บท
ตั้งค่า

01

ตอนที่ 1

ร่างเพรียวระหงในชุดนอนสุดเซ็กซี่ที่เธอสวมใส่เพราะความคล่องตัวในยามนอนกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจวนจะผูกเป็นโบสวยอยู่หน้าแล็ปท็อปสุดหรูเครื่องมือทำมาหากินของเธออย่างเคร่งเครียด

ปลายนิ้วเรียวพิมพ์ ๆ ลบ ๆประโยคที่บรรจงเขียนลงในหน้าโพรแกรมเขียนเอกสารครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อประโยคที่เรียบเรียงออกมาไม่ได้ดั่งใจที่เธอต้องการ

ปริมยกมือขึ้นขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด ด้วยไม่ว่าจะเขียนอย่างไรก็ไม่ถูกใจเสียจนเธอนึกอยากจะลุกไปหาอะไรมาเคี้ยวแก้เครียด น่าเสียดายขนมล็อตสุดท้ายที่เธอตุนไว้หมดลงไปแล้วตั้งแต่สามวันก่อน

โครกกกกกกก

แค่นึกถึงของกินท้องน้อย ๆ ของนักเขียนสาวก็ส่งเสียงดังขึ้นเรียกความสนใจจากเธอที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำเปล่าและน้ำผลไม้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นให้ไปหาอะไรทาน

เจ้าของร่างอรชรถอยหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะคว้าเอาสมาร์ตโฟนเครื่องหรูอายุการใช้งานกว่าหนึ่งปีเศษขึ้นมาปลดล็อก

นิ้วเรียวจิ้มเข้าแอปธนาคารสีสวย อันเป็นธนาคารหลักของเธอในการใช้จ่ายต่าง ๆ และเป็นธนาคารที่เอาไว้รับเงินค่าต้นฉบับผลงานที่เขียนส่งด้วยดวงใจที่ห่อเหี่ยว

เพราะยอดเงินในนั้นแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งซองเธอก็ไม่อาจซื้อได้เลยด้วยซ้ำไป....

“โอ๊ยยย ทำไงดี ไม่มีอะไรกินก็คิดงานไม่ออกกันพอดี ฮื่ออ”

ปริมหวีดร้องด้วยพลางยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองไปมาเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวฟุบลงกับโต๊ะทำงานของเธอ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มสุกใสกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดก่อนจะนึกถึงคนที่น่าจะพอช่วยตัวเองเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้ขึ้นมา

หรือเราจะลองโทรหายัยดาดีนะ....

นักเขียนสาวดาวรุ่งพุ่งแรงที่ไร้ซึ่งเงินจะประทังชีวิตดีดตัวขึ้นมาจากโต๊ะทำงานทันทีที่นึกได้

แต่ก็ต้องคอตกไหล่ลู่อีกครั้งเมื่อนึกถึงฝีปากแสนจัดจ้านของกานดา บ.ก. สาวของเธอที่ทางสำนักพิมพ์ส่งมาดูแลเธอได้ 3 ปีแล้วตั้งแต่ บ.ก. คนเก่าลาออกไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ

เธอทำงานนี้มานานหลายปีเขียนนิยายขายดีไปแล้วก็หลายเรื่องจนมีเงินมาซื้อคอนโดมิเนียมหรูและอุปกรณ์ทำงานได้มากมายโดยไม่ต้องออกไปทำงานบริษัทแต่แล้วความซวยก็มาเยือนเธอ เริ่มจากที่คอมพิวเตอร์คู่ใจของเธอเกิดพังจนซ่อมไม่ได้ ทำให้ต้องควักเงินเก็บออกมาซื้อเครื่องใหม่ยี่ห้อเดิมที่แพงแสนแพงจนลมแทบจับเพื่อให้ได้ทำงานต่อ

สาเหตุที่ต้องซื้อยี่ห้อเดิมก็เพราะเธอยอมจ่ายรายเดือน เดือนละหลายร้อยเพื่อหน่วยความจำออนไลน์ที่ถูกสร้างและพัฒนามาให้ใช้ได้แค่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ต้นสังกัดของมันเท่านั้น

แน่นอนว่าความซวยของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านั้นเมื่อซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ได้ไม่นานไฟฟ้าของคอนโดเก่าก็เกิดขัดข้องกะทันหันในขณะที่ตัวเธอไปออกอีเวนต์พบแฟน ๆ ในเมือง

เมื่อไฟฟ้าทั้งคอนโดลัดวงจรทำให้ประตูไฟฟ้าระบบความปลอดภัยสูงสุดของเธอเกิดพังไปด้วย ระหว่างนั้นไม่รู้มือดีที่ไหนเข้ามาขโมยของในห้องเธอจนเกือบหมด ที่ถึงแม้จะตามกลับมาได้แล้วแต่ก็ยังเอาของคืนมาได้ไม่ครบอยู่ดี

โดยเฉพาะเงินสดกว่าสองล้านบาทในตู้เซฟไฟฟ้าที่พังเพราะเหตุไฟฟ้าลัดวงจรของคอนโด...

ที่แม้ทางโครงการจะขอชดเชยให้แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีท่าทีจะได้เงินจากเจ้าของโครงการเลยแม้แต่แดงเดียว ทั้งเรื่องระบบไฟฟ้าและระบบรักษาความปลอดภัยก็ล่มจนกู้แทบไม่ได้

เมื่อความปลอดภัยไม่เหลือแล้วตัวเธอในตอนนั้นที่โมโหจัดก็ตัดสินใจย้ายคอนโดทันทีอย่างไม่รีรอ หญิงสาวประกาศขายคอนโดเก่าด้วยราคาที่ถูกแสนถูกชนิดที่ถ้าเจ้าของโครงการมาเห็นเข้าคงร่ำไห้กรีดร้องด้วยความเจ็บใจที่โดนดูถูก

ทั้งมือเติบด้วยความแค้นใจเลยทำการซื้อคอนโดหรูด้วยเงินที่มีโดยไม่รอเงินจากการขายห้องก่อน เป็นเหตุให้เงินค้างบัญชีเหลือน้อยกว่าที่คาดไว้และทำให้เธอที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่ถึงสามเดือนมีสภาพเป็นยาจกเช่นนี้

โครกกกกกกก

เสียงร้องประท้วงอีกครั้งของกระเพาะอาหารเป็นสัญญาณว่าหากเธอไม่หาอะไรลงท้องเดี๋ยวนี้กรดทั้งหมดในนั้นย่อยผนังท้องของเธอแทน

ด้วยท้องที่หิวและสมองอันแสนตื้อตึงทำให้ปริมตัดสินใจโทรหา บ.ก. สาวปากจัดของตัวเองที่ตอนนี้น่าจะกำลังกอดอกนั่งรอโทรศัพท์ของเธออยู่ที่โต๊ะทำงานแน่นอน

หากเธอไปขอเบิกค่าต้นฉบับล่วงหน้าตอนนี้คงไม่วายโดนด่ามาสองสามบท หนักกว่าโดนเทศนาจนหูดับคือสาวเจ้าจะไม่ยอมโอนเงินให้แม้แต่แดงเดียวจนกว่าเธอจะปั่นต้นฉบับเสร็จ...

ในใจปริมอยากลองพยายามดู แต่เธอก็หวั่นเกรงฝีปากของ บ.ก. สาวอายุน้อยกว่า 5 เดือนจนล้นอกจนสมองสั่งให้นิ้วกด ๆ ลบ ๆ เบอร์โทรที่หน้าจอการโทรอยู่หลายครั้งจนโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นแจ้งเตือนการกระทำผิดปกติส่งให้นักเขียนสาวหยุดกดลบ ๆ เบอร์โทรของ บ.ก. สาวได้เสียที

ริมฝีปากอวบอิ่มคบเม้มแน่นด้วยความวิตกจนความแสบร้อนในช่องท้องเร่งการตัดสินใจของเธอให้เด็ดขาดขึ้น

เอาวะ ไม่โทรก็ตาย โทรก็ตาย งั้นโทร!

อย่างน้อยเราก็พยายามแล้ว!

“สู้หน่อยปริม สู้หน่อย!”

เสียงหวานเอ่ยให้กำลังใจตนเองก่อนจะกดโทรหาคนที่ต้องการคุยด้วยพร้อมใจที่ฮึกเหิมราวกับจะออกรบ

เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นไม่นานคนปลายสายก็กดรับพร้อมเสียงหวานแหลมแสบแก้วหูที่ตวาดออกจากสมาร์ตโฟนจนปริมต้องยกมันออกห่างจากหูเพื่อกันไม่ให้หูของเธอดับเพราะเสียงอันดังนั่นเสียก่อน

[โทรมาทำไมยะ แล้วต้นฉบับน่ะ เมื่อ ไร จะ ส่ง!!!]

“โอ๊ย รู้แล้วค่า คือ...มันเหลืออีกนิดเดียวเอง ขอเวลาอีกนิดน้า”

[จ้า ขอให้มันเหลือแค่นั้นจริง ๆ เถอะ แล้วนี่จะโทรมาขอเบิกค่าต้นฉบับล่วงหน้าใช่ไหมล่ะ]

รู้ได้ไง....

“แหะ จ้ะดา แล้วได้ไหมจ๊ะ”

[ไม่ ได้ ค่ะ !!! เอาต้นฉบับมาส่งก่อนแล้วค่อยคุยกันเรื่องเงินนะคะ ลาล่ะ]

ติ๊ด!!!

เสียงตัดสายดังขึ้นพร้อมร่างเพรียวของนักเขียนสาวที่ทิ้งตัวลงฟุบนอนกับโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ดวงตากลมโตทอประกายเศร้าสร้อยด้วยตัวเธอในตอนนี้นั้นไม่เหลือติดตัวพอให้ประทังชีวิตได้เลย ทั้งนิยายที่ปั่นต้นฉบับอยู่ตอนนี้ก็เหลือเนื้อหาอีกหลายส่วนที่ต้องใช้เวลาเกือบเดือนในการร้อยเรียงมันออกมาตามซีนและรายละเอียดที่วางไว้

แน่นอนว่าร่างกายเธอทนถึงตอนนั้นไม่ไหวแน่....

“ทำยังไงดี ฮื่อ ทำยังไงดี”

ร่างอรชรในวัยสวยสะคราญเดินโซซัดโซเซไปล้มตัวลงนอนกับโซฟาเบดในห้องทำงานอย่างหมดแรงพร้อมเสียงท้องที่ร้องประท้วงครั้งสุดท้ายก่อนจะเริ่มจะกระบวนการกัดกร่อนเยื่อบุผนังในกระเพาะของเธอแทนมื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น และ มื้อเช้าของวันนี้ที่เธอไม่ได้กินเพราะไม่มีเงินและของกินเหลือในบ้านอีกต่อไปแล้ว

“กระเพาะบ้า! อยากกัดเยื่อบุผนังฉันแกก็กัดไปเลย ฮึกฮื่อ”

Rrrrr Rrrrrr

เสียงคร่ำครวญที่ร้องขึ้นพร้อมเสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของเธอเรียกความสนใจจนปริมเลิกโอดครวญพลางเหลือบมองมันอย่างอ่อนแรง

มือเรียวเอื้อมอย่างเชื่องช้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องบางมาไว้ในมือก่อนจะกดรับโดยไม่สนใจดูเบอร์หรือชื่อคนที่โทรมาแม้แต่น้อย

“นี่คุณปริม พูดค่ะ”

[ปริมจ๋า คือฉัน...ฉันรบกวนแกหน่อยสิ...]

เสียงหวานใสแสนคุ้นเคยในความทรงจำเรียกให้ปริมดึงโทรศัพท์ออกจากหูมาดูชื่อผู้ติดต่อที่เธอบันทึกไว้ก่อนจะเอ่ยตอบปลายสายไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“อื้อ ว่ามาสิแพร ถ้าเป็นแพรเราได้ทั้งนั้น...”

แพรหรือแพรไหมเพื่อนรักที่ไม่ได้ติดต่อกันนานตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเหตุเพราะเรียนกันคนละสาย แพรไหมเลือกเรียนสายบริหารในขณะที่ปริมเลือกเรียนควบสองคณะทั้งอักษรศาสตร์และจิตวิทยา เรียกได้ว่าชีวิตในมหา’ ลัยของเธอหฤโหดจนคณบดียังยกนิ้วให้

ทว่าแม้จะเรียนคนละสายปริมก็ยังแบ่งเวลาเรียนที่หฤโหดราวกับทุกรกิริยาที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำก่อนตรัสรู้มาคุยกับปริมอยู่บ้าง เวลาเจอกันตามคณะ หรืองานมหา’ ลัยก็ทักทายกันปกติ

เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องคุยกันทุกวันหรือหากิจกรรมทำด้วยกันก็ยังสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมจนน่าอิจฉา

แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ขาดการติดต่อกันไปนานตั้งแต่เรียนจบ เธอและเพื่อนสาวคนสวยปลายสายสนทนาไม่ได้อัปเดตชีวิตกันมากนัก

ไม่รู้ว่าตอนนี้ยัยแพรจะเป็นยังไงบ้างนะ

ด้วยเหตุที่ว่าเธอและหญิงสาวมักให้พื้นที่ส่วนตัวกันเสมอ หากเรื่องใดอีกฝ่ายไม่อยากให้รู้เธอจะไม่ก้าวก่าย

เรียกว่าเป็นคนสนิทที่รักและไว้ใจจนทำเพียงแต่อ้าปากหรือมองตาก็รู้ไส้รู้พุงดี แม้จะไม่รู้เรื่องชีวิตส่วนตัวของกันและกันก็ตาม

[ฮิ ๆ ปริมนี่ยังใจดีเหมือนเดิมเลยน้า เรานี่โชคดีจริง ๆ ที่มีเพื่อนรักอย่างปริมอะ]

“จ้า แล้วตกลงมีเรื่องอะไร”

[จะว่ายังไงดี...คือฉันรู้นะว่าแกงานยุ่ง แต่...ฉันจำเป็นจริง ๆ รบกวนด้วยนะ...]

“อื้อ ถ้าเป็นแกอะฉันไม่อะไรอยู่แล้ว แต่...แกจะรบกวนฉันเรื่องอะไร?”

[คือว่าฉันกับสามีต้องไปต่างประเทศกะทันหัน แต่ลูกชายไม่ไปเพราะติดเรียน...ประเด็นคือเขาอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะเขามีอาการแพนิค ฉันเลยจะขอฝากเขาไว้กับแกสัก...5 เดือนได้ไหม...]

“ฮะ...5 เดือน?”

ปริมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เธอสติหลุดตั้งแต่แพรไหมขอให้ดูแลลูกชายให้ มาได้ยินระยะเวลาก็ยิ่งแล้วใหญ่

โอยยย ชีวิตยัยปริมไปทำบาปทำกรรมอะไรมา!!

[อืม ใช่จ้ะ 5 เดือน เดี๋ยวฉันให้ค่าจ้างเธอ 1 แสนเลย แต่ฉันขอร้อง ฝากดูแลลูกฉันด้วยเถอะนะ ฉันไม่ไว้ใจใครนอกจากแกแล้วจริง ๆ]

“ไม่ ๆๆ ไม่เด็ดขาด ฉันดูแลไม่ไหวหรอกจริง ๆ นะ ฉันไม่เคยดูแลเด็กเลยนะแพร”

น้ำเสียงหวานเอ่ยปฏิเสธทันทีด้วยเธอนั้นไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กเลยแม้แต่น้อย แล้วนี่จะให้เธอดูแลเด็กที่ป่วยเป็นแพนิคอีกงั้นเหรอ...

ไม่ไหวหรอก!!

นิ้วเรียวกดเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้ววางมือถือไว้ไกล ๆ ตัวก่อนจะหมุนกายนอนหันหลังให้สมาร์ตโฟนเครื่องหรูนั่นไป เธอพยายามไม่สนใจเสียงอ้อนวอนของเพื่อนสาวที่สะอึกสะอื้นพยายามขอร้องเธอให้รับงานนี้

[ปริมม ฮึก...เราขอร้องละนะ นะ ขอร้องล่ะ เราไม่มีใครที่ไว้ใจและพึ่งพาได้แล้วจริง ๆ นะปริมนะ ลูกเราเขาเป็นแพนิค แต่เขาไม่ดื้อไม่ซนนะ...ขอร้องล่ะ...นะ]

เจ้าของตากวางสีน้ำตาลเข้มกลอกไปมาพยายามคิดทบทวนเรื่องรับดูแลลูกชายเพื่อนอีกครั้งเพราะเริ่มใจอ่อนกับเสียงสะอื้นฮึกราวกับจะขาดใจของแพรไหม

เธอไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กน่ะใช่ แต่หากเรื่องงานที่ต้องทำกับเงินค่าจ้างกว่าหนึ่งแสนบาทแล้ว...

เธอก็อยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง...

“โอเคเราตกลง”

ปริมไม่ได้หน้าเงินหรือเห็นแก่เงิน เธออยากช่วยเพื่อนด้วยและเงินเป็นของแถม โดยที่เธอหวังในใจว่าลูกชายของเพื่อนรักจะไม่ดื้อไม่ซนดังคำโฆษณาที่มารดาของเด็กชายกล่าวอ้าง...

เพราะถ้าซนจนห้องเธอพังเธอคงปรี๊ดแตกจนกู่ไม่กลับแน่...

[ฮึก! จริงนะ ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก พร้อมเพย์เบอร์นี้ใช่ไหม เดี๋ยวเราโอนเงินไปให้นะ มัดจำไปก่อน ห้าหมื่น อีก ห้าหมื่นเราจะโอนหลังนภัทรไปหาปริมนะ]

นภัทรเหรอ...ชื่อดูซุกซนยังไงไม่รู้...

“จ้ะ ๆ แล้วน้องจะมาวันไหน”

[พรุ่งนี้จ้ะ ขอบคุณนะปริม เชื่อฉัน ตาภัทรเป็นเด็กดี จริง ๆ ถึงชื่อจะดูซน แต่จริง ๆ แกเด็กดีมากเลยนะ]

“อืม ๆ เชื่อแล้วค่ะ คุณแม่”

[ฮิ ๆ ขอบคุณมากเลยนะปริม เดี๋ยวพรุ่งนี้เราให้คนของสามีไปส่งนภัทรที่คอนโดเธอนะ ยังอยู่ที่เดิมไหม?]

“ไม่จ้ะ ห้องนั้นฉันขายไปแล้วล่ะ ย้ายมาอีกทีแล้ว เดี๋ยวส่งโลเคชันไปให้ในแชตนะ

[จ้ะ เดี๋ยววางสายแล้วเราโอนเงินให้นะ ฝากลูกเราด้วยนะปริม ขอบคุณมากเลยนะ]

“จ้า ไม่เป็นไร”

ติ๊ด!

“เฮ้ออ คงต้องไปเก็บห้องสินะ...”

เจ้าของร่างระหงถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเธอต้องลุกขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนแขกทั้งยังต้องปูที่นอนใหม่ด้วยเธอไม่ได้มีแขกมาพักมากนัก แฟนเฟินอะไรก็ไม่มีเพราะถูกหักอกทิ้งไปด้วยเหตุที่ว่าเธอบ้างานตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว

Rrrr Rrrrr

“หืม?”

เสียงข้อความที่ดังขึ้นพร้อมกับสามแอปเรียกความสนใจจากปริมที่กำลังหิ้วถังน้ำและไม้ม็อบเพื่อที่จะเตรียมทำความสะอาดให้หันมอง เจ้าของร่างเพรียวเดินนวยนาดเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูพบเป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าจากธนาคารและไลน์ที่เธอลงทะเบียนบัญชีไว้

รวมทั้งข้อความจากเพื่อนรักที่นำลูกมาฝากเธอด้วย...

[แพรไหม] : สลิปจ้ะปริม ฝากลูกชายเราด้วยนะ รับรองไม่ซนแน่นอนเชื่อใจได้

นักเขียนสาวมองข้อความและสลิปจากเพื่อนสาวคนสนิทด้วยรอยยิ้มกับความขี้อวดของคุณแม่ลูก 1 ก่อนจะปัดออกจากแอปแล้วกดสั่งอาหารมาทานเพราะตอนนี้เธอหิวจนตาลายจวนจะเป็นลม

ปริมจัดการสั่งอาหาร น้ำอัดลมกลิ่นโปรดและขนมก่อนจะลุกไปทำความสะอาดห้องนอนอีกห้องที่ว่างอยู่อย่างร่าเริง

โดยไม่รู้เลยตัวเองกำลังจะได้เผชิญหน้ากับเรื่องวุ่นวายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel