02
ตอนที่ 2
เสียงแป้นพิมพ์คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงสากลเพลย์ลิสโปรดของนักเขียนสาวมากฝีมือที่ตอนนี้กำลังระรัวปลายนิ้วเรียวลงกับแป้นเพื่อบรรจงพิมพ์เนื้อเรื่องของนิยายเรื่องใหม่อย่างเมามัน
แรงสั่นเบา ๆ จากนาฬิกาปลุกเรียกความสนใจนักเขียนผู้บ้างานให้หันมอง ปริมกดหยุดนาฬิกาก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางบิดตัวช้า ๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้าที่สะสมจากการทำงานมานานกว่าสามชั่วโมง
ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาหน้าจอแท็บเล็ตเครื่องบาง ก่อนเดินไปล้มตัวลงนอนกับโซฟาเบดอย่างอ่อนล้า ไม่กี่นาทีต่อมาร่างเพรียวในชุดนอนสุดหวาบหวิวก็ดีดตัวขึ้นเขียนงานต่อทันที
ปริมไม่อยากปล่อยเวลาให้เลยผ่านอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยเธอก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีเวลาปั่นต้นฉบับอย่างสงบ ๆ อย่างที่เคยเป็นอีกหรือไม่
เพราะตอนสายของวันนี้คือเวลาที่ลูกชายของแพรไหมจะมาถึงคอนโดของเธอตามนัด
เธอเชื่อใจคำโฆษณาของเพื่อนสาวที่บอกว่าหลานชายของเธอคนนี้ไม่ดื้อไม่ซน แต่คนที่เธอไม่เชื่อนั้นคือตัวเธอเอง...
เธอไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่มีแม้แต่ประสบการณ์เพราะคนในบ้านไม่มีใครมีลูกเล็กที่ต้องช่วยกันเลี้ยง พี่ชายเธอที่แม้ตอนนี้จะมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตนแต่ก็ไม่ได้มีหลานตัวน้อยให้เธออุ้ม
ทำให้ความสามารถในการดูแลเด็กนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนแทบจะติดลบ...
ไม่สิมันติดลบแล้วต่างหาก...
เพราะงั้นเธอจึงจะใช้เวลาในตอนนี้ปั่นต้นฉบับให้ได้มากที่สุดหรืออย่างมากก็ 50 % เพื่อส่งให้กานต์ดาตรวจเบื้องต้นเผื่อว่ามีจุดใดต้องแก้ไขหรือปรับเพิ่มเธอจะได้แก้ก่อนแล้วเอาเวลาที่กานต์ดาตรวจส่วนแรกไปเขียนครึ่งหลังพร้อมดูแลหลานชายไปด้วย
ปริมขยับมานั่งที่โต๊ะขยับปลายนิ้วพิมพ์ตัวอักษรร้อยเรียงเนื้อหาที่เธอต้องการอีกครั้งด้วยความรวดเร็วที่มากกว่าคนปกติ 1เท่า
นักเขียนสาวเจ้าของสถิติยอดขายอันดับหนึ่งสามปีซ้อนรัวปลายนิ้วร้อยเรียงเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่เธอประคบประหงมสรรค์สร้างมันขึ้นมาลงบนโพรแกรมเขียนเอกสารก่อนจะหยุดพักเมื่อถึงฉากเมกเลิฟสุดเร่าร้อน
ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ มือเรียวเอื้อมไปเปลี่ยนเพลย์ลิสเป็นเพลงรักที่มีเนื้อหาและเนื้อเพลงสุดเซ็กซี่ก่อนจะเริ่มพิมพ์สิ่งที่ตนต้องการอีกครั้งอย่างไม่รีรอ
ทว่าในตอนที่ทั้งสองคนกำลังเข้าเลิฟซีนสุดเร่าร้อนได้ที่เสียงอินเตอร์คอมหน้าประตูก็ดังขึ้น แต่ปริมเลือกที่จะปล่อยไปเหตุเพราะในตอนนี้เธอไม่สามารถละสมาธิจากตัวละครของเธอได้ ไม่งั้นสิ่งที่เธอพิมพ์อยู่ตอนนี้ต้องรื้อใหม่หมดอีกทั้งมูดโทนการบรรยายก็จะเปลี่ยนไปจนไม่เร่าร้อนเท่าเดิม
Drrrr Drrrr
ทว่าเสียงอินเตอร์คอมก็ยังคงดังขึ้นต่อเนื่องกวนสมาธิจนเธอลืมคำที่อยู่ในหัวหลายครั้งจนต้องลบพิมพ์ใหม่ไปหลายหน
แต่ปริมยังไม่ยอมแพ้ เธอยังคงพยายามพิมพ์ต่อไปจนเสร็จท่ามกลางเสียงอินเตอร์คอมเว้นช่วงเรียกน้อยลงเรื่อย ๆ
แม้จะหงุดหงิดแต่เธอก็เลือกที่จะปล่อยเพราะมีหลายครั้งที่โดนเพื่อนบ้านโรคจิตหรือเด็กจากสามห้องถัดไปมากดเล่น จนปริมนึกได้ว่าเธอมีนัดรับตัวเด็กในความดูแลช่วงสาย
...และตอนนี้ก็จวนจะถึงเวลานัดเต็มที
ปริมเร่งมือพิมพ์ทุกอย่างที่เธอต้องการลงหน้าเอกสารแม้จะห่วงเด็กชายที่ไม่สบายด้วยอาการแพนิค แต่งานเธอที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่ได้อาจทิ้งไปได้เช่นกัน
เพราะงั้นแล้วเธอจึงทำได้ภาวนาว่านภัทรเด็กในความดูแลของเธอจะมีคนมายืนรอเป็นเพื่อนด้วย
ปริมเร่งเขียนฉากเลิฟซีนสุดเร่าร้อนอย่างเร่งรีบแต่ยิ่งเร่งก็เหมือนยิ่งช้า จนสุดท้ายเธอก็ยอมละออกจากหน้าจอมอนิเตอร์แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปเปิดประตูห้อง
นิ้วหัวแม่มือถูกสแกนก่อนที่บานพับประตูชนิดเก็บเสียงจะถูกเปิดออก ในใจเธอหวาดหวั่นกลัวจะได้เจอสายตาตำหนิของใครก็ตามที่มาส่งเด็กชายให้เธอ หรือสายตาไม่ไว้วางใจจากหลานชายตัวน้อยที่เง้างอนเธอเรื่องเปิดประตูช้า
แต่ทุกอย่างก็สลายไปทันทีที่เพราะคนที่ยืนอยู่หลังบานประตูคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เสริมเสน่ห์ด้วยดวงตาคมเรียวที่ภายใต้เปลือกตาสีมุกของเขาซุกซ่อนอัญมณีม่วงครามเอาไว้
มนต์เสน่ห์ชวนหลงใหลจนปริมที่เผลอจ้องดวงตาสีม่วงครามนั้นตกลงอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่ ทั้งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของโคโลญจน์ราคาแพงยังชวนเอาใจเธอเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเอาง่าย ๆ
ตึกตัก ตึกตัก
ทั้งยังเต้นดังมากเสียจนในหูของเธอตอนนี้ได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเอง...
ศีรษะเล็กสั่นเบา ๆ ก่อนจะทำใจดีสู้เสือ (?) เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่หน้าห้องพร้อมใบหน้าเรียบนิ่งและกระเป๋าเดินทางที่มืออีกข้าง
ดวงตาทั้งสองสบประสานก่อนที่ปริมจะได้ทันเห็นแววตาตกตะลึงของอีกฝ่ายก่อนที่มันจะหายไปในเวลาเพียงชั่วครู่ ทำเอาหญิงสาวขนลุกในความว่องไวในการซ่อนแววตาของชายหนุ่ม
แต่...ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับนายแบบชื่อดังคนนี้มายืนทำอะไรที่หน้าห้องของเธอกันล่ะ...?
“ทำไมเปิดช้าล่ะครับ...”
ไม่ทันจะได้เอ่ยถามว่าชายหนุ่มเป็นใคร เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาก่อนเรียกความสนใจจากเธอที่กำลังลอบมองสำรวจอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ
ดวงเนตรกลมมองสำรวจข้าวของและเจ้าของที่ถือมันอยู่อีกครั้งอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงไปตามที่เธอคิด
สงสัยจำห้องผิดละมั่ง...
“คือฉันไม่รู้นะว่าคุณมาหาใคร แต่คุณน่าจะมาผิดห้องแล้วค่ะ”
ปริมเอ่ยตอบพร้อมแย้มยิ้มหวานให้กับคนที่มาผิดห้องอย่างเป็นมิตรก่อนจะรีบดึงประตูปิดอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดหวั่นเพราะจากที่เธอเรียนมา
คนที่ซ่อนแววตาได้ในเสี้ยววิแบบนั้น ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้
แต่ด้วยแรงและขนาดตัวที่ต่างกันทำให้จังหวะการดึงประตูปิดนั้นช้ากว่ามือหนาที่เอื้อมมาจับมันเอาไว้ ชายหนุ่มออกแรงดึงบานพับประตูให้อ้าออกกว้างก่อนจะค้ำยันมันไว้เพื่อทรงตัวระหว่างที่เข้าโน้มใบหน้าลงไปใกล้หญิงสาวเจ้าของห้องพร้อมรอยยิ้มพราวเสน่ห์
พลางเอ่ยประโยคที่ทำเอาปริมเนื้อตัวชาวาบจนถึงขั้วหัวใจ
“ไม่ผิดหรอกครับ ผมนภัทร ลูกชายแม่แพรไหม เพื่อนรักของคุณน้าไงครับ”
เกิดมา 31 ปี ปริมได้เข้าใจคำว่าหูดับก็วันนี้ หญิงสาวเจ้าของห้องที่ถูกเรียกว่าคุณน้ายืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นลูกเพื่อนสาวคนสนิทเบียดกายเข้าห้องก่อนที่เจ้าของจะอนุญาต
ดวงตาคมมองสำรวจรอบห้องชุดขนาด 225 ตรม.ที่ผนังถูกทาด้วยสีขาวสว่างในทุกจุดของห้อง พลางเบนสายตาไปที่เฟอร์นิเจอร์สีดำเทาเข้มและน้ำตาลเข้มที่เจ้าของห้องนำมาตกแต่งเพื่อตัดสายตา ชายหนุ่มนึกชื่นชมในสไตล์ของคุณน้าคนสวยในใจก่อนจะชะงักกับโซนครัวที่ทั้งรกและเละเทะจนคนรักสะอาดอย่างเขาลมแทบจับ
เมื่อพบจุดที่รกหนึ่งครั้ง ดวงตาและสมองก็จะสั่งการให้หาจุดที่คล้ายกันไปเรื่อย ๆ ทำให้นภัทรได้รู้ว่าห้องของคุณน้าสาวคนสวยคนนี้ รกกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก!
ชายหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางของตนเองพลางเท้าเอวมองความเละเทะของห้องที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดด้วยความไม่พอใจ
นภัทรไม่ได้มีมายาคติที่มองว่าเป็นผู้หญิงแล้วห้องจะรกไม่ได้ แต่รกถึงขนาดที่เสื้อผ้ากองเต็มตะกร้า มีถุงขยะพลาสติกวางเต็มมุมห้องครัวและขวดน้ำอัดลมกลิ้งลุ่นๆ เต็มพื้นแบบนี้ก็ออกจะเกินไปเสียหน่อย
ชายหนุ่มมองสำรวจจนแน่ใจก่อนจะนึกชมที่คุณน้าคนสวยของตัวเองไม่ได้เป็นซกมกถึงขนาดไม่ล้างจานและทิ้งเศษอาหาร แต่เมื่อลองคิดอีกทีเขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่ไม่เห็นเพราะมันถูกทิ้งไปแล้วหรือมันไม่มีให้ทิ้งแต่แรกกันแน่...
“คุณน้า...ไม่ค่อยว่างเหรอครับ?”
“เอ่อ...อืม งานยุ่งน่ะ ว่าแต่...เธอเป็นลูกแพรไหมจริง ๆ เหรอ...”
“ครับ ถ้าคุณน้าไม่เชื่อก็ถ่ายรูปผมไปให้คุณแม่ก็ได้”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบเธอด้วยรอยยิ้มพลางหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินไปหยิบถุงขยะสะอาดที่ถูกพาดอยู่กับราวตากผ้าขี้ริ้วมาถือไว้เตรียมตัวทำความสะอาดห้องที่รกเกินกว่าที่คนรักสะอาดอย่างเขาจะทนได้ไหว
“เดี๋ยว ๆ ขอถ่ายรูปหน่อย”
“ครับ ๆ”
ปริมมองนภัทรที่ยืดตัวตรงพลางยิ้มหวานส่งมาให้เธอราวกับลูกสุนัขโกลเดนริทรีฟเวอร์ยามเจอเจ้าของ ก่อนจะกดถ่ายภาพนั้นอย่าวรวดเร็วแล้วส่งไปหาเพื่อนรักทันทีเผื่อว่าถ้าไม่ใช่จริง ๆ เธอจะได้หมุนตัวเข้าห้องทำงานของตัวเองได้ทันเพื่อขังตัวเองและโทรแจ้งตำรวจหรือรอจนกว่าเพื่อนสาวของเธอจะมาถึง
“กลัวอะไรผมขนาดนั้นล่ะครับ?”
คำเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มทำเอาปริมสะดุ้งขึ้นจนสุดตัวพลางถอยกรูดไปจนถึงหน้าประตูห้องทำงาน
แผนหลังบางแนบชิดบานกระจกมือข้างขวาตรงที่จับประตูแน่นพร้อมเปิดเข้าไปหลบทุกเมื่อถ้าหากกว่าแพรไหมไลน์มาบอกว่าชายหนุ่มเบื้องหน้านี่ไม่ใช่หลานชายของเธอ
“หึ ๆ นี่ผม...ทำคุณกลัวแล้วเหรอเนี้ย...คุณปีย์วรา...”
!!!
ทำไม...ทำไมรู้ชื่อจริงเราด้วยล่ะ!
ดวงตากลมเบิกกว้างที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าตนรู้จักชื่อจริงที่น้อยคนจะรู้
ระ..หรือว่า...เป็นพวกสตอล์กเกอร์แบบที่ออกข่าวบ่อย ๆ เหมือนที่ออกข่าวเมื่อวาน!!
ไม่นะ ไม่ได้เราตายไม่ได้เฮนรี่กับริต้ายังไม่ได้แต่งงานกันเลย!!
ปริมหวีดร้องในใจอย่างหวาดกลัวพลางนึกถึงตัวละครในนิยายที่เธอกำลังเขียนอยู่ นักเขียนสาวโอดครวญจนแทบอยากจะหวีดร้องออกมาถึงความตาย (?) ที่อยู่ตรงหน้า
Rrrr Rrrr
ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงโทรศัพท์มือถือในมือของเธอก็ดังขึ้น
เจ้าของห้องคนงามรีบเปิดดูข้อความที่เพื่อนของเธอส่งตอบมาอย่างรีบร้อนก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
[ข้อความ]
แพรไหม :: ใช่จ้ะปริม เป็นไง หล่อใช่ไหมล่ะ เราบอกแล้วไม่ดื้อไม่ซนแน่นอน ฝากลูกด้วยนะจ๊ะคนสวยของแพร
แพรไหม :: ยัยแพร ได้ส่งรูปภาพ
แพรไหม :: อีกห้าหมื่นตามสัญญาจ้ะ
ปริมมองข้อความผ่านการแจ้งเตือนที่หน้าจอด้วยความโล่งใจก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ย่ำแย่กว่านั้นขึ้นมาได้
ฉิบหาย!! นี่มันหนักกว่าเด็กเล็ก ๆ อีกนี่หว่า!!
โอยยย เคราะห์กรรมอะไรของเธอเนี้ยปริมมมม ฮื่อออ
หญิงสาวหยุมหัวตัวเองไปมาในใจนับสิบครั้งก่อนตัดสินใจให้โอกาสตัวเองในการดูแลชายหนุ่มตรงหน้าสักครั้ง ด้วยเหตุผลสองประการ
1. เธออยากช่วยเพื่อน
2. เธอไม่มีเงินชดใช้เงินที่เธอใช้ไปในตอนนี้แม้จะไม่กี่ร้อยก็ตาม
เพราะงั้นมันไม่มีทางเลือกใดดีเท่าการให้โอกาสตัวเธอในการดูแลชายหนุ่มเบื้องหน้านี้อีกแล้ว
