5
“ใช่ไง แต่มันก็ยังไม่ถึง อีกสองอาทิตย์จะครบสามเดือนของน้องมันแล้ว พี่เลยว่าจะเอายอดที่เราปิดได้เมื่อตอนบ่ายให้น้องไปก่อน”
ณัชชามองสบตาผู้จัดการคลินิกคนใหม่ที่ในมือมีโอพีดีการ์ดของลูกค้ามาด้วย ยังไม่ทันตอบอะไรกลับ ทางนั้นสรุปรวบรัด
“ตกลงนะ เดี๋ยวพี่ลบชื่อเราออกแล้วใส่ชื่อน้องแทน”
“แต่พี่มุ้ยคะ หมอจะไม่ว่าหรือคะที่ลบแก้แบบนั้น แล้วในระบบนั่นอีก”
มุ้ยลงมือลบชื่อของณัชชาบนโอพีดีการ์ดลูกค้าทันที ปากก็ว่าเสียงอ่อนเสียงหวานกว่าเดิม “ไม่เป็นไรณัชชา เดี๋ยวพี่คุยกับหมอเอง หมอคุยง่ายจะตาย แกไม่ซีเรียสหรอกเรื่องแบบนี้ แล้วตกลงว่ายอดของเราเมื่อตอนบ่าย พี่ให้เป็นของน้องมันนะ”
“ผลงานให้เป็นของน้อง แล้วเงิน...”
พูดออกมาได้แค่นั้น หญิงสาววัยมากกว่าไม่กี่ปีก็เงยหน้าขึ้นสบตา ยิ้มแต่ปาก เอื้อมมือแตะแขนเธอเบาๆบอกให้คลายใจ
“อย่าเครียด เรื่องเงินก็เป็นของณัชชาอยู่แล้ว พี่จัดการให้เองนั่นแหละจ้ะ”
ณัชชานิ่งไปอึดใจ คราวก่อนที่มาขอยอดขายเธอไปก็บอกแบบนี้ จนตอนนี้เงินรอบนั้นยังไม่เข้าบัญชีเธอเลย
“เถอะน่าณัชชา พี่ไม่เบี้ยวเราหรอก เดี๋ยวจะรวมยอดของคราวก่อนด้วยเลย ให้เป็นก้อนเดียวไง ก็เลยยังไม่โอนให้เรา” บอกจบแก้ไขรายการในโอพีดีการ์ดเรียบร้อยเสร็จสิ้นพอดี ณัชชายืนถอนใจเบาๆอยู่ตรงนั้น พร้อมความคิดในหัว
ให้ผลงานน้อง ก็เท่ากับว่ายอดของเธอ ผลงานของเธอต้องหายไปด้วยน่ะสิ มุ้ยจากไปแล้ว หลังมัดมือชกเธอเป็นอันเรียบร้อย และความซวยก็มาเยือนณัชชา เมื่อแพทย์เจ้าของคลินิกเรียกให้เข้าไปคุยกันในห้องช่วงปลอดลูกค้าของอีกสามวันถัดมา
“ทำไมยอดเราตกเยอะเลยช่วงนี้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าณัช”
“ไม่มีค่ะหมอ เพียงแต่...” ยังออกปากไม่ทันจบความดี แพทย์หญิงผู้เป็นเจ้านาย เปิดลิ้นชักหยิบซองยาวส่งให้
“เอานี่”
ณัชชามองซองตรงหน้า ถามออกไปด้วยเสียงเบาหวิว “คะ?”
“พอดีว่า...ทางผู้ใหญ่เขาต้องการลดคนพอดี ก็อย่างที่เห็นน่ะนะว่ายอดของเราทั้งสาขาตกมาร่วมปีแล้ว...” แพทย์หญิงวัยสี่สิบปลายๆที่ยังสวยยังสาวอยู่มากพูดถึงความจำเป็นในการลดพนักงานอยู่เป็นนานสองนาน ณัชชาทำได้เพียงนิ่งฟังเท่านั้น เธอคงเป็นคนเดียวในนี้ละมังที่ถูกให้ออก
และยอดของคลินิกก็ไม่ได้แย่อย่างที่ท่านร่ายออกมาเสียยาวเหยียด พอรู้แล้วว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายให้เธอออกน่าจะเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน เดินออกมาจากห้องหมอแล้วกำลังกลับไปทางด้านหลังคลินิกเพื่อเก็บของ แว่วคนเรียกชื่อตัวเองอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“คุณณัช”
หันไปมองก็ฝืนยิ้ม นี่ไงสาเหตุหลักที่เธอถูกให้ออก ด้วยเหตุผลง่อยๆ ยกมือไหว้อีกฝ่ายตามมารยาทพร้อมทักทายเขากลับ
“สวัสดีค่ะคุณธนบดี”
“แหม เรียกชื่อจริงผมอีกแล้ว เรียกเอแค่นั้นก็ได้ครับ”
ธนบดีเป็นพี่เขยของแพทย์หญิงเจ้าของคลินิก ผู้ชายคนนี้มีท่าทีสนใจในตัวณัชชามาโดยตลอด ตั้งแต่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ ทั้งๆที่มีภรรยา มีลูกแล้ว ณัชชาไม่เคยทำตัวสนิทกับเขา แต่เพราะพี่สาวของหมอเป็นคนขี้หึงมาก เคยมาที่นี่แล้วพูดกระทบเธอออกบ่อย แต่เธอบริสุทธิ์ใจ จึงทำนิ่งๆเอาไว้ หารู้ไม่ว่ายิ่งทำให้ทางนั้นเกลียดเธอหนักขึ้น
ไม่ได้ยืนคุยอะไรด้วยนานนัก
แล้วขอตัวเข้าไปเก็บข้าวของของตนเองจากนั้น
“พี่นึกแล้วว่ามันต้องลงอีหรอบนี้ สัญญาจ้างไม่มี เงินเดือนก็ให้เรารับสด สวัสดิการอะไรก็ไม่มีให้สักอย่าง ถือว่าตัวจ้างแพงกว่าที่อื่น อยากให้เราออกก็ไล่เราแบบนี้เฉยเลย จะไปฟ้องใครได้ล่ะ”
คนพูดเป็นบิวตีเธอราปีที่บ่นทุกอย่างในคลินิกแห่งนี้ แต่ก็ยังคงทำงานอยู่ไม่ลาออกไปไหน
ณัชชายิ้มขมขื่นตอบ “หมอก็ให้ทำงานต่ออีกนั่นแหละพี่ดาว ยังไม่ได้ให้ออกตอนนี้ค่ะ”
“ทำทำไมให้โง่ ดีนะเงินเดือนให้เลขาสุ่ยจ่ายตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว นี่ไปสมัครที่คลินิกหมอ...ไหม พี่เห็นเขารับคนเพิ่มอยู่นะณัช” ทางนั้นเอ่ยชื่อคลินิกคู่แข่งของที่นี่ออกมาราวกับต้องการช่วยเหลือ
ณัชชาส่ายหน้า บอกปัดกลับไป “ไม่เอาล่ะค่ะ”
แม้เดือนนี้จะได้รับเงินมาแล้ว แต่ยังไม่หมดเดือนยังเหลืออีกตั้งห้าวัน อย่างไรแล้วก็ตั้งใจว่าจะมาทำงานให้ครบ หากไม่นับรวมเรื่องนั้นแล้ว ท่านก็ไม่เคยเอาเปรียบอะไรเธอเลย ณัชชาจึงไม่คิดจะชิ่งหนีไปก่อน อย่างน้อยขอจากกันด้วยดีน่าจะดีกว่า
“ปูนิ่ม”
ณัชชาที่เพิ่งกลับจากพักรับประทานอาหารกลางวันสลับกับทีมพักเที่ยงทักหญิงสาวที่นั่งยิ้มบนโซฟาตัวสวยหน้าคลินิก อัญจารีย์ยิ้มเก๋ส่งให้ แล้วลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอ
“แวะมาใช้บริการหน่อยน่ะ ณัชเลิกงานกี่โมง”
“สองทุ่ม” แล้วก็คงไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้วเพราะวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของเธอ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปให้อีกฝ่ายรู้ เพราะไม่เห็นความจำเป็นในการพูดรายละเอียดเรื่องราวในชีวิตให้ใครฟัง
อัญจารีย์ชิงถามต่ออีก “แล้วพรุ่งนี้ต้องทำงานไหม”
ยิ้มแล้วส่ายหน้า เลยถูกทางนั้นชักชวน “ดีเลย งั้นคืนนี้เราจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน” พอเห็นสีหน้าคนถูกชวนเจื่อนๆก็เร่งเร้า “ไปนะ...นะณัช ไปกินข้าวด้วยกันหน่อย”
เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วนิ่งไม่ตอบรับก็มุ่นคิ้ว ถามต่อ “มีนัดแล้วหรือ”
“เปล่า เราแค่อยากกลับไปนอนพักที่ห้องน่ะ วันนี้เหนื่อยๆ”
“หูย...ห้องน่ะกลับตอนไหนก็ได้ ไปนะ ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อเถอะ”
