Chapter 29
โหยหวนยังคงบรรเลงเพลงบนพิณอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตรงข้ามกับหลี่ชิงชิงที่ตอนนี้เดือดดาลสุดขีด หลังจากที่เห็นสิบตรีแจ็ดถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา เธอคว้ากระบี่ขึ้นและพุ่งทะยานตรงไปทางชายที่เล่นพิณอยู่
"ไอ้สารเลว ! อย่าอยู่เลย"
ยังไม่ทันที่คมกระบี่จะเข้าถึงโหยหวน ร่างเสือสมิงของคร่ำครวญปรากฏตัว และใช้กรงเล็บปัดกระบี่ออกไปพร้อมกับตะปบเล็บใส่หลี่ชิงชิง เดชะบุญที่เธอใช้ฝ่ามือพลังไฟธาตุวายุ ซัดอุ้มกรงเล็บออกไปตามด้วยใช้แรงถีบ เพื่อให้คร่ำครวญถอยห่างจากเธอ หลี่ชิงชิงรู้สึกชาที่ขาข้างที่ใช้ถีบศัตรู มันให้ความรู้สึกเหมือนเธอถีบหินที่แข็งมาก ๆ
หลี่ชิงชิงตั้งท่าเตรียมรับมือแต่แล้วคร่ำครวญที่อยู่ในร่างเสือโคร่งก็แหวะยิ้ม อันชวนน่าสะอิดสะเอียนออกมา ตามด้วยเสียงบรรเลงดนตรีจากพิณ หลี่ชิงชิงจำจากประโยคของบิดาได้ว่า จงระวังการบรรเลงพิณของโหยหวนให้ดี ซึ่งเธอรู้ซึ้งในความร้ายกาจของมันแล้ว เมื่อคร่ำครวญมันหลีกทางให้หลี่ชิงชิงเผชิญหน้ากับโหยหวน และพอมันเริ่มบรรเลงเพลงที่ทวีความเร็วขึ้น
คลื่นพลังมานาพุ่งออกมาจากพิณ และกลายสภาพเป็นเหมือนนักรบโครงกระดูก พร้อมอาวุธครบมือพุ่งตรงเข้าจู่โจมใส่ทันที หลี่ชิงชิงใช้กระบี่ปัดป้องและโต้กลับได้ในเวลาไม่นาน คมกระบี่ของเธอสลายร่างพวกมัน ทันทีที่สัมผัสโดนพวกมัน โหยหวนที่ปล่อยปราณมานาออกมาจากพิณ รับรู้ได้ว่าศัตรูตรงหน้าไม่ธรรมดา สมควรที่กำจัดเมื่อคิดแบบนั้น โหยหวนก็อัดพลังมานาใส่ลงไปในเพลงพิณที่รุนแรงขึ้น
ส่งผลให้บรรดาเหล่านักรบโครงกระดูก มีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสามสิบต่อหนึ่งซึ่งแน่นอนว่า แม้เธอจะเสียเปรียบแต่ไม่ว่าอย่างไร เธอต้องถ่วงตรึงกำลังไว้ตรงนี้ เพื่อรอทีมของปรมัตถ์หรือไม่ก็ใครสักคนในทีมของเธอ ตามมาสมทบ โหยหวนที่สัมผัสถึงจิตใจอันหนักแน่นและกล้าหาญ ก็ยังชื่นชมและยอมรับในตัวศัตรูตรงหน้า เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ศัตรูมันก็ไม่ควรปราณี โหยหวนบรรเลงพิณควบคุมทัพนักรบโครงกระดูกเข้าโจมตีหลี่ชิงชิงทันที
"ชิงชิง ! หมอบลง"
เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังยุวชนทหารหญิง เธอรีบหมอบลงอย่างไม่ลังเล และเงาสองทหารก็กระโดดข้ามตัวเธอ ไปเผชิญหน้ากับนักรบโครงกระดูกที่อยู่เบื้องหน้า คนหนึ่งก็คือสิบตรีหานเทียนและอีกคนคือสิบตรีจางเสิ้ง สภาพของทั้งคู่สะบักสะบอมมาก ดีไม่ดีย่ำแย่กว่าหลี่ชิงชิงด้วยซ้ำ แต่ทั้งสองก็สามารถจัดการนักรบโครงกระดูกของโหยหวนได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งสิบตรีหานเทียนใช้หอกคอยระวังหลังให้ ส่วนสิบตรีจางเสิ้งใช้กำปั้นเข้าจัดการศัตรู
หลังจากจัดการทัพนักรบโครงกระดูก โหยหวนหยุดบรรเลงพิณและแผ่จิตสังหารออกมาแทน หลี่ชิงชิงรู้สึกสั่นสะท้านจนขนหลังคอลุกชัน ไม่ต่างจากสองรุ่นพี่ที่เข้ามาช่วย แต่ทั้งสองเลือกที่จะต้านจิตสังหาร คร่ำครวญพุ่งตัวเข้าจู่โจมด้านซ้ายมือ ซึ่งก็คือสิบตรีจางเสิ้งที่โดนทุ่มอัดกระแทกจนล้มลง คร่ำครวญคิดจะใช้กรงเล็บปลิดชีพทหารหนุ่ม แต่หลี่ชิงชิงวิ่งเข้ามาช่วยด้วยการใช้ฝ่ามือซัดด้านข้าง เสือโคร่งตัวใหญ่เซถอยไปหลายก้าว
สิบตรีจางเสิ้งลุกขึ้นและวิ่งตรงเข้าไปซัดกำปั้นใส่คร่ำครวญ พอดีกับจังหวะที่โหยหวนเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้ง รอบนี้มันใช้ปราณมานาในรูปแบบเป็นคลื่นดาบและบังคับ ให้มันโจมตีใส่หลี่ชิงชิงกับสิบตรีจางเสิ้ง แต่สิบตรีหานเทียนเข้ามาขัดขวางและใช้หอกพลังไฟธาตุวายุ ปัดป้องปราณมานาของโหยหวน ถึงกระนั้นมือไม้ของทหารหนุ่มสั่นเทาเล็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพลังของฝ่ายศัตรูรุนแรงมาก
คร่ำครวญลุกขึ้นตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้าโจมตีใส่ทั้งสามอีกรอบ โดยมีโหยหวนใช้ปราณมานาจากพิณช่วยสนับสนุนด้านหลัง ทั้งสามต่างต้องพากันหลบทั้งกรงเล็บแล้วก็ปราณมานาไปด้วย แทบจะหาจังหวะในการโต้กลับไม่ได้ สิบตรีหานเทียนรู้ดีว่าหากปล่อยไว้นาน ฝ่ายพวกเขาอาจพ่ายให้กับสองมือสังหารคู่นี้ วิธีเดียวที่จะเอาชนะได้คงมีทางเดียว
"จางเสิ้ง ชิงชิง คุ้มกันฉันที" สิบตรีหานเทียนร้องบอก พร้อมกับรวบรวมไฟธาตุวายุไว้ที่หอกอาวุธประจำกาย "เราต้องจัดการโหยหวนนั่นก่อน"
"เออ เข้าใจแล้ว !"
สิบตรีจางเสิ้งกับหลี่ชิงชิงประสานคู่ช่วยคุ้มกันสิบตรีหานเทียน โดยสิบตรีจางเสิ้งขัดขวางคร่ำครวญ ส่วนหลี่ชิงชิงใช้กระบี่พลังไฟธาตุวายุ สู้กับปราณมานาของโหยหวน สิบตรีหานเทียนก็วิ่งตรงไปทางศัตรูด้วยความเร็วสูง เขาจับปลายหอกตั้งตรงหมายจะเสียบแทงร่างศัตรู ทว่าเสี้ยววินาทีนั้นสิบตรีหานเทียนเห็น รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของโหยหวน พริบตานั้นมันก็บรรเลงเพลงจังหวะที่รุนแรงและดัง
คลื่นปราณมานาพุ่งอัดกระแทกใส่สิบตรีหานเทียนเต็มแรง หอกอาวุธประจำกายของทหารหนุ่มแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี พร้อมกับร่างที่ปลิวกระเด็นไถลกับพื้น สิบตรีจางเสิ้งตั้งใจจะหันกลับไปช่วยแต่ก็คร่ำครวญ ก็เอาตัวมาขวางทางไม่ให้สิบตรีจางเสิ้งเข้าไปช่วยเพื่อน ขณะเดียวกันฝั่งหลี่ชิงชิงเอง ก็ต้องรับมือกับปราณมานาที่โหยหวนปล่อยออกมาก่อนหน้า
สิบตรีหานเทียนพยุงตัวเองพร้อมกับสำลักเลือดกระจายทั่วพื้น เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในมันปั่นป่วนพอสมควร ทหารหนุ่มเงยหน้ามองเศษซากอาวุธประจำกายตรงหน้า ก่อนจะคว้ามีดทหารออกมาเพื่อที่จะสู้ต่อ สิบตรีจางเสิ้งเห็นแบบนั้นก็พยายามสลัดคร่ำครวญ เพื่อไปช่วยสิบตรีหานเทียน เช่นเดียวกับหลี่ชิงชิงที่หลังจากจัดการกับปราณมานาของโหยหวนได้ เธอก็วิ่งมาช่วยรุ่นพี่ทันที
โหยหวนยิ้มที่มุมปากคล้ายกับรอโอกาสนี้อยู่แล้ว มันส่งสัญญาณให้คร่ำครวญเปิดทางให้สิบตรีจางเสิ้ง และเมื่อทั้งสองวิ่งมาสมทบกับเพื่อนที่บาดเจ็บอยู่ โหยหวนก็ไม่รอช้าทำการบรรเลงพิณอีกครั้ง เกิดคลื่นปราณมานาขนาดใหญ่พุ่งตรงไปหาทั้งสาม วินาทีนั้นสิบตรีหานเทียนและสิบตรีจางเสิ้งเห็นแบบนั้น ต่างพร้อมใจผลักหลี่ชิงชิงไปอยู่ด้านหลัง ส่งผลให้ทหารหนุ่มทั้งสองรับการโจมตีเต็ม ๆ
สิบตรีหานเทียนกับสิบตรีจางเสิ้งล้มลงนอนกับพื้น พร้อมกระอักเลือกออกจากปาก หลี่ชิงชิงตกใจกับภาพตรงหน้าและพยายามจะไปช่วยรุ่นพี่ทั้งสอง ทำให้กลายเป็นโอกาสให้คร่ำครวญเข้าโจมตีหลี่ชิงชิง มันตะบปกรงเล็บหมายปลิดชีพยุวชนทหารหญิง ทว่ากลับมีกำปั้นปริศนาพุ่งอัดเข้าหน้าคร่ำครวญจนกระเด็นไปไกล
โหยหวนที่เห็นแบบนั้นก็ทำการบรรเลงพิณ ใช้ปราณมานาเข้าโจมตีใส่ศัตรูที่พึ่งมาใหม่ แต่หารู้ไม่ว่าศัตรูคนใหม่ คือทหารหญิงผู้ที่ได้รับสมญาว่า "สุรเสียงแห่งราชสีห์" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว ที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับปราณมานาของโหยหวนอย่างไม่หวั่นเกรง เธอรวบรวมพลังมานาผ่านลมหายใจและเปล่งเสียงคำราม อันดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ หลี่ชิงชิงรีบเอามืออุดหูเอาไว้
พลังเสียงคำรามของร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว พุ่งเข้าปะทะกับปราณมานาของโหยหวน เกิดแรงกระแสลมจนถึงขั้นเรียกว่าพายุ พัดทุกสิ่งทุกอย่างปลิวกระจัดกระจาย โหยหวนบรรเลงพิณสร้างเกาะป้องกันไว้ นาทีนั้นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนผิวเนื้อใบหน้าของโหยหวน เพราะมันสัมผัสได้ว่าศัตรูคนใหม่ไม่ธรรมดา และคิดว่ารอบนี้ไม่ได้รับมือง่าย ๆ แน่นอน
"ย้ายคนเจ็บออกไป" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวสั่งลูกทีมของตน "ไอ้สารเลวนี่ ฉันจะจัดการมันเอง"
"ครับ" ทหารสองนายรีบแบกร่างของสิบตรีจางเสิ้งกับสิบตรีหานเทียนออกจากเขตสู้รบ
คร่ำครวญในร่างสัตว์สมิงเสือโคร่งพุ่งเข้าจู่โจมใส่ทันที "ใครใช้ให้พวกแกไป ข้าไม่อนุญาต !"
โหยหวนรีบร้องปรามคู่หูแต่ก็ช้าไป
บุญธรโผล่มาอยู่ต่อหน้าคร่ำครวญและซัดกำปั้นใส่กลางลำตัวเสือโคร่ง แรงโจมตีส่งตัวคร่ำครวญปลิวกระเด็นไปไกล ดวงตาของบุญธรกลายเป็นสีแดง สองกำปั้นเรืองแสงสีแดงเข้ม เตรียมต่อสู้ จิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวบุญธรรุนแรงมาก ทว่ายังมีคนที่ปล่อยออกมารุนแรงยิ่งกว่าบุญธร เล่นเอาร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวหันมามองด้านหลัง แวบหนึ่งเหมือนเธอเห็นเงาพันเอกฟางผิงสหายรบของเธอ ทับซ้อนบนตัวของปรมัตถ์ที่กำลังพยุงหลี่ชิงชิง
ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวสงสัยความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่ตอนนี้เธอกระจ่างชัดแล้วว่า ยุวชนทหารหญิงคนนี้คือคู่ผูกวิญญาณของปรมัตถ์ และโหยหวนโดนหมายหัวเสียแล้ว ครู่ต่อมาสมุนของสองมือสังหาร ที่ตามมาสมทบก็ปรากฏตัวและวิ่งกรูตรงมาทางฝั่งปรมัตถ์ ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวพุ่งตัวเข้าจัดการศัตรูก่อนคนแรก สร้างความแปลกใจให้ร้อยโทกู้เจิ้นหนานพอสมควร เขาเชื่อว่าหัวหน้าทีมน่าจะเอาชนะโหยหวนได้ไม่ยาก แต่ที่เธอเลือกทำแบบนี้ก็เพราะว่า
เธอยกโหยหวนให้ปรมัตถ์ชำระแค้นนั้นเอง
"ชิงชิง เธอถอยไปก่อน" ปรมัตถ์พูดเสียงเรียบ "การตายของพี่เสิ้งกับพี่เทียน ฉันจะชำระแค้นนี้เอง"
โหยหวนไม่รอให้ศัตรูเปิดโอกาส มันรีบบรรเลงพิณปล่อยปราณมานา พุ่งตรงมาทางปรมัตถ์ทันทีแต่เมื่อเขาสะบัดแขนออกไป เกิดแรงลมสองขั้วปะทะกัน มือสังหารร่างผอมชะงักด้วยความตกใจและต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อเผลอสบตากับดวงตาสีฟ้าแข็งกร้าว พร้อมรังสีจิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวปรมัตถ์
"มึงฆ่าพี่กูสองคน กูไม่เอามึงไว้แน่" เขาพูด
"ถ้าคิดว่าแกแน่จริงละก็ เอาชนะข้าให้ดูสิ" โหยหวนกล่าวท้าทาย และบรรเลงพิณที่ทำนองรุนแรงขึ้นและเร็วขึ้น
ปราณมานาของโหยหวนกลายสภาพเป็นกองทัพปีศาจหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว พวกมันส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง และจ้องมองมาที่ปรมัตถ์แบบกินเลือดกินเลือด โหยหวนดีดพิณเป็นทำนองออกคำสั่งให้พวกมัน เข้าจู่โจมใส่ปรมัตถ์เป็นฝูงอย่างบ้าคลั่ง
ปรมัตถ์ออกมายืนเผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรู ก่อนจะรวบรวมลมหายใจเข้า-ออก พร้อมกับหงายฝ่ามือทั้งสองออก เตรียมโต้กลับทัพปีศาจของโหยหวน
หัตถ์เทวะ กระบวนท่าที่หนึ่ง ฝ่ามือพระโพธิ์สัตว์ห้ามสมุทร
พริบตาเดียวเมื่อปรมัตถ์ซัดฝ่ามือทั้งสองออกไปเต็มแรง พลังลมวายุแปรสภาพเป็นสองฝ่ามือขนาดใหญ่อัดกระแทกปราณมานาของโหยหวน เหล่าปีศาจสูญสลายกลายเป็นผง แต่กระแสลมแรงยังไม่จบแค่นี้ มันตรงมาทางโหยหวนที่หน้าซีดเป็นไข่ต้ม ทว่ามันก็ไม่ปล่อยให้ตนมีภัยจึงรีบบรรเลงพิณ สร้างเกราะครอบตัวมันเอาไว้
ทันใดนั้นเองปรมัตถ์วิ่งฝ่ากระแสลม ปรากฏตัวต่อหน้าโหยหวนชนิดที่มันคาดไม่ถึง และเสี้ยววินาทีต่อมาปรมัตถ์กระโดดลอยตัว อยู่เหนือศีรษะของศัตรูก่อนจะซัดฝ่ามือขวา ปะทะกับเกราะปราณมานาที่ปกป้องโหยหวนอยู่
หัตถ์เทวะ กระบวนท่าที่สาม องค์ยูไลลงทัณฑ์
แรงอัดกระแทกแผ่ขยายเป็นวงกว้างพร้อมแผ่นดินสั่นสะเทือนจน คนที่อยู่วงนอกยังสัมผัสได้และสามนาทีต่อมา ทุกอย่างก็สงบลง
+++++
