บท
ตั้งค่า

Chapter 23

ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวก็กำลังมุ่งหน้าไปทางที่ปรมัตถ์กับหลี่ชิงชิงอยู่

"ฉันว่าป่านนี้ชิงชิงคงจัดการคลั่งรองคลุ้มคลั่งได้แล้วล่ะ" คณณัฐพูดขึ้นหลังปฐมพยาบาลให้บุญธรเสร็จ

ปกรณ์ขมวดคิ้วและหันมามอง "นายรู้ได้ไงว่ะ" เขาถามด้วยความสงสัย "ไอ้คลั่งรองอะไรที่ว่านะ ร่างกายแม่งเลยขีดกำจัดของมนุษย์ไปแล้วนะ" 

บุญธรส่ายหน้าไม่เห็นด้วย "ไม่หรอกฝีมือของชิงชิงน่ะ ไม่ใช่กระจอก ๆ หรอกอย่าลืมสิว่าเธอสังกัดอยู่หน่วยอะไร" 

"งั้นก็เหลือบอมสินะ" ปกรณ์วุฒิว่า

"ใช่" บุญธรพยักหน้า 

+++++

จ่าสิบเอกแลนเดนกับลูกทีมต่างต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กัน เพราะภาพที่พวกเขาเห็นคือหลี่ชิงชิงกำลังสู้ตัวต่อตัวกับคลั่งรองคลุ้มคลั่ง แถมเธอยังดูได้เปรียบกว่าอีกต่างหาก ผิดกับศัตรูที่มีร่างกายไม่ปกติซึ่งแม้จะมีแขนยาว ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก ทว่าก็ไม่อาจจะแตะต้องตัวหลี่ชิงชิงได้เลย แถมยังโดนตอบโต้จนมุมเสียเองอีก กระบวนท่าร่ายรำกระบี่ของเธอไม่ใช่แค่เพียงความว่องไว แต่ยังมีอานุภาพการโจมตีที่สูงไม่แพ้การร่ายรำเลย 

สิบตรีจางเสิ้งตั้งใจจะเข้าไปช่วยแต่ถูกจ่าสิบเอกแลนเดนห้ามไว้ เพราะมันคือการต่อสู้ตัวต่อตัวของหลี่ชิงชิง การเข้าไปช่วยเธอทั้งที่เจ้าตัวยังสู้ได้อยู่มันคือการหมิ่นศักดิ์ศรีนักรบของเธอ เว้นแต่ว่าหลี่ชิงชิงจะสู้คลั่งรองคลุ้มคลั่งไม่ได้จริง ๆ ก็ค่อยเข้าไปช่วยก็ยังไม่สาย ลูกทีมทั้งหมดจึงทำตามคำสั่งของหัวหน้าทีม และต่างลุ้นเอาใจช่วยยุวชนทหารหญิงเพียงคนเดียวในทีม ทางฝั่งคลั่งรองคลุ้มคลั่งก็สังเกตว่า พรรคพวกของหลี่ชิงชิงอยู่ใกล้บริเวณลานจอดรถ ทว่ากลับไม่คิดจะเข้ามายุติการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

"สาวน้อย เหตุใดพรรคพวกเจ้าถึงนิ่งดูดายเช่นนี้ล่ะ" คลั่งรองคลุ้มคลั่งเอ่ยถาม พลางชักแขนขวากลับมาอยู่ข้างกายตามเดิม "พวกมันจะนั่งดูเจ้าถูกข้าปลิดชีพทิ้งอย่างนั้นหรือ"

"เข้าใจผิดแล้ว" หลี่ชิงชิงพูด

"ว่าไงนะ"

"นี่คือการต่อสู้ของฉัน และ...."

หลี่ชิงชิงตั้งท่ากระบี่หมายจะเผด็จศึกศัตรู

"แกต้องพ่ายให้กับฉัน"

คำพูดของหลี่ชิงชิงสร้างความเดือดดาลให้แก่คลั่งรองคลุ้มคลั่ง มันส่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมใส่เธอ ชนิดที่ทั้งรวดเร็วและคลุ้มคลั่งดั่งลมพายุที่รุนแรง คลื่นพลังมานาของคลั่งรองคลุ้มคลั่งพุ่งกระจายเป็นวงกว้าง เล่นเอาซากรถโดยรอบพังพินาศไม่เหลือดี กระแสลมก็รุนแรงจนจ่าสิบเอกแลนเดนกับลูกทีม ต้องรีบหามุมหลบทันทีมีเพียงหลี่ชิงชิงเท่านั้น ที่ยังคงยืนหยัดไม่หวั่นไหวและเมื่อตั้งท่าพร้อมแล้ว

เธอไม่รอช้าก็ใช้พลังไฟธาตุวายุพาตัวพุ่งทะยาน เข้าท้าชนกับคลั่งรองคลุ้มคลั่งในทันที จังหวะที่หลี่ชิงชิงต้องเผชิญหน้ากับแขนยาวของมัน ยุวชนทหารทำการตวัดกวักแกว่งคมกระบี่ออกไป ปราณกระบี่จำนวนนับสิบหรืออาจจะมากกว่า ฟาดฟันเฉือนผิวเนื้อบนแขนคลั่งรองคลุ้มคลั่งไปหลายแผล ความเจ็บปวดแล่นเข้าสมองของมันแต่ก็เพียงเล็กน้อย มันคงเกิดจากการดัดแปลงร่างกายที่โดนมาตั้งแต่เด็ก ไม่กี่อึดใจต่อมาในที่สุดหลี่ชิงชิงก็เข้าถึงตัวคลั่งรองคลุ้มคลั่ง ในระยะเผาขนชนิดที่ไม่มีทางหลบพ้นอย่างแน่นอน 

หลี่ชิงชิงไม่ต้องการปล่อยโอกาสนี้หลุดมือ เธอรวบรวมพลังไว้ที่กระบี่ และฟันเป็นแนวตั้งตรงไปที่คลั่งรองคลุ้มคลั่งซึ่งมันมีสีหน้าเรียบเฉยขณะที่ในไม่ช้า ลมหายใจสุดท้ายของมันจะถูกกระซากออกจากร่าง ทว่ามันก็หาได้แยแสไม่... บางทีแล้วนี่อาจเป็นจุดจบที่คลั่งรองคลุ้มคลั่งรอคอยมานาน

รอ.... ให้ใครสักคนดับลมหายใจของมัน ให้พ้นวังวนแห่งความโสโครกและทุกข์ทรมานที่ทั้งชีวิตของมันต้องเผชิญอยู่ก็เป็นได้

+++++

ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวและลูกทีมต่างพากันรุดหน้า ตรงไปยังพิกัดที่คาดว่าปรมัตถ์กำลังสู้วัดพละและพลังกับคลั่งใหญ่บ้าคลั่ง ซึ่งตอนนี้มันคือปัญหาใหญ่ตัวสุดท้าย เนื่องจากล่าสุดสิบตรีหานเทียนได้รายงานว่าสองคลั่งถูกกำราบลงเรียบร้อยแล้ว โดยคลั่งสามเพ้อคลั่งถูกบุญธรกำราบ พร้อมทั้งกับใส่กุญแจมือเรียบร้อย ส่วนคลั่งรองคลุ้มคลั่งจะถูกส่งไปนิติเวช หลังจากจบเรื่องภารกิจแล้ว แต่ที่น่าตกใจคือคนที่กำราบคือหลี่ชิงชิง แสดงให้เห็นว่าฝีดาบของเธอไม่ธรรมดา แต่แล้วสามนาทีต่อมาทั้งหมดได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ซึ่งอยู่ตรงพิกัดที่ปรมัตถ์อยู่พอดี

"รีบไปช่วยเด็กของเรากันดีกว่า" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานพูดขึ้น

"อืม" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวหันมาทางลูกทีมคนอื่น "ตามฉันมา อย่าแตกแถวเด็ดขาด" 

ทั้งทีมต่างเร่งฝีเท้าตามเสียงระเบิดเมื่อครู่มาเรื่อย ๆ สี่นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงพิกัดของปรมัตถ์ และต่างต้องพากันเบิกตาโตด้วยความตกใจ ภาพที่พวกเขาเห็นคือปรมัตถ์กับคลั่งใหญ่บ้าคลั่ง กำลังแลกหมัดใส่กันไม่ยั้งและแรงระเบิดที่เกิดขึ้น ก็ล้วนเกิดจากพลังมานาของทั้งสองฝ่ายที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวจำต้องสร้างเกราะคุ้มกันลูกทีม เพื่อไม่ให้ลูกทีมโดนผลกระทบไปด้วย

"มันบ้าเกินไปแล้ว" สิบเอกโทนีอุทานด้วยความตกตะลึง

"คำว่า "บ้า" คงน้อยไปแล้วล่ะ" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวพูด "อย่างน้อยก็สำหรับเด็กปั้นของฟางผิงล่ะนะ" 

ทางฝั่งปรมัตถ์ที่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายเฉกเช่นเดียวกับคลั่งใหญ่บ้าคลั่ง ตามร่างกายอันกำยำของมันเต็มไปด้วยรอยช้ำมากมาย รวมไปถึงใบหน้าของมันที่มีคิ้วซ้ายแตกเลือดไหลอาบ หนังตาขวาก็บวมใหญ่เป็นสีม่วงจนปิดตาแทบมิด บริเวณริมฝีปากมีรอยเลือดซึมออกมา ไม่ต่างจากของปรมัตถ์ที่ทั้งหนังตาและแก้ม ก็บวมใหญ่ไม่แพ้กับศัตรูของตนเลย หลังแลกหมัดแลกเตะไปได้ห้านาที

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือทั้งปรมัตถ์กับคลั่งใหญ่บ้าคลั่ง ต่างพากันสำลักเลือดออกมาจากปาก ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนของพลังมานา ซึ่งไหลเวียนผิดปกติอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าทั้งปรมัตถ์และคลั่งใหญ่บ้าคลั่งต่างคนต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากปล่อยไว้ละก็คงได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแน่นอน

"หมวดกู้ แจ้งทางวิทยุด้วยนะว่าเราต้องการรถฉุกเฉินเพิ่มอีกอย่างน้อยสองคัน" ร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยวพูดขึ้น

"หมายความว่าไงครับ ผู้กอง" ร้อยโทกู้เจิ้นหนานฉงนใจเล็กน้อย

ทว่าคำตอบที่ได้อาจไม่ได้มาจากปากของหัวหน้า แต่เป็นตอนที่ร้อยโทกู้เจิ้นหนานและลูกทีมต่างเห็นร้อยเอกหลิวเสี่ยวเสี่ยว พุ่งตัวเข้าไปอยู่กลางวงของการต่อสู้อันดุเดือด เธอรวบรวมพลังมานาไว้ที่ท้อง และเปร่งเสียงคำรามก้องกังวานดุจดั่งราชสีห์ ผลคือปรมัตถ์รวมทั้งคลั่งใหญ่บ้าคลั่งล่วงลงไปนอนนิ่งกับพื้นทันที สติของยุวชนทหารยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขามองร่างศัตรูที่นอนแผ่ราบพื้นไม่ขยับตัว ขณะที่เสียงของร้อยโทกู้เจิ้นหนานสั่งให้ลูกทีมสามคน ทำการจับกุมคลั่งใหญ่บ้าคลั่ง

และปรมัตถ์ก็หมดสติไปในที่สุด

++++

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel