3.บุกแดนสวรรค์
*** ทักทายคร้า ***
สามวันต่อมาเป็นค่ำคืนมืดมิดในดินแดนบุปผา แต่รอบบริเวณยังคงสว่างไสวไปด้วยโคมแปดเหลี่ยมและโคมไฟสีแดง ที่ประดับอยู่ตามจุดต่างๆ เวรยามเดินตรวจสวนกันไปมา โดยเฉพาะเขตต้องห้ามเวรยามดูหนาตากว่าทุกวัน หัวหน้าองครักษ์สวรรค์นามเจียจือเหวินเดินตรวจตราทั่วบริเวณด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าสู่ยามโฉ่ว ท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วน เมฆดำทะมึนเคลื่อนตัวมาปกคลุมแดนบุปผา
สายลมแรงพัดโบกกระโชกเป็นระลอกโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ โคมไฟที่แขวนอยู่ตามจุดต่างๆ ตีพัดสะบัดกับเสาขาดกระจุยกระจาย เปลวไฟที่จุดส่องสว่างวูบไหวและปลิวหายไปกับสายลมอันแล้วอันเล่า ราวกับมีคนจงใจให้เกิดอาเพศ
เจียจือเหวินยืนอยู่ท่ามกลางอาเพศประหลาด แหงนมองกลุ่มเมฆดำที่เคลื่อนต่ำลงมาจนกระทั่งกลุ่มเมฆนั้นลอยอยู่เหนือศีรษะเพียงเอื้อมมือถึง แล้วค่อยๆ ลดตัวลงมาปกคลุมทุกอย่างในแดนบุปผาจนรอบบริเวณมืดสนิท
“ทุกคนปกป้องหอบุปผา” ด้วยสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาอย่างดีเยี่ยม เจียจือเหวินตะโกนบอกเสียงดังลั่น ดาบคู่กายถูกชักออกจากฝักเมื่อเห็นเงาวูบไหวเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกก…” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงตะโกนต่อกันเป็นทอดๆ
“มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก”
ขณะที่เจียจือเหวินมองหาศัตรูอยู่นั้นก็มีเสียงวัตถุบางอย่างแหวกอากาศมา เขาจึงย่อตัวลงต่ำเท่านั้นยังไม่พอปลายกระบี่ก็ตวัดปัดป่ายหมายเอาชีวิต แต่ฝีมือเจียจือเหวินไม่ธรรมดา ต่อกรกับผู้บุกรุกด้วยเพลงดาบพลิ้วไหว
เสียงวัตถุแข็งปะทะกันก็ดังถี่ยิบท่ามกลางแรงกระหน่ำของสายลม เจียจือเหวินแหงนมองยอดหอคอยเหนือเมฆดำ เห็นกลุ่มคนสวมใส่ชุดดำมีผ้าปิดหน้าสีเดียวกันห้าคนลอยตัวขึ้นไป
“คุ้มกันหอหยก” เจียจือเหวินไม่รีรอใช้วิชาตัวเบาตามขึ้นไป คนทั้งห้ากระโดดลงระเบียงวิ่งตรงไปที่ประตู เจียจือเหวินเข้าไปขวางตวัดดาบเข้าหั่นอย่างดุดัน ทั้งห้าโต้ตอบด้วยวิชาลึกล้ำแต่ยังล้มเจียจือเหวินไม่ได้
ขณะที่การต่อสู้เพื่อปกป้องสมบัติสวรรค์เป็นไปอย่างดุเดือด ตำหนักด้านทิศเหนือเหล่านางกำนัลวิ่งกันวุ่น ธิดาหลินอิงพลันสะดุ้งตื่นเมื่อสายลมพัดลอดช่องหน้าต่างเข้ามาปะทะกายจนขนลุกชู่
เพราะมีกลิ่นคาวเลือดและรังสีแห่งความตายแฝงอยู่ หลินอิงวาดเท้าลงพื้นวิ่งไปมองความมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไร ภาพตรงหน้าทำให้นางผงะและนับนิ้วคำนวณเหตุการณ์
“ดาวหายนะ…” หลินอิงอุทานขณะมองไปที่หอบุปผา ก่อนจะลอยตัวพลิ้วไหวเหนือกลุ่มเมฆสีดำไปที่ยอดหอคอย เมื่อเห็นเจียจืออิงกำลังต่อสู้กับผู้บุกรุกก็เข้าไปช่วยต่อสู้ด้วยมือเปล่า
“พวกเจ้าเป็นใคร รู้หรือไม่ว่าที่นี่เป็นดินแดนต้องห้าม” หลินอิงบอกขณะจ้องมองคนทั้งห้าด้วยแววตาแข็งกร้าว
“พวกข้าไม่สนใจว่าที่นี่เป็นที่ของใคร สนใจเฉพาะของที่อยู่ข้างในเท่านั้น” คนร้ายมองดอกไม้ที่ทั้งสี่ทำจากหยกอย่างตื่นตา
“คนหยาบช้าเยี่ยงนี้ไม่มีวันได้ครองของสูงศักดิ์เช่นนี้ ความตายเท่านั้นถึงจะสาสม” หลินอิงบอกอย่างแค้นใจ คนเหล่านี้เป็นใครทำไมถึงเข้ามาในดินแดนบุปผาโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น
“สมบัติต้องผลัดกันชมธิดาน้อย” คนยืนอยู่กลางกลุ่มคนร้ายบอกอย่างอวดดี
“บังอาจ…พวกเราปกป้องบุปผาหยก” สิ้นเสียงหลินอิง ทหารลอยตัวขึ้นมาโอบล้อมกลุ่มคนร้าย
“รีบเร็วพวกเรา ประตูสวรรค์ใกล้ปิดแล้ว” หนึ่งในห้าเอ่ยกับพวกเดียวกัน หลินอิงจ้องคนพูดอย่างแปลกใจ คนพวกนี้รู้เรื่องประตูสวรรค์ได้อย่างไรกัน
เมื่อเหลือเวลาไม่มาก สี่คนกระโจนเข้าใส่หลินอิง และ เจียจือเหวิน ส่วนอีกคนวิ่งไปที่ประตู หลินอิงกระโดดขวางทางแต่คนพวกนั้นสกัดไว้ ทั้งผลัดกันรุกรับอย่างดุเดือด เมื่อมีโอกาสคนร้ายวิ่งเข้าไปในห้องหมายจะเข้าไปเอาของสำคัญ แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีก็กระเด็นออกมา
“ม่านบังตา” คนร้ายแต่งตัวคล้ายนักพรตพึมพำและกำมือยกขึ้นไปจ่อใกล้ริมฝีปาก พึมพำอะไรบางอย่าง เสร็จแล้วผายมือไปด้านหน้า พลังบริสุทธิ์ที่ปกป้องของสำคัญก็พลันสลาย
หลินอิงเห็นปราการด่านสุดท้ายถูกทำลายก็ตกใจ รวบรวมพลังที่เหลือพุ่งใส่คนทั้งสี่กระเด็นห่างออกไปแล้วกระโจนเข้าไปในห้อง แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อคนร้ายไปถึงแท่นเก็บของสำคัญ
“ดอกไม้สวรรค์ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียวฮ่า…ฮ่า” คนร้ายยิ้มร่าถลาไปหยิบกล่องแก้วแกะสลักลวดลายมังกร ด้านในมีดอกหลันฮวาใส่ถุงที่เตรียมมา หลินอิงต่อสู้เพื่อแย่งชิงกลับมา
“ประตูสวรรค์จะปิดแล้ว รีบไปเร็ว” หนึ่งในห้าตระโกนบอกกัน จากนั้นทั้งห้าคนก็ลอยตัวไปด้านทิศเหนือ ธิดาอีกสามองค์มาทันเวลาเข้าไปขวางและต่อสู้กันเหนือเมฆดำทะมึน หลินอิงและเจียจือเหวินต่อสู้สุดกำลัง เมื่อคนร้ายตกเป็นรองก็หาทางรอด
“เจ้าไปก่อน” เสียงร้อนรนบ่งบอกว่าพวกมันต้องการนำของที่ขโมยไปให้จงได้ คนที่มีกล่องดอกหลันฮวาพยักหน้าและแยกตัวออกไปทันที
“อิงเอ๋อร์ เจ้าตามไป ทางนี้ข้าสามคนจัดการเอง” หลินหนิงบอกขณะฟาดฟันกับศัตรู
หลินอิงจึงไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งมาถึงอุโมงค์สีน้ำเงินมีม่านหมอกสีขาวคล้ายกระจกปรากฏอยู่ หลินอิงเคยได้ยินตำนานของประตูแห่งนี้จะเปิดทุกสองร้อยปี นางไม่คิดว่าจะมีจริงตามคำล่ำลือ
“เจ้าไม่มีทางจับข้าได้หรอกธิดาน้อย…ฮ่า…ฮ่า” คนร้ายหัวเราะอย่างผู้มีชัยอยู่ปากอุโมงค์ แล้วก้าวขาเข้าไป หลินอิงผงะด้วยความตกใจ หากดอกหลันฮวาออกจากดินแดนแห่งนี้ ทุ่งดอกหลันฮวาก็จะเหี่ยวเฉาโรยราในทันที
“ไม่ว่ายากลำบากสักเพียงใด ข้าก็จะตามเจ้าจนเจอ” คำพูดโกรธแค้นของหลินอิง ไม่ได้ทำให้หัวขโมยยำเกรงแม้แต่น้อย ดวงตาหมาป่าของมันเรืองรองกับความสำเร็จที่รออยู่เบื้องหน้า
“ฮ่า…ฮ่า ข้าจะรอเจ้าที่โลกมนุษย์ธิดาน้อย” คนร้ายเดินผ่านประตูสวรรค์ไป หลินอิงเข้าไปขวางไว้ การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง
*** ทักทายคร้า ***
