4
“ขายเก่งเป็นทุนอยู่แล้วมั้ง คงไม่อยากเป็นหมอ แล้วเป็นไงบ้างวะ สวยขึ้นไหม”
นพรัตน์เมินจากเพื่อนที่กำลังคุยเรื่องของ ‘เธอคนนั้น’ แล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มแบบอื่นมาละเลียดต่อ แต่เพื่อนก็ยังคงคุยวนแต่เรื่องเดิมๆ วินาทีต่อมาค่อยได้ยินอีกคนสะกิด แล้วส่งสัญญาณเรียกให้ดูชายหญิงคู่หนึ่งที่เพิ่งเดินออกจากร้านไป
“เห้ย นั่นน้องธิดาใช่ไหม”
“ไหน”
“นั่นไง มากับคนใหม่อีกแล้วหรือวะ ให้ได้พักบ้างเหอะ กูล่ะสงสาร” คนพูดบอกออกไป ทำท่าเสียอกเสียใจเกินจริง บรรดาหนุ่มๆคนอื่น ต่างพากันมองตามร่างระหงในชุดเดรสพอดีตัวด้วยสายตาหลากหลายกันไป ซึ่งล้วนแล้วต่างไม่พ้นความคิดแทะโลมกันทั้งนั้น เมื่อพอทราบกันดีว่าหญิงสาวที่ชื่อ ‘ณธิดา’ นั้น เป็นผู้หญิงแบบใด
“พี่น้องบ้านนี้เขาจะสังกัดเดียวกันไหมวะ กูอยากรู้จริงๆเลย”
“สังกัดอะไรของมึง”
“อ้าว ก็เพื่อนเที่ยวเพื่อนนอนยังไงเล่า ออกจะดัง”
“จะไม่สังกัดเดียวกันหรอกหรือวะ ณัชชาที่ว่าหงิมๆเงียบๆก็ยังเคยเป็นเด็กปู่...”
คนปากไวกำลังสาวความหลังออกมาพูด เพื่อนอีกคนเลยรีบสกัดด้วยการเตะขาใต้โต๊ะให้หยุดพ่นวาจาไร้สาระไร้การกลั่นกรองออกไปในตอนนั้น เนื่องด้วยมีนพรัตน์นั่งอยู่ ยังดีที่ยั้งปากไว้ได้ทัน แต่ดูเหมือนว่านพรัตน์จะรู้ว่าเพื่อนต้องการเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อเจ็ดปีก่อน
ใบหน้าหล่อเรียบเฉยเมย แววตากระด้างอย่างเห็นได้ชัดเจน ก่อนลุกจากโต๊ะในนาทีต่อมา เพราะเบื่อฟังเรื่องของคนอื่นเต็มทน โดยเฉพาะเรื่องของเธอคนนั้น
ขึ้นรถได้ต่อสายหาธรณ์ น้องชายลำดับถัดมาจากตัวเอง ถามว่าอยู่ที่ไหนกัน ได้คำตอบว่าอยู่บ้าน ค่อยวนรถพากลับเข้าเคหาสน์ของอัศวหาญญ์วรกุลต่อจากนั้น โผล่ไปให้เห็นหน้าสักหน่อยก็ดี เดี๋ยวมาบ่นว่าเขาหายหน้าหายหนวดไม่กลับมาเจอพี่ๆน้องๆ
“ว๊าย คุณป๊าขา อย่าเพิ่งสิคะ”
เสียงแหลมปรี้ดนั่นบาดหูเหลือเกิน นพรัตน์ที่เพิ่งลงจากรถเดินผ่านมุมหน้าบ้านที่มีไม้ประดับต้นสูงใหญ่บดบังด้านในที่เป็นส่วนของสระว่ายน้ำและบ้านหลังเล็กที่แยกออกไป เอาไว้อีกที
นี่พาพวกสาวๆมาลงสระน้ำอีกแล้วหรือ
แก่แล้วไม่ปลงสังขาร มักมากไม่รู้จักพอในเรื่องเพศ เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อนนั่นอีกหรอก
นึกรังเกียจปู่ตัวเองขึ้นมาระลอกใหญ่ก่อนปัดทิ้งไปจากความรู้สึก แล้วเดินผ่านบริเวณนั้นไป แว่วเสียงเรียกจากท่านแต่เฉยเสีย ไม่ใส่ใจ ไม่ให้ความเคารพใดๆทั้งสิ้น
‘อิทธิ’ คือชื่อของปู่เขาเอง ท่านเป็นชายสูงวัย ที่แม้อายุย่างเจ็ดสิบสองปีแล้วแต่ดูอย่างไรก็ยังว่าไม่น่าถึง เพราะออกกำลังกายอยู่เป็นนิจ ดูแลตัวเองดีมาก อีกทั้งยังนิยมแต่งตัวจัดจ้านอีกด้วย นึกถึงคนเป็นปู่เพียงเท่านั้น เดินเรื่อยๆเลาะเข้าไปด้านในห้องโถงของบ้านอย่างไม่รีบไม่ร้อนแต่อย่างใด ที่นั่นมีพี่ชายคนโตและน้องๆนั่งรอเขาอยู่ ดึกขนาดนี้ไม่รู้จักหลับจักนอนกันเลย
“ทำไมไม่บอกว่ามีเขาอยู่ที่นี่ ผมจะได้ไม่มา”
นพรัตน์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาแฝงความไม่พอใจในนั้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนก่อนมาที่นี่เขามักโทรถามก่อนเสมอว่ามีใครอยู่บ้าง หากรู้ว่าปู่อยู่ นพรัตน์จะรีบหักรถเลี้ยวกลับห้องชุดของเขาทันที เป็นแบบนี้มาตลอด
“ขอโทษครับเฮีย เผอิญผมไม่ได้เดินเข้าไปเช็คให้ก่อน”
ธรณ์บอกยิ้มๆ นพรัตน์ส่ายหน้าเบาๆ ละความสนใจต่อปู่ของตนไว้เพียงเท่านั้น คนทำทีขอโทษขอโพยไม่ได้สำนึกหรอก เอ่ยถามด้วยสีหน้ายียวน
“ทำไมยังมึนตึงกับปู่อยู่อีกล่ะครับ คดีเก่าตั้งเจ็ดแปดปีก่อนนู่น เฮียยังไม่ลืมอีกหรือ”
“แต่จะว่าไป รอบนั้นแกเป็นอะไรถึงได้น็อคจนเข้าโรง’บาลวะ จำได้ว่าเช้าหลังงานวันเกิดเลยใช่ไหม”
“แหม...นี่ไม่รู้จริงๆหรือเสี้ยมน้องครับเนี่ย” ธรณ์แย้งยิ้มๆ วิแคะไปตามประสา “ได้ยินคนของปู่พูดกันว่าคืนนั้นคงได้กินเนื้อสดๆใหม่ๆก็เลยจัดหนักไปหลายรอบมั้งครับ”
“นี่มึงมีเรื่องอื่นจะคุยไหม ถ้ายังพูดย้ำเรื่องนี้อีกกูจะได้กลับ”
“อุ๊ย! โกรธจัดแล้วเห็นไหม ขึ้นมึงๆ กูๆด้วย เดี๋ยวก่อนสิครับ อย่าเพิ่งไป โถ...แค่นี้ก็ต้องมีโมโห”
“ทำเป็นเดือดเป็นโกรธไปได้ เอาน่าๆ ทีหลังมึงก็อย่าขุดเรื่องนั้นมาพูดอีก” นิรันดร์บอกอย่างต้องการห้ามทับ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนชง แล้วคุยเรื่องอื่นกันต่อจากนั้น ธรณ์บ่นอุบอิบในตอนนั้น ที่พี่ชายคนโตพาเปลี่ยนเรื่องเอาตัวรอดไปก่อน
“ผมคนเดียวที่ไหน เฮียด้วยนั่นแหละ ตัวดีเลย”
ทิ้งช่วงได้ครู่ใหญ่นพรัตน์เลือกที่จะกลับไปยังห้องชุดของตนเองในคืนนั้น เพื่อที่เช้ามาจะได้ไม่ต้องพบหน้าปู่ของเขาอีก
“ณัชชา”
เสียงเรียกขณะเก็บแฟ้มเข้าบนชั้นเรียบร้อย หันไปทางนั้นก็ถึงได้เห็นร่างสูงสง่าของผู้จัดการคลินิกที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่เดินตรงมาที่ตน เลยตอบรับกลับไป “คะพี่มุ้ย”
สาวร่างสูงโปร่งดึงประตูห้องเอกสารให้ปิดจนสนิท ค่อยเข้ามาคุยด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ที่ณัชชาเห็นแล้วรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความจริงใจอย่างแน่นอน
“ยอดขายเราเมื่อตอนบ่าย โยกให้น้องใหม่ก่อนได้ไหม”
จริงอย่างที่คาดเอาไว้ไม่ผิด จึงเงียบคล้ายว่าตนกำลังใช้ความคิด เลือกที่จะถามกลับแทนการตอบรับ
“ทำไมหรือคะ”
“น้องมันเพิ่งมา แล้วหมอก็บอกว่าถ้ายอดไม่ถึงล้านเฉพาะของน้องภายในสามเดือนนี้ น้องจะไม่ผ่าน probationary period ของหมอน่ะสิ ณัชชาช่วยน้องหน่อยนะ เราน่ะขายเก่งออกจะไปกลัวอะไร ประเดี๋ยวเดียวก็ได้แล้วยอดน่ะ”
ไม่ใช่ประเด็นแล้ว ณัชชาส่ายหน้า บ่ายเบี่ยงบอก
“เดือนก่อนนู้นกับเดือนที่แล้วก็แปดแสนแล้วนี่คะพี่มุ้ย”
“ใช่ไง แต่มันก็ยังไม่ถึง อีกสองอาทิตย์จะครบสามเดือนของน้องมันแล้ว พี่เลยว่าจะเอายอดที่เราปิดได้เมื่อตอนบ่ายให้น้องไปก่อน”
