2.บทนำ (ต่อ)
*** ทักทายคร้า ***
บนดินแดนบุปผา หนึ่งในสถานที่พักผ่อนของเจ้าสวรรค์
บนดินแดนที่เขียวขจีของภูเขาสูงเฉียดฟ้าปกคลุมด้วยมวลเมฆสีขาว ล่องลอยผ่านห้วงหุบเขา เบื้องล่างนั้นไซร้เต็มไปด้วยมวลบุปผานานาพันธุ์ จนได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งบุปผาสวรรค์ หนึ่งในแปดดินแดนสวรรค์ขององค์เง็กเซี่ยนฮ่องเต้ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งดอกไม้มงคลทั้งห้า งดงามตระการตายามได้ยล
ดินแดนแห่งบุปผาสวรรค์มีประตูทางเข้าสี่ทิศ แต่ละทิศจะมีดอกไม้ประจำตัวของธิดาบุปผาที่ดูแลประตู ด้านทิศตะวันออก(ตงเปียน) เต็มไปด้วยมวลดอกโบตั๋น หลากหลายสีตั้งแต่สีแดง บานเย็น ชมพูจนถึงขาว ออกดอกในฤดูร้อน ธิดาผู้ทำหน้าที่ดูแลดินแดนงดงามแห่งนี้มีนามว่า หลินหนิง
ทางด้านทิศตะวันตก(ซีเปียน) เป็นส่วนของธิดาหลินผิง ซึ่งดูแลประตูทางทิศตะวันตกและสวนเหมยฮวาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูหนาว
ทิศใต้(หนานเปียน)เป็นสวนดอกเหม่ยกุ้ยหลากหลายสีเบ่งบานและส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ มีเทพธิดาหลินชิงดูแล
ประตูสุดท้ายอยู่ด้านทิศเหนือ(เป่ยเปียน) ที่ดอกหลันฮวา ชูช่องดงามตระการตามีธิดาหลินอิงดูแล กลางสวนสวยมีศาลาแปดเหลี่ยมไว้พักนั่งชมน้ำตกที่เลื่อนไหลลงมาเบื้องล่าง ให้ฝูงปลาได้เริงร่าแหวกว่ายเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน
ศาลาพักหลังใหญ่เป็นที่ประทับชั่วคราวขององค์เง็กเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งสี่ทิศโอบล้อมด้วยธรรมชาติสวยงาม และในเขตที่ประทับประดับประดาไปด้วยดอกโป๊ยเซียน ซึ่งออกดอกชูช่อครบทั้งแปดดอก หมายถึงเทพทั้งแปดดูแลในเขตชั้นใน
ยามใดที่เว้นว่างจากภารกิจของสวรรค์ องค์เง็กเซียนมักเสด็จมาประทับเสวยพระสุธารสกับองค์มเหสีหรือแขกพิเศษเป็นประจำ
และอีกหนึ่งในความงดงามของสถานที่แห่งนี้คือ พระตำหนักหยกอันงดงามวิจิตรที่ตั้งตระหง่านใจกลางสวน มีของมีค่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนบุปผางดงามแห่งนี้ นั่นก็คือดอกไม้ทั้งห้าอย่างทำจากหยกอายุหมื่นปีที่ถือกำเนิดจากแดนสวรรค์ชั้นเจ็ด องค์เง็กเซียน ประทานมาสลักเป็นดอกไม้มงคลประจำในแต่ละทิศ
และเก็บไว้ในห้องที่มีค่ายกลมากมาย จนไม่มีใครย่างกรายเข้าไปใกล้ เพราะคนที่ขโมยสมบัติสวรรค์โทษทัณฑ์หนักนัก หากธิดาบุปผาทั้งสี่ก็ไม่ประมาท นัดชุมนุมหารือกันเป็นประจำ และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เหล่าธิดานัดหมายกันที่ศาลาแปดเหลี่ยมหน้าธารน้ำตก
เมื่อได้เวลานัดหมาย ธิดาทั้งสี่นางก็ลอยตัวมาจากทิศทางที่ตัวเองอาศัยมาลงที่ศาลาพักอันเย็นสบาย ความงดงามของทั้งสี่นางหาใครเทียบเคียงได้ไม่ หลินอิงธิดาอาวุโสน้อยสุดย่อตัวเคารพพี่ๆ อย่างนอบน้อม
“ข้าหลินอิง คารวะพี่หนิง พี่ผิง พี่ชิง” ธิดาสวรรค์ทั้งสามมองร่างบอบบางนามหลินอิงอย่างชื่นชม หลินหนิงมองไปรอบๆ ศาลาราวกับกลัวว่าจะมีผู้ใดผ่านมาได้ยิน
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกอิงเอ๋อร์” ธิดาหลินหนิงพี่ใหญ่สุดขยับไปจับมือเรียวงามมากุม “เหตุการณ์ประตูฝั่งของเจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“เหตุการณ์ปกติดีเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าวันสองวันมานี้ดอกหลัน ฮวาไร้ชีวิตชีวา ทั้งๆ ที่สภาพทั่วไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ธิดาหลินอิงกล่าวด้วยความกังวลใจ ทำให้ธิดาทั้งสามมองหน้ากัน
“เหมยฮวาด้านตะวันตกก็เช่นกัน แม้จะออกดอกสีสันสวยสดงดงามแต่ไร้ซึ่งชีวิตชีวายังไงไม่รู้” ธิดาหลินผิงกล่าวด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน
“แล้วฝั่งเจ้าล่ะน้องชิง” ธิดาหลินหนิงถามธิดาหลินชิงบ้าง
“ฝั่งข้าก็เช่นกัน ของท่านก็เช่นกันใช่ไหม” ธิดาหลินชิงกล่าว
ธิดาทั้งสี่ขยับไปจับมือกันมั่น สีหน้างดงามแฝงไปด้วยความวิตกกังวล หลินอิง แม้จะอายุน้อยสุดแต่นางก็เก่งกาจสามารถคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ แต่ต้องก่อนเกิดเรื่องไม่นานเท่านั้น
“หรือจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น” หลินอิงคาดเดา ทำเอาธิดาอีกสามองค์พลอยกังวลไปด้วย“ข้าแค่คาดการณ์ เรื่องอาจจะไม่เกิดก็ได้นะพี่หนิง พี่ผิง พี่ชิง”
“เจ้าคาดเดาได้แม่นยำยิ่งนักหลินอิง ถ้าเจ้าพูดแบบนี้พวกเราต้องหาทางป้องกัน” ธิดาหลินหนิงมองคนอื่นๆ
“หรือจะมีคนคิดขโมยของล้ำค่า” ธิดาหลินชิงกล่าว แล้วทั้งสี่ก็พากันมองไปที่หอมงคลซึ่งเป็นที่เก็บของล้ำค่าแห่งดินแดนบุปผาสวรรค์
“โอ๊ะ…โอ๋ แม่โฉมงามแห่งดินแดนบุปผา ทำไม๊ทำไมพากันทำหน้าทำตาไม่เสบยเยี่ยงนั้น” เสียงยียวนลอยมาก่อนตัว ทำเอาธิดาทั้งสี่มองหาที่มาของเสียง แล้วเจ้าของก็ปรากฏตัวบนเก้าอี้ลายมังกรที่ระเบียงศาลากว้าง
“เทพหยั่งรู้…” หลินอิงตาโตมองชายชราหนวดเครายาวสีขาว มือถือพัดโบกไปมา ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏอยู่ “เจ้าทั้งสี่ไม่อาจฝืนลิขิตสวรรค์ได้ แล้วจะกังวลไปไย”
“หมายความว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีรึอย่างไรเทพหยั่งรู้” หลินหนิงถามด้วยความร้อนใจ
“ข้าบอกไม่ได้เพราะมันเป็นความลับสวรรค์ วันนี้ข้าแค่มาเตือนให้เจ้าทั้งสี่ระวัง แม้ที่นี่จะเป็นดินแดนแห่งเทพ ก็ต้องมีอสูรคอยรังควาน เมื่อคนถูกความโลภเข้าครอบงำก็ทำได้ทุกอย่าง เพราะนับจากนี้อีกสามวันพลังแห่งอสูรจะแข็งกล้าจนทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง”
“มีทางแก้หรือไม่ท่าน” หลินชิงถามบ้าง เทพหยั่งรู้มองธิดาสวรรค์ทีละคน แล้วหยุดที่ธิดาองค์เล็กแห่งดินแดนบุปผาสวรรค์ “เมื่ออสูรร้ายออกอาละวาด เทพปราบมารก็คืนชีพเช่นกัน จงตั้งมั่นและแน่วแน่เพื่อหน้าที่ แล้วทุกสรรพสิ่งจะอยู่ในอุ้งมือเจ้า ไม่เว้นแม้แต่เทพปราบมารผู้เกรียงไกรฮ่า…ฮ่า”
“ข้าไม่เข้าใจที่ท่านกล่าวสักนิด” หลินอิงเพ่งมองเทพหยั่งรู้ แล้วสายลมก็พัดวูบไหวมาปะทะจนกายสะท้านในขณะที่ธิดาองค์อื่นไม่รู้สึกแม้แต่น้อย
“ลิขิตสวรรค์ ลิขิตสวรรค์” เทพหยั่งรู้โบกพัดไปมา แล้วเดินออกจากศาลาแปดเหลี่ยมไป ทิ้งให้ธิดาทั้งสี่มองตาม คำถามมากมายยังค้างคาในใจ
*** ขอบคุณคร้า ***
