บท
ตั้งค่า

ข้ารับใช้แก่ ๆ

แม่นมลุกขึ้นแสดงความเคารพ “อะ เอ่อ แต่ท่านอ๋องไม่ได้แจ้งเวลากลับจวนนะเจ้าคะ เกรงว่าคุณหนูใหญ่เหวินอาจเสียเวลารอเปล่า โปรดฝากเทียบเชิญไว้ที่ท่านพ่อบ้านเถอะเจ้าค่ะเดี๋ยวเขาเป็นธุระให้คุณหนูเอง”

“ข้าคิดหรือทำสิ่งใดต้องให้ข้ารับใช้แก่ ๆ อย่างเจ้าแนะนำด้วยรึ หุบปากซะ !”

“ขออภัยเจ้าค่ะ”

เฟิงฉีหลินมองตามใบหน้าเหี่ยวของแม่นมที่สั่งสอนนางอยู่หยก ๆ อย่างนึกสงสารทว่าหาใช่เรื่องของนางที่ต้องเมื่อยมือยื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยว

เฟิงฉีหลินเลิกสนใจแม่นมให้เสียเวลาเปลี่ยนมาสนใจอาหารมื้อกลางวันที่แสนน่ากินตรงหน้าของตนเองดีกว่า

ในขณะที่เฟิงฉีหลินกำลังมองอาหารหลากหลายชนิด หลายจานตรงหน้าด้วยสายตาเป็นกระกายนั้น คุณหนูเหวินจื่อหลานหันมองเฟิงฉีหลินที่นั่งเงียบอยู่ข้างโต๊ะอาหาร ทันทีที่สายตาของนางพบกับร่างสง่าของเฟิงฉีหลิน สีหน้าของเหวินจื่อหลานเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาฉายแววดูถูกเหยียดหยาม นางก้าวเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารไม่ช้าไม่เร็วจนสุดท้ายหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเฟิงฉีหลิน

“นี่หรือ สตรีที่ตกเป็นข่าวกับท่านอ๋องจนพระองค์ต้องลดตัวลงมาแต่งงานเพื่อรักษาหน้าตาของตนเองด้วย” เหวินจื่อหลานพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าช่างเป็นสตรีที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเสียจริง ข้าล่ะสงสัยว่าท่านอ๋องคิดอะไรถึงยอมลดตัวลงมาแต่งงานกับสตรีแบบเจ้า”

เฟิงฉีหลินนั่งเงียบ นางไม่ได้ตอบโต้คำดูถูกของเหวินจื่อหลาน เพียงแค่พยายามจดจ่อกับการทานอาหารต่อ ท่าทางสงบเสงี่ยมของนางทำให้เหวินจื่อหลานยิ่งหงุดหงิด

“เจ้าไม่ได้ยินข้าพูดหรือจึงไม่คิดอ้าปากต่ำ ๆ นั้นโต้ตอบข้าเลยแม้แต่น้อย” เหวินจื่อหลานพูดต่อพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น “เจ้ารู้ไหมว่าที่เมืองหลวงบ้านเกิดของข้าน่ะ สตรีชั้นต่ำที่เสียตัวให้ผู้ชายแล้ว ไม่มีสิทธิ์เป็นอะไรได้มากไปกว่าฐานะอนุด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง เจ้ามีดีอะไร”

แม้คำพูดของเหวินจื่อหลานจะเจ็บแสบและทำให้แม่นมผู้เฒ่าถึงกับหน้าซีดผิดกับเฟิงฉีหลินยังคงนั่งนิ่ง สายตาของนางหลุบต่ำไม่มองสตรีตรงหน้าเหมือนนางไม่ได้รับรู้ถึงคำด่าทอที่ถูกโยนใส่เลยสักนิดเพียงหันไปคุยกับแม่นมเสียงไม่ดังนัก

“ข้าได้แต่งงานออกหน้าออกตานั่นก็หมายความว่าข้ายังไม่เสียตัวมิใช่หรือ ไยเรื่องแค่นี้คนข้างนอกที่เอาไปนินทาจึงคิดไม่ได้กันเล่าเจ้าคะแม่นม”

“อะ เอ่อ คุณหนู...”

“นี่นังผู้หญิงชั้นต่ำ ! แกว่าฉันโง่รึ..”

“...”

เหวินจื่อหลานได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งอารมณ์ปะทุขึ้นมาจุกอกจึงยื่นมือออกไปปัดอาหารบนโต๊ะของเฟิงฉีหลินทิ้งอย่างไม่ไยดี จานข้าวและถ้วยซุปที่เฟิงฉีหลินกำลังทานอยู่นั้นกระเด็นกระดอนจนหกเลอะเทอะลงบนพื้นหมดสิ้น

“หึ เจ้านี่มันน่ารำคาญจริง ๆ ขนาดข้ายังรู้สึกอยากจะถ่มน้ำลายใส่ แล้วท่านอ๋องหรือจะทนอยู่กับเจ้าได้ !”

เฟิงฉีหลินที่นั่งเงียบอยู่มาตลอดในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมองเหวินจื่อหลาน สายตาของนางเยือกเย็นอย่างไม่คาดคิด ความอดทนที่ถูกสะสมมาแต่ต้นเริ่มถึงขีดสุด

สิ่งที่ทำให้นางยอมไม่ได้ที่สุดคือการที่เหวินจื่อหลานกล้าหาญยิ่งมาปัดอาหารสุดแสนน่าลิ้มรสที่นางกำลังกินทิ้ง ใบหน้างามมีรอยย่นของการขมวดคิ้วเนื่องจากภายในใจเริ่มร้อนระอุ

เฟิงฉีหลินลุกขึ้นอย่างว่องไว ท่าทางคล่องแคล่วกว่าใคร นางจับแขนของเหวินจื่อหลานพลิกกลับด้านแล้วกดคว่ำลงกับพื้นอย่างรุนแรงโดยที่เหวินจื่อหลานยังไม่ทันตั้งตัว สตรีขุนนางชั้นสูงผู้นั้นอุทานร้องออกมาอย่างตกใจด้วยความเจ็บปวด เฟิงฉีหลินหันไปหยิบตะเกียบจากโต๊ะอาหารที่ยังเหลืออยู่ง้างขึ้นสุดแขนและทิ่มลงไปหยุดจ่อปลายแหลมของตะเกียบเข้าไปใกล้ดวงตาของเหวินจื่อหลาน

ระยะห่างจากลูกตาถึงปลายตะเกียบไม่ถึงหนึ่งข้อนิ้วด้วยซ้ำ

“ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะมาจากตระกูลไหนหรือมีฐานะสูงส่งเท่าใด” เฟิงฉีหลินพูดเสียงเย็น “แต่ถ้าเจ้ากล้าทำให้ข้าเสียเวลาและทำลายอาหารที่ข้ากำลังกินอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”

เหวินจื่อหลานตัวสั่นระริกด้วยความกลัว ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อเห็นปลายตะเกียบที่จ่ออยู่ตรงหน้า นางพยายามดิ้นรนหนีจากการจับกดของเฟิงฉีหลิน แต่ไม่สามารถขยับตัวได้

“ปะ ปล่อยข้า ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยข้าไปเถอะ”

เหวินจื่อหลานร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบแก้มจนในที่สุดความกลัวที่ท่วมท้นก็ทำให้นางปัสสาวะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เสื้อผ้าอันงดงามของนางเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวที่เกิดจากความหวาดกลัว

เฟิงฉีหลินมองภาพนั้นอย่างไม่ใยดี นางค่อย ๆ ถอนหายใจอย่างเย็นชา ก่อนจะปล่อยมือจากแขนของเหวินจื่อหลาน และลดตะเกียบลง นางยืนขึ้นแล้วหันหลังไป ไม่แม้แต่จะมองสตรีที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น

“จำไว้ หากเจ้าอยากมีปัญหากับข้าอีก อย่ามายุ่งกับอาหารของข้า” เฟิงฉีหลินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ข้าจะไม่หยุดที่การขู่อีกหากเจ้ากล้าทำเช่นนั้น”

“...” แม่นมที่เห็นและได้ยินประโยคทิ้งท้ายของลูกศิษย์ตนเองเต็มสองหูกระพริบตาปริบ ๆ อยากจะแคะขี้หูออกมาตรวจสอบดูว่าเยอะจนทำให้ตนเองฟังผิดไปหรือไม่

แม่นมอาวุโสไม่เคยเห็นสตรีที่ใดโกรธผู้อื่นจากเรื่องอาหารเลยสักครั้ง หนนี้คราแรก

ไม่ใช่ว่าคุณหนูเฟิงฉีหลินจะต้องพูดขู่คุณหนูใหญ่เหวินว่าไม่ให้มายุ่งกับต้าอ๋องมิใช่หรือ...

เอือก ถึงแม้สงสัยแต่แม่นมรู้ว่าเวลานี้ไม่ควรเข้าไปขัดสตรีเวลาโกรธจึงนั่งนิ่งเงียบส่งสัญญาณให้สาวใช้หน้าประตูออกไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาเตรียมเช็ดของเสียที่ไหลออกมาจากร่างกายแขกทันทีที่เรื่องจบก่อนจะหันมาชมเหตุการณ์ต่อ

เหวินจื่อหลานพยายามลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ นางเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งหนีออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย สาวใช้ในเรือนมองตามด้วยความตกใจและสะพรึงกลัว พวกนางไม่เคยเห็นใครกล้าทำเช่นนี้กับคุณหนูตระกูลต่าง ๆ ที่เป็นแขกของจวนต้าอ๋องมาก่อน

เมื่อทุกอย่างสงบลง แม่นมอาวุโสเดินเข้ามาหาเฟิงฉีหลินอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้ากังวล นางไม่เคยคาดคิดว่าสตรีที่ดูสงบเสงี่ยมอย่างเฟิงฉีหลินจะมีด้านที่เด็ดขาดรุนแรงไม่ต่างจากบุรุษนักรบเช่นนี้

“คุณหนู...ท่าน...เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ วันนี้โชคร้ายยิ่ง เฮ้อ...”

เฟิงฉีหลินหันมามองแม่นมอาวุโส ใบหน้านางกลับมาไร้ความรู้สึกเช่นเคย “ข้าสบายดี ข้าเพียงแค่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับสิ่งที่ข้ารัก”

แม่นมยิ้มอย่างเข้าใจ และมองเฟิงฉีหลินด้วยความอบอุ่นใจ ดูท่าคุณหนูจะมีความสามารถที่น่าเกรงขามซ่อนอยู่ ช่างเป็นสตรีที่มีทั้งความกล้าหาญและความมุ่งมั่นในการปกป้องตนเองจนน่าชื่นชมไม่น้อย

ทว่าการทำเช่นนั้นน่าชื่นชมก็จริงแต่ในโลกความเป็นจริงที่สังคมมีการสั่งสมอำนาจ แบ่งชั้นมนุษย์สูงต่ำนั้นคนที่ต่ำต้อยกว่าไม่อาจปฏิบัติตัวตามใจตนเองได้เสมอไปน่ะสิ

"แต่ข้าน้อยเกรงว่าคุณหนูใหญ่ท่านนั้นจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องบิดาจนลุกลามมาถึงท่านอ๋อง แล้วสุดท้ายคุณหนูเองจะเป็นฝ่ายถูกลงโทษน่ะสิเจ้าคะ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel