บท
ตั้งค่า

00 บทนำ

บทนำ

กระเป๋าเดินทางสองใบถูกหยิบยกออกมาวางไว้บนเตียงนอน พร้อมร่างเพรียวระหงที่เดินเข้าออกตู้เสื้อผ้าขนาดเท่าห้องน้ำห้างไปมา

หญิงสาวบรรจงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่จำเป็นสำหรับร่วมงานพบปะธุรกิจต่าง ๆ อย่างรีบเร่งด้วยอีกไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงดีเธอต้องไปขึ้นเครื่องบินตามไฟลต์ที่จองไว้

ทุกการเคลื่อนไหวถูกสายตาจับจ้องอย่างเพลิดเพลินแต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดเธอให้จับเรียงเสื้อผ้าได้

“พี่ว่าพี่เรียกคนมาช่วยเก็บดีกว่า”

“ไม่ต้อง-”

“ไม่เอาน่า เดี๋ยวน้องต้องไปคุยเรื่องฝากเจ้าภัทรกับเพื่อนอีกไม่ใช่เหรอ มาเถอะ มาพักก่อนเสื้อผ้าเดี๋ยวให้เลขาน้องมาช่วยเก็บ”

แพรไหมมองเสื้อผ้าและข้าวของที่เธอต้องนำไปอย่างอาลัยอาวรณ์ด้วยเธออยากเป็นคนจัดการเก็บของพวกนี้เองมากกว่าให้เลขาหรือเมดคู่กายมาเก็บให้

เนตรกลมหันไปส่งสายตาออดอ้อนสามีผู้เป็นทีรักอีกครั้งก่อนจะตัดใจเมื่อได้รับแววตาดุ ๆ กลับมา ก็ต้องจำใจวางของทุกอย่างลงแล้วเดินไปควงแขนแล้วพากันเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นที่ชั้นล่างของบ้าน

สองร่างอิงแอบแนบชิดมองดูข่าวภาคค่ำด้วยความรื่นรมย์แตกต่างจากคนใช้ในบ้านที่วิ่งวุ่นเพราะต้องเก็บของให้เจ้านายไปทำงานต่างประเทศนานเกือบครึ่งปี

“จริงสิ ถ้าแพรให้เพื่อนเป็นคนดูแลภัทร พี่จะว่าอะไรไหมคะ”

“ไม่ครับ น้องจัดการตามที่สมควรได้เลย”

แรงกดเบา ๆ ที่ข้างขมับพร้อมจุมพิตบางเบาจากคนอายุมากกว่าเกือบสิบปีเรียกรอยยิ้มจากหญิงสาวที่แม้อายุอานามจะเกือบ 35 แล้วแต่ก็ยังสวยสะพรั่งไม่ต่างวันวานได้เป็นอย่างดี

“อืมม ปล่อยก่อนค่ะ แพรขอโทรหายัยปริมก่อน”

“หืม เพื่อนคุณชื่อปริมเหรอ?”

ชื่อที่คุ้นหูเรียกให้นายใหญ่ของบ้านเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจาก ‘ใครคนหนึ่ง’ เมื่อนานมาแล้ว

“ค่ะ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของแพรเลย ที่มาร่วมปาร์ตี้ครบรอบวันแต่งงานของเราไงคะ”

“อ่อ คนที่มาได้แป๊บเดียวแล้วกลับ เพราะโดนบอกเลิกนะเหรอ”

“ค่ะ คนนั้นแหละ แต่เธอคงลืมไปแล้วมั่งว่าเคยมางานปาร์ตี้เล็ก ๆ ของเรา ก็ปกติรายนั้นเขางานยุ่งจะตายไป แถมวันนั้นอุตส่าห์มาสังสรรค์ก็ดันโดนคนไม่เอาไหนบอกเลิกซะอีก เฮ้อ ยัยปริมนะยัยปริม”

“แต่งานยุ่งขนาดนั้นเราเอาตาภัทรไปฝากจะไม่รบกวนเขามากไปเหรอ?”

ธนินเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย แม้จะไม่อยากขัดใจภรรยาคนสวยเรื่องดูแลลูกชายเพียงคนเดียวมากนัก แต่ก็ถามเอาไว้เพื่อความมั่นใจว่าแก้วตาดวงใจดวงที่สองของเขาจะได้รับการดูแลอย่างดี

“พี่นี่ก็ ทำอย่างกับลูกเราอายุ 2 ขวบไปได้ ปีนี้ 23 แล้วนะคะ จะนั่งตำแหน่งประธานแทนคุณได้อยู่แล้วนะ อีกอย่างเจตนาเราก็แค่อยากให้มีคนที่ไว้ใจได้อยู่เป็นเพื่อนลูกเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอคะ”

แพรไหมเอ่ยเอ็ดสามีของตัวเองเบา ๆ เพราะเจตนาในการฝากเลี้ยงครั้งนี้คือการหาคนอยู่เป็นเพื่อนลูกชายระหว่างที่เธอและสามีไปทำงานต่างประเทศก็เท่านั้น

“ครับคนดี ยอมแล้วครับ งั้นอย่าลืมให้ค่าเสียเวลา ค่าดูแลเขาไปด้วยนะ”

“ค่ะ ไม่ลืมอยู่แล้ว กับยัยปริมแพรเปย์ไม่อั้นอยู่แล้ว ฮึๆ”

มือเรียวควักโทรศัพท์ขึ้นมาถือเตรียมกดเบอร์ส่วนตัวของนักเขียนสาวที่เธอจำได้ขึ้นใจ ก่อนจะชะงักมือและวางโทรศัพท์ไว้บนตักเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้คุยกับลูกชายสุดหล่อของตัวเองเลยว่าจะส่งเจ้าตัวไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่บ้าน

“ไม่โทรล่ะครับ”

“น้องลืมคุยเรื่องนี้กับนภัทร...”

คำสารภาพเสียงอ่อยของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเจ้าบ้านหนุ่ม จนอดไม่ได้ที่จะจุมพิตที่ข้างขมับของหญิงสาวเบา ๆ แล้วเรียกให้เลขาของตนที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลให้ขึ้นไปตามนภัทรลงมาข้างล่าง

ใบหน้าหวานที่บิดบี้จากความสะเพร่าของตนเองเริ่มยิ้มแย้มขึ้นมาได้บ้างเมื่อได้รับจุมพิตหวาน ๆ จากสามี ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเมื่อลูกชายเพียงคนเดียวกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน

“นภัทรครับบ”

“ครับแม่”

เสียงทุ้มนุ่มและใบหน้าที่คมคายเหมือนกับคนข้างกายราวกับโขกพิมพ์ออกมา แม้ว่าเสียงจะติดนุ่มกว่าก็ตาม แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลูกชายของเธอนั้นเหมือนกับสามีเธอสมัยหนุ่ม ๆ มากจริง ๆ

“มานั่งนี่สิครับ”

สองแขนเรียวอ้าออกทั้งยังยิ้มหวานเรียกลูกชายของตนเองอย่างอารี ทำให้นภัทรอดจะเดินไปเข้ากอดเรือนกายเพรียวของมารดาบุญธรรมและออดอ้อนราวกับเด็กเล็ก ๆ ไม่ได้

“หึ ๆ มาถึงก็อ้อนแม่แกเลยนะ”

น้ำเสียงทุ้มที่ติดแหบดุแต่ทว่าการกระทำนั้นแตกต่างเมื่อมือหนาวางแหมะลงบนศีรษะของนภัทรพลางลูบอย่างแผ่วเบาทำเอาชายหนุ่มเคลิบเคลิ้มจนเกือบลืมสาระที่ลงมาจากห้องเมื่อครู่

“หึ ๆ ชอบจังนะให้พ่อลูบหัวน่ะ”

“อืม เหมือนตอนเด็กๆ ไงครับ ว่าแต่พ่อกับแม่เรียกผมลงมามีอะไรรึเปล่า?”

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้อนมองมารดาบังเกิดเกล้าและบิดาผู้ให้กำเนิด แต่ใบหน้าและวงแขนแกร่งก็ยังไม่ละออกจากเอวบางของแพรไหมที่เขากอดออดอ้อนมานานหลายปี

“คือ แม่กับพ่อต้องไปทำงานต่างประเทศ 5 เดือน ไปหลายเมือง ที่แม่เคยบอกลูกไงครับ”

“อ่อ ตารางนั่นเอง งั้น...ผมต้องไปอยู่กับใครเหรอครับ หรือ...ต้องไปอยู่คอนโด?”

น้ำเสียงเรียบนิ่งแสนสั่นเครือเอยขึ้นด้วยความวิตก แต่ก็ได้วงแขนเรียวของแพรไหมค่อยปลอบประโลมอยู่เนือง ๆ โรคประจำตัวเลยไม่ได้กำเริบมากเท่าใดนัก

“ไปอยู่กับเพื่อนคุณแม่ค่ะ คุณน้าปริม ลูกจำได้ไหม คนที่หนูเคยเข้าไปปลอบตอนปาร์ตีฉลองครบรอบงานแต่งแม่ไงครับ”

ดวงตาคมวาววับด้วยความปีติ ก่อนจะรีบเก็บอาการเอาไว้อย่างแนบเนียนด้วยไม่อยากให้บิดามารดาเปลี่ยนใจ ส่งเขาไปอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่บ้านของ คุณน้า คนสวยผู้เป็นเพื่อนคุณแม่คนนั้น

“ค่ะ ลูกสะดวกใจไหม?”

“ครับ แต่จะรบกวนคุณน้าไหมครับ”

“ถ้าคุยดี ๆ ไม่กวนน้าเขาตอนทำงาน แม่ว่าน้าเขารับได้นะ”

“แล้ว...น้าเขาจะจำผมได้ไหมครับ?”

น้ำเสียงติดกังวลเอ่ยถามขึ้นเสียงหงอยเหงาจนแพรไหมได้แต่เม้มปากแน่นที่ตัดสินใจผิด เลือกมาคุยกับลูกชายก่อนเพื่อนสาว

“ถ้าจำไม่ได้ ลูกก็ทำให้คุณน้าเขาจำได้สิครับ”

“นั่นสิครับ ขอบคุณครับแม่”

ฟอดดด

ริมฝีปากหยักกดหอมที่แก้มนิ่มของมารดา ก่อนจะขอตัวเก็บของที่จำเป็นที่ห้องด้านบนอย่างเร่งรีบ แม้จะอีกนานเกือบครึ่งค่อนวันก็ตาม

“ดูตื่นเต้นกว่าปกตินะลูกชายคุณน่ะ”

“เจอคนที่ชอบ...ไม่ตื่นเต้นก็แปลกแล้วล่ะค่ะ เอาล่ะทีนี้ฉันก็มีหน้าที่ต้องกล่อมยัยปริมให้รับงานนี้ให้ได้สินะ”

“สู้เขานะครับคนสวย ถ้า 1 แสนไม่พอจูงใจก็...อัดเงินเพิ่มแล้วบีบน้ำตา ผมเชื่อว่าเพื่อนคุณตกลงตั้งแต่สะอื้นแรกแล้ว”

“แหมๆ คุณก็ ยัดเงินเพิ่มน่ะยัยปริมไม่รับแน่นอนเลยค่ะ แค่ 1 แสนนี่นางก็ไม่อยากรับแล้ว แต่ถ้าบีบน้ำตาไม่ว่ายังไงคนสวยขาของแพรก็ต้องยอมแพ้ล่ะนะ”

เอาล่ะปริมจ๋า ฉันขอฝากลูกหมาตัวดีของฉันไว้ที่เธอสักพักนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel