ่ที่ปลิดชีพผู้คนมานับไม่ถ้วน สิชลเป็นชายร่างสูงกำยำมีม้วนกล้ามที่หนามากพอ ที่จะยกค้อนในมือได้สบาย ๆ เบนเฮอร์ไม่อยากนึกภาพตัวเองหากไม่ได้ปกรณ์วุฒิช่วย นาทีต่อมาเสียงวิทยุดังขึ้นเป็นเสียงของร้อยตรีซานติซิมา ตอนนี้ทัพเสริมตามมาสมทบแล้ว และขอให้เบนเฮอร์รายงานสถานการณ์ที่ตัวเองอยู่ด้วย

ทว่าตอนนี้ปกรณ์วุฒิและเบนเฮอร์ต่างก็ไม่สามารถจะติดต่อกลับได้ ทางเลือกจึงมีแค่หนทางเดียวเท่านั้น "เบนเฮอร์ นายวิ่งไหวอยู่ไหม" เขาถามอีกฝ่าย แต่ตายังจ้องไปที่สิชลเพื่อระวังภัย

"ไหวอยู่แล้ว" เบนเฮอร์ตอบแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่า อีกฝ่ายถามทำไม

"ดีเลย นายรีบออกจากตรงนี้ ไปอยู่ตรงไหนก็ได้" ปกรณ์วุฒิบอก "แล้วรีบรายงานผู้หมวดของนายว่าตอนนี้ เราต้องการทัพเสริม"

"อ้าว แล้วนายล่ะ"

ปกรณ์วุฒิไม่ตอบแต่กลับพุ่งตรงเข้าโจมตีสิชลทันที เบนเฮอร์จำใจต้องวิ่งหาที่หลบศัตรูเพื่อรายงานวิทยุไปทางฝ่ายเดียวกัน ด้านปกรณ์วุฒิที่โจมตีด้วยหมัดอัคคี อัดกระแทกกลางลำตัวสิชล แม้พลังโจมตีจะรุนแรงแต่ด้วยร่างกายกำยำ กอปรกับพลังมานาที่เหมือนเกราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ส่งผลให้สิชลไม่สะทกสะเทือนมากนัก มันจึงโต้กลับด้วยการเหวี่ยงค้อนขนาดใหญ่ใส่ปกรณ์วุฒิ

ทว่าค้อนก็ปะทะเข้ากับกำไลเหล็กที่โผล่มากันตัวปกรณ์วุฒิไว้ แรงปะทะสร้างแรงสั่นสะเทือนจนฝุ่นพัดปลิวกระเด็น ข้าวของต่าง ๆ กระจุยกระจายออกนอกตึก ฝั่งปกรณ์วุฒิไม่รอช้าเขาซัดหมัดซ้าย อัดเข้าชายโคร่งของสิชลเต็ม ๆ รอบนี้ปกรณ์วุฒิใส่แรงมากขึ้น ส่งผลให้ศัตรูร่างใหญ่ถึงกับทรุด แต่มันก็จับคอเสื้อของปกรณ์วุฒิและเหวี่ยงไปกลางอากาศด้วยมือข้างเดียว ในจังหวะที่ปกรณ์วุฒิลอยตัวอยู่สิชลก็หวดค้อนตรงไปที่ตัวยุวชนทหาร หวังให้แหลกก่อนร่วงตกพื้น 

ฝั่งปกรณ์วุฒิที่รู้อยู่แล้วว่าสิชลคิดอะไร เขาแก้สถานการณ์ด้วยการใช้ไฟธาตุอัคคีที่เท้า และพาหลบการโจมตีของสิชลไปอย่างเฉียดฉิว จากนั้นปกรณ์วุฒิก็ย้ายตัว มาอยู่ด้านขวาของศัตรูพร้อมหวดลูกเตะขวาเจาะยางสิชล เมื่อเห็นอีกฝ่ายเสียหลัก ก็ตั้งใจจะโจมตีระลอกสองด้วยหมัดซ้าย ทว่าเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างก่อน ปกรณ์วุฒิจึงตัดสินใจถอยหลังออกมาแทน และตั้งท่าเตรียมรับมือ

เพราะแวบหนึ่งพลังฟีนิกซ์ได้เตือนถึงจิตสังหารและพลังในตัวสิชล แปลได้ว่าต่อจากตรงนี้ต่างหากคือศึกหนักจริง

+++++

สวี่เฟิ่งยังคงนั่งดื่มบรันดีบนโต๊ะทำงานที่มันเคยเป็น... ไม่สิ.... มันก็ยังคงเป็นของสวี่หมิงล่างอยู่ดี ตราบใดที่เขายังไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำ ตั้งแต่เด็กจนโตสวี่เฟิ่งมักถูกพ่อสั่งสอนเสมอว่า โลกใบนี้คือปลาใหญ่กินปลาเล็ก หากไร้ซึ่งอำนาจก็เป็นแค่คนไร้ค่ายิ่งกว่าสวะ และถูกเหยียบย้ำจมดินจนกว่าจะตาย มันคือบทเรียนของสวี่จินหยวนมอบให้กับสวี่หมิงล่าง เมื่อครั้งตอนอายุเท่ากับสวี่เฟิ่งในวัยแปดปี แต่มันต่างออกไปเล็กน้อยตรงที่เขาไม่มีพี่น้องต่างสายเลือด

เพราะหลังจากที่แม่ของสวี่เฟิ่งตายไปด้วยเหตุตรอมใจตาย สวี่หมิงล่างก็ไม่หาหญิงใดมาแทนที่อีกเลย บางคนอาจคิดว่าอย่างน้อยอสูรกายในคราบมนุษย์ก็ยังรู้จักความรัก ช่างเป็นความคิดน้ำเน่าเสียจริง ๆ คนแบบสวี่หมิงล่างไม่เคยรักใครอยู่แล้ว แม้แต่ตัวสวี่เฟิ่งที่เป็นลูกในไส้ก็ไม่เว้น หากเขาแสดงถึงความเป็นสวะแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว สวี่หมิงล่างก็พร้อมจะกำจัดสวี่เฟิ่งได้ทุกเมื่อ

อีกเหตุผลที่สวี่หมิงล่างไม่ต้องการมีทายาทเพิ่ม ก็เพื่อลดปัญหาการแย่งชิงตำแหน่ง ที่จะเป็นตัวปัญหาหลักต่อฐานอำนาจแก๊งตนในอนาคต และสวี่หมิงล่างยังเชื่ออีกว่า บรรดาพี่น้องต่างแม่ก็คงคิดจะแย่งความเป็นใหญ่เหมือนกัน นี่แหละโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ระหว่างที่สวี่เฟิ่งจมอยู่กับความคิดตนเอง เสียงฝีเท้าของ กั๊วจาง คนรับใช้คนสนิทตั้งแต่เขาจำความได้ กั๊วจางเป็นชายร่างผอมไม่ค่อยมีกล้าม มีแค่ไม้เท้าไว้พยุงร่างกายอันไร้เรี่ยวแรง ทว่าถึงกระนั้นความภักดีของกั๊วจางก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทัดเทียบได้

"นายน้อย" กั๊วจางเอ่ยชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบา และก้มหัวทำความเคารพแม้สวี่เฟิ่งจะนั่งหันหลังก็ตาม

"ว่าไง มีเรื่องอะไรว่ามา" สวี่เฟิ่งถามขณะกำลังทำความสะอาดดาบในมือ

"สี่ดาวมารส่งข่าวมาแล้วครับ เจอคุกที่ขังนายท่านแล้ว" กั๊วจางรายงาน

สวี่เฟิ่งหันขวับมาทางคนรับใช้ด้วยตาลุกวาว "จริงหรือ... พ่อถูกขังไว้ที่ไหน" เขาถามด้วยเสียงตื่นเต้น

"คุกนั้นอยู่ใต้ดินของฐานสำนักงานปราบปรามของเมืองโฮรุก ที่ตอนนี้พวกตำรวจกับทหารคุมเข้มมาก" กั๊วจางตอบ

รอยยิ้มแห่งชัยชนะได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของสวี่เฟิ่งอีกครั้ง

+++++

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel