03
ตอนที่ 3
นภัทรมองดูหญิงสาวที่ยืนคิดอะไรอยู่คนเดียวพลางมองซ้ายมองขวาสำรวจห้องไปตามเรื่อง เพราะตราบใดที่หญิงสาวเจ้าของห้องไม่มีท่าทีจะหายกลัวเขา ชายหนุ่มก็ไม่มีความคิดจะเดินไปไหน
นัยน์ตาสีม่วงครามเหลือบซ้ายแลขวาก่อนจะมาหยุดที่จุดพักสายตาจุดเดียวในห้องนี้ ชายหนุ่มแอบพินิจมองเรือนร่างอรชรในชุดสุดวาบหวิวสีดำสนิทช่วยขับเน้นผิวขาวให้กระจ่างมากขึ้นอย่างเผลอไผล
ความคิดอกุศลก่อเกิดขึ้นในจิตใจพาลเอาดวงตาคมลอบมองเรียวขาขาวและทรวดทรงองค์เอวของคนอายุมากกว่าไม่วางตา
ชายหนุ่มอดยอมรับไม่ได้เลยว่าเป็นวิวที่เขาเห็นในตอนนี้งดงามมากเพียงใด สำหรับคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไรเขาไม่ทราบ แต่สำหรับเขาเพื่อนคุณแม่คนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดตั้งแต่เขาเจอมา
สวย...เหมือนวันแรกที่เคยเจอ...
สวย...จนเขานึกหวง
Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์จะเรียกสติชายหนุ่มให้ออกจากภวังค์และเลิกคิดอกุศลกับ เพื่อนแม่คนสวยที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองสวมชุดนอนออกมาหาเขา
ดวงตาคมเบนมองทางอื่นเพื่อความเป็นส่วนตัว นัยน์ตาคมเบนมองขยะชิ้นนั้น ชิ้นนี้รอบ ๆ ห้องไปพลางวางแผนถึงการเก็บกวาดไปพลางอย่างใจเย็น ก่อนที่เสียงถอนหายใจจะดังขึ้น
“เฮ้อออ...”
นภัทรไม่รู้ว่าปริมถอนหายใจด้วยเรื่องอะไร แต่ภาพที่หญิงสาวยืนกุมหัวตัวเองพลางพึมพำอะไรบางอย่างซ้ำไปซ้ำมาอยู่เบื้องหน้าเขาได้ดึงความสนใจไปจนหมด
น่ารัก
แม้แต่ตอนงอแงตบตีกับตัวเองก็ยังน่ารัก
นภัทรเลียริมฝีปากตัวเองเร็ว ๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติไม่แสดงพิรุธอะไรได้ทัน ก่อนที่ปริมจะเงยหน้าขึ้นมองเขา
เขาไม่ได้อยากเป็นคนเจ้าเล่ห์แต่จะให้โฉมงามเบื้องหน้าที่เขาต้องอยู่ด้วยไปอีก 5 เดือนรู้เรื่องที่เขาแอบชอบอีกฝ่ายมานานหลายปีตอนนี้ก็คงจะไม่ได้
ถ้าเกิดว่าปีย์วรารู้ว่าเขาแอบชอบนั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ประตูหัวใจของหญิงสาวเลยแม้แต่ก้าวเดียว
เพราะงั้นเก็บซ่อนไว้แบบนี้จนถึงเวลานั่นแหละถูกแล้ว...
“ภัทร...น้าเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
เสียงเรียกชื่อเล่นที่บิดามารดาชอบเรียกดังขึ้นปลุกนภัทรให้ตื่นจากภวังค์
“ครับ ได้ครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้เซ้นส์เรื่องชื่อของหญิงสาวพลางโบกสะบัดถุงขยะพลาสติกเนื้อหนาในมือเบา ๆ เพื่อให้มันคลายตัวออกก่อนจะก้มตัวลงหยิบขวดน้ำอัดลมที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาใส่ถุง
“ก่อนอื่นเลยน้าขอโทษที่สงสัยเธอ และ...ขอโทษที่ให้รอนาน อ่า...เมื่อกี้รอนานมากไหม?”
“ไม่ครับ แค่...15 นาที”
นภัทรเอ่ยตอบไปตามความสัตย์จริง แม้เมื่อครู่จะหวาดหวั่นอยู่บ้างจนเผลอตัวกดอินเตอร์คอมไปรัว ๆ แต่ทันทีที่ได้สบตาปริมเขาก็ดีขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องที่เกือบจะแพนิคขึ้นนี่ปริมไม่จำเป็นต้องรู้...
“อ่า...นานอยู่นะนั่น ขอโทษจริง ๆ นะ”
“ครับ ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าน้างานยุ่ง”
ชายหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะค่อย ๆ ไล่เดินเก็บขวดน้ำอัดลมและขยะพลาสติกชิ้นใหญ่ใส่ถุงขยะที่ละชิ้นที่ละชิ้นจนเต็มถุงโดยไม่สนใจสีหน้าละอายของเจ้าของห้องที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เขาพอรู้ว่าปริมละอายใจที่ต้องให้เขามาดูแล แต่เรื่องเพียงเท่านี้หากหญิงสาวไม่อยากทำหรือไม่มีเวลาทำเขาก็จะทำให้ เพราะมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรมากมายขนาดนั้น
ดีเสียอีกเขาจะดูแลเรื่องความสะอาดเองจะได้ถูกใจดีกว่าให้คุณน้าคนสวยทำแล้วมันไม่สะอาดจนเขาหงุดหงิดแล้วเกิดเป็นปัญหายิบย่อยที่อาจจะทำให้เรื่องที่เขาวาดหวังไว้ไปไม่รอด
แทนที่จะให้มันเป็นแบบนั้นสู้เขาทำเองยังจะดีเสียกว่า...
ทางด้านปริมที่ยืนมองนภัทรเก็บขยะและทำความสะอาดห้องเธอไปทีละส่วนทีละส่วนอย่างใจเย็นก็ละอายจนทำอะไรไม่ถูก
แต่เธอก็เลือกที่จะให้ชายหนุ่มทำไปตามแต่ใจต้องการเพราะพอจะอ่านออกว่าอีกฝ่ายรักความสะอาดและเจ้าระเบียบมากแค่ไหน แทนนจะเข้าไปยุ่งตอนนี้ สู้เธออยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ทำตามใจไปยังจะดีเสียกว่า
อีกอย่างคือเธอไม่มีเวลาทำจริง ๆ เพราะทุกวินาทีคือการปั่นต้นฉบับส่งให้ทันก่อนเดดไลน์ที่ถูกกำหนดไว้ แล้วพอนึกถึงเดดไลน์ทีไรก็พาลไม่อยากทำอย่างอื่นนอกจากการเขียนไปโดยปริยาย
นักเขียนนิยายอย่างเธอไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ถ้ามีเวลาก็ต้องปั่นต้นฉบับ แน่นอนว่าทุกวินาทีสำหรับเธอนันมีค่า เพราะนั่นหมายถึงเรื่องราวและตัวอักษรหลายสิบตัวที่จะถูกร้อยเรียงออกมาเป็นนิยายหนึ่งตอน
การเก็บกวาดสำหรับเธอเลยเป็นเรื่องที่หนึ่งสัปดาห์จะทำสักครั้งเท่านั้น
ยกเว้นไว้ก็แค่ห้องทำงานของเธอที่สะอาดอยู่ตลอด เพราะถ้ามันรกจนมีแมลงหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์รับรองได้เลยว่าเขียนงานไม่ออกแน่
“ขยะนี้เอาไว้ไหนครับ”
“เอาไว้ที่ห้องทิ้ง-”
“ห้องทิ้งเต็มแล้วครับ”
“อ่า...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เข้มขึ้นหนึ่งระดับทำเอาปริมหุบปากฉับไม่กล้าพูดอะไรต่อทันควัน เธอไม่แน่ใจว่าทำอะไรให้โกรธหรือไม่พอใจหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ แค่น้ำเสียงติดดุเธอก็ใจสั่นแล้ว...
ความรู้สึกหวาดกลัวปะทุขึ้นในจิตใจ เธอไม่รู้ว่านิสัยใจคอของนภัทรเป็นยังไง แต่ดูท่าจากน้ำเสียงเมื่อครู่ไม่ว่าตั้งใจหรือ เธอก็กลัว
เธอกลัวลูกชายของเพื่อนคนนี้...
กลัวจนอดกังวลไม่ได้เลยว่าตัวเองจะทานทนจนครบกำหนด 5 เดือน ไหวไหม...
“ผมไม่ได้ดุนะครับ เมื่อกี้คอแห้งเสียงเลยแข็งไปหน่อย ถ้าทำให้น้าตกใจ ผมขอโทษ แต่ห้องทิ้งเต็มแล้วถ้าเอาไปยัดอีกกลัวว่าที่ยัดไว้ก่อนหน้าจะโค่นลงมาหมด”
ร่างบอบบางโอบกอดตัวเองด้วยมือสั่นเทา เธอไม่รู้ว่านภัทรจ้องเธอนานแค่ไหน แต่จากน้ำเสียงร้อนรนแล้วเรื่องเมื่อครู่คงไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ดั่งที่เธอคาด
“อืม...รู้แล้ว น้าแค่...ไม่ค่อยชิน ปกติก็ไม่ค่อยชอบคนเสียงดุอยู่แล้วด้วย...แต่เราไม่รู้นี่ ไม่เป็นไร ๆ ส่วนขยะเอาไว้หน้าประตูก็ได้เดี๋ยวเอาลงไปทิ้งเอง”
“โอเคครับ”
ชายหนุ่มที่น้ำเสียงตอนนี้ติดไปทางเข้มดุเอ่ยตอบรับพร้อมเดินเอาถุงขยะไปวางไว้หน้าห้องแล้วเดินกลับมาทำความสะอาดต่ออย่างแข็งขัน
เห็นดังนั้นปริมก็อยากทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดีบ้าง อย่างการเอาน้ำมารับแขก ร่างเพรียวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ยังไม่ได้รับการทำความสะอาดพลางเดินย่องหลบคราบที่เธอทำไว้อย่างชำนาญเพื่อไปยังตู้เย็นที่เก็บน้ำแร่เย็น ๆ เอาไว้จนเต็ม
“มีแต่น้ำแร่แฮะ น่าจะทานได้ละมั่ง”
เจ้าของห้องคนสวยพินิจมองน้ำแร่ยี่ห้อโปรดก่อนจะหยิบออกมาถือไว้แล้วเดินกลับไปหานภัทรที่ห้องนั่งเล่น เป็นจังหวะเดียวกันกับร่างสูงที่ต้องการเข้ามาหาเธอในห้องครัวพอดี
ตุบ!
“อ๊ะ!!”
ด้วยจุดอับตรงมุมทางโค้งระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นทำให้ปริมชนกับนภัทรเข้าอย่างจัง ร่างเพรียวบางเอนไหวตามแรงชนด้วยขนาดที่ต่างกันมากทำให้ฝ่ายผละออกเป็นเธอแทนร่างสูง
แต่เพราะไม่ได้ตั้งตัวว่าจะเดินชนใครทำให้ศูนย์ถ่วงที่เคยมีเลือนหายไปโดยปริยายพาลเอาเจ้าของห้องคนสวยเกือบหงายหลังล้มถ้าไม่ได้วงแขนแกร่งโอบรั้งตัวเธอเอาไว้ก่อน
กลิ่นโคโลญจน์และความอุ่นร้อนจากแขนแกร่งเรียกเอารอยริ้วสีแดงวิ่งขึ้นพาดบนพวงแก้มนิ่มอย่างห้ามไม่ได้ ปริมไม่คิดเลยว่าซีนเดินชนกันในนิยายที่เธอเขียนลงบ่อย ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิตแบบนี้ และยิ่งมาเกิดกับลูกชายเพื่อนด้วยแล้วตัวเธอยิ่งไม่เคยคิดเข้าไปใหญ่
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไหวระริกด้วยหัวใจไม่รักที่เต้นระส่ำไม่หยุดพักกับเรื่องเมื่อครู่ก่อนจะรีบดันตัวเองออกมายืนห่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่หัวใจก็ยังเต้นระส่ำไม่หยุด
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างพวกเขาก่อนที่นภัทรเป็นคนเอ่ยปากก่อน
“น้าเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ไหนเหรอครับ”
“อ่อ ตรงห้องเก็บของข้างห้องน้ำน่ะ มีเครื่องดูดฝุ่นอยู่นะ จะทำอะไรเหรอ?”
“ผมจะทำความสะอาดให้ครับ เห็นน้างานยุ่งก็เลยไม่อยากกวน เพราะจริง ๆ มันเป็นเรื่องของผมเอง”
“อ่า...”
“ผมรู้ตัวว่าตัวเองเป็นพวกรักสะอาด ถึงห้องของน้าไม่รกมากแต่มันไม่สะอาดจนผมพอใจ ผมก็ขอทำให้ใหม่อยู่ดี เพราะงั้น...”
“อื้อ ๆ น้าอนุญาตอยากทำให้สะอาดแค่ไหนก็แล้วแต่เลย และไม่ต้องมาปลอบใจกัน น้ารู้ตัวหรอกว่าห้องมันรกขนาดไหน”
ปริมเอ่ยพลางมุ่ยหน้าให้กับคำปลอบโยนของชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าเอ่ยปลอบใจเธอหรือแซะเธอกันแน่
“ครับ ๆ ขอโทษครับ ฮึ ๆ”
คำขอโทษพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเรียกให้ใบหน้างดงามมุ่ยลงไปอีกระดับก่อนปริมจะเอ่ยฝากห้องนั่งเล่นที่เละเทะราวกับผ่านมรสุมมาของเธอให้กับอีกฝ่ายจัดการทำความสะอาดมันตามที่ต้องการโดยไม่ลืมยัดน้ำแร่ที่เธอตั้งใจหยิบมาให้ร่างสูงใส่มือแกร่งที่โอบกอดเธอเมื่อครู่ด้วย
“งั้น...น้าขอไปทำงานต่อก่อนนะ อ่อ ห้องเราอยู่ริมทางซ้ายนะ กุญแจอยู่บนโต๊ะทำงาน ถ้าไม่ชอบใช้กุญแจจะสแกนนิ้วเอาก็ได้น้าอนุญาต เดี๋ยวน้าแอดลายนิ้วมือเราเพิ่มให้”
“ครับ”
“ถ้าทำเสร็จแล้วไปเรียกน้านะ เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรทานกัน ว่าแต่อยู่ได้ใช่ไหม...”
“ครับผม อยู่ได้ครับ” คำตอบรับพร้อมรอยยิ้มทำให้ปริมวางใจก่อนที่ร่างเพรียวหมุนกายกลับเข้าห้อง
เรียวขายาวก้าวผ่านกระจกแบบเต็มตัวที่ตั้งอยู่ก่อนถึงโต๊ะทำงานก็ต้องตกใจกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ตนเองสวมใส่ออกไปรับชายหนุ่มอยู่นานสองนาน
“เชี้ยไรวะเนี้ยย โอ๊ยยยยัยปริมม ยัยคนเบ๊อะบ๊ะ”
มือบางยกขึ้นขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความหงุดหงิดที่เธอรีบร้อนจนเผลอใส่ชุดนอนออกไปรับโดยไม่เปลี่ยนก่อน
ความหวั่นวิตกถูกปลุกขึ้นในใจด้วยถ้าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่หลานชายเธอแต่เป็นโรคจิตจริง ๆ เรื่องราวคงจบไม่สวยแน่
“ฮึก จะไม่ใส่ชุดนี้ออกจากห้องทำงานอีกแล้ว บ้าเอ๊ย!!”
นักเขียนสาวกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟาเบดพลางหงายโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปช็อปปิงแล้วเลือกกดชุดนอนแบบเดรสตัวยาวเนื้อนิ่มมานับสิบตัวพลางกดสั่งอย่างไม่ลังเล เพราะต่อให้ไม่มีนภัทรอยู่ร่วมห้องแล้วเธอก็ยังได้ใช้งานมันอยู่ดีไม่ได้เสียหายอะไร
เมื่อเลือกซื้อจนพอใจปริมก็หันไปทำงานต่อจากที่ทำค้างไว้เผื่อว่ามันจะเสร็จตามเป้าก่อนที่นภัทรจะทำความสะอาดเสร็จ พวกเธอจะได้ไปหาอะไรทานข้างนอกตามที่เธอเอ่ยชวนไปเมื่อครู่
ก่อนที่หญิงสาวจะฉุกคิดได้ว่าทำไมไม่เอ่ยชวนโทรสั่งมาทานแทนเพราะเธอไม่ชอบอากาศร้อน ๆ ช่วงเที่ยงเท่าไรนัก
มือเรียวขยี้หัวตัวเอง อีกครั้งเพราะสะเพร่าเอ่ยชวนไปหาอะไรทานด้วยความเคยชินก่อนจะปล่อยเลยตามเลยเพราะออกไปตอนนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
อีกอย่าง...รอยยิ้มตอนที่เธอชวนไปทานข้าวเมื่อครู่ก็น่ารักไม่หยอก...
เพราะงั้นปล่อยไปแบบนี้นั้นละดีแล้ว...
ยังไงใบหน้าตอนยิ้มแย้มของนภัทรก็ดีกว่าดวงตาคมดุและน้ำเสียงน่ากลัวเมื่อครู่ตั้งเยอะ...
