4.ฟ้าบัญชา
*** ทักทายคร้า ***
คราวนี้หลินอิงต่อสู้แบบประชิดตัวหวังจะแย่งของกลับมาให้จงได้ ในขณะที่ประตูสวรรค์ค่อยๆ แคบลงทุกขณะ ยิ่งเห็นคนร้ายร้อนรนหลินอิงยิ่งปล่อยวิชาออกไปไม่หยุด จนกระทั่งจับห่อผ้าไว้ได้ คนร้ายกลัวจะเสียของไป จับมือหลินอิงไว้จนนางต้องสะบัดแต่ไม่หลุด
“คนชั่ว เจ้าไม่มีวันออกจากที่นี่ได้” หลินอิงใช้มือข้างที่ว่างต่อสู้ คนร้ายก็สามารถรับได้ทุกขบวนท่า จนกระทั่งประตูสวรรค์ใกล้จะปิด พลังมากมายก็ดูดเอาสิ่งของใกล้ๆ เข้าไปรวมทั้งหลินอิงและคนร้าย
แม้พยายามต้านสุดแรงแต่สู้แรงมหาศาลดั่งพลังแม่เหล็กไม่ได้ หลินอิงและคนร้ายถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์สวรรค์ ธิดาทั้งสามองค์และเจียจือเหวินตามมาทันคว้าแขวนหลินอิงไว้ได้ ทั้งสี่พยายามดึงหลินอิงกลับเข้ามา
“หลินอิง ปล่อยคนร้าย ปล่อยคนร้าย เราสี่คนจะช่วยเจ้าเอง” หลินชิงตะโกนเข้าไปในประตูสวรรค์ หลินอิงไม่ยอมปล่อยแขนคนร้าย
“ไม่พี่ชิง ข้ายอมให้หลันฮวาตกอยู่ในมือคนชั่วไม่ได้” หลินอิงสะบัดแขนหลุดจากพี่ๆ คว้าห่อผ้าไว้ คนร้ายสะบัดตัวจนเสื้อซีกหนึ่งขาดติดมือหลินอิง ทำให้นางเห็นรูปเสือสลักบนอกคนร้าย คนร้ายรีบพุ่งตัวไปข้างหน้า หลินอิงตามไปอย่างกระชั้นชิด
“อ้า…” ทั้งสองหมุนวนเป็นลูกข่าง หูอื้อตาลายไปหมด หลินอิงพยายามเพ่งตามองคนร้าย เวลาผ่านไปนานแค่ไหนนางก็ไม่อาจรู้ได้
จนกระทั่งมาถึงปากอุโมงค์ แรงเหวี่ยงทำให้หลินอิงและคนร้ายหลุดออกจากอุโมงค์คนละทิศละทางพร้อมกับสติสัมปชัญญะของนางก็ดับวูบลง
ภายในห้องโถงใหญ่ของศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองซูโจ ร่างสูงสง่าสวมชุดสีน้ำเงินเข้ม นั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะรอง ด้านหน้าที่องค์พระอรหันต์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ดวงตาคมเข้มใต้คิ้วคมหนาปิดสนิทขณะสวดภาวนา เมื่อเสร็จพิธีการก็ลุกขึ้นยืนหากสายตาไม่ละจากองค์พระอันศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งมีเสียงดังมาจากประตูทางเข้า
“วันนี้มาซะดึกเลยนะขอรับคุณชาย” ถงจื่อคนดูแลศาลเจ้ายืนกุมมือรอที่ประตู ร่างสูงก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าอย่างคุ้นเคย
“ที่โรงทอมีปัญหาน่ะแปะ…แปะสบายดีนะ” เสิ่นซุนหยางเอ่ยถาม แปะถงจื่อมองใบหน้าคมเข้มที่เห็นมาตั้งแต่วิ่งตามบิดามาไหว้พระที่นี่อย่างชื่นชม
“สบายดีขอรับ วันนี้เดือนดับแต่แสงดาวสวยงามมาก คุณชายอยากเดินชมบ้างมั้ยขอรับ” แปะชราเอ่ยถามเสียงพร่าสั่น ซุนหยางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจที่แปะถงมีอารมณ์ชมดาวตอนดึก
“ไปสิ…” ร่างสูงสง่าน่าเกรงขามเดินนำไปยืนกลางลานโล่ง ใบหน้าคมมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับทักทายคนเฝ้ามอง “ท้องฟ้าสวยจริงๆ ด้วย”
“หึหึ ท้องฟ้าเหมือนเดิมทุกวัน แต่จิตใจคนต่างหากที่เปลี่ยนไป”
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ กับคำพูดของแปะชรา “อาจจะจริง ข้ามาไหว้พระที่นี่เมื่อไหร่ก็รู้สึกสบายใจทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกัน”
“วันนี้อาจเปลี่ยนชีวิตของคุณชายไปตลอดกาลก็ได้” คราวนี้ซุนหยางหันมามองแปะถงจื่อด้วยความแปลกใจ อะไรจะมาเปลี่ยนชีวิตเขาได้
“ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนชีวิตข้าได้หรอกนะแปะถง”
“ทุกอย่างฟ้าลิขิตเอาไว้แล้วขอรับคุณชาย” ชายชรามองใบหน้าคมแววตาบ่งบอกซุนหยางว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ขณะที่คุณชายแห่งตระกูลใหญ่กำลังตกอยู่ในภวังค์ เสียงฝีเท้าเร่งรีบเดินมาหา
“คุณชายขอรับ เราพบผู้หญิงคนหนึ่งนอนสลบอยู่ที่สวนดอกไม้หลังศาลเจ้าขอรับ” ฟงเว่ยคนสนิทของซุนหยางเข้ามารายงานแล้วเดินนำเจ้านายไปตามแผ่นหินอ่อนที่ทอดยาวไปถึงสวนด้านหลัง หากซุนหยางหันกลับมามองแปะถงสักนิดคงได้เห็นแววตาปลื้มปิติของแปะชราแน่นอน
“ฟ้าลิขิตแล้วคุณชายของข้า” แปะถงจื่อพึมพำขณะที่สายตาฝ้าฟางมองขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะเดินตามไปช้าๆ
ซุนหยางเดินตามคนสนิทมาถึงสวนดอกไม้ด้านหลัง สายตาคมเข้มเพ่งมองร่างที่นอนคว่ำหน้ากับพื้น เท้าใหญ่ก้าวเข้าไปช้าๆ ฟงเว่ยขยับจะห้ามเพราะกลัวเป็นแผนศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน ซุนหยางยกมือห้ามเสียก่อนในขณะที่สายตาไม่ละจากแผ่นหลังบาง
ชุดบางพลิ้วที่นางสวมใส่ดูผิดแปลกไปจากสตรีทั่วไปจนน่าแปลกใจ ร่างสูงย่อตัวลงข้างๆแล้วพลิกร่างบอบบางหงายขึ้น ลำแขนแข็งแรงรองรับศีรษะนางไว้
“เซียวหลัน…” เมื่อเห็นหน้านางชัดๆ ซุนหยางถึงกับตกตะลึง เพราะคนในวงแขนหน้าตาเหมือนภรรยาที่เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน แม้แต่ฟงเว่ยเองก็นิ่งงันไม่ต่างกัน
เซียวหลันหายสาบสูญไปนานซึ่งทุกคนก็คิดว่านางคงตายไปแล้ว และการที่ท่านปู่ผู้หยั่งรู้ดินฟ้าแสดงอาการเสียใจถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับในครานั้นก็ทำให้ทุกคนในจวนตระกูลเสิ่นยิ่งแน่ใจว่านางคงตายไปแล้วจริงๆ การได้เห็นสตรีผู้นี้จึงทำให้ซุนหยางสับสนอย่างมาก
“พวกเจ้าถอยไป ข้าจะดูอาการแม่นางผู้นี้ก่อน” แปะถงจื่อมีความรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง จับชีพจรที่ข้อมือเล็กจนกระทั่งมั่นใจว่านางยังมีลมหายใจอยู่
“ชีพจรเต้นอ่อนมากขอรับคุณชาย พาแม่นางน้อยเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” แปะถงจื่อถอยห่างออกมาเพื่อให้ซุนหยางอุ้มร่างบอบบางเข้าไปในศาลเจ้า “วางนางหน้าองค์พระ”
ซุนหยางทำตาม วางหลินอิงบนเบาะอย่างเบามือ ใบหน้าคมเคร่งเครียดและต็มไปด้วยคำถามมากมาย แปะถงจื่อเดินไปหลังองค์พระและกลับออกมาพร้อม ขวดใบเล็กใส่โอสถ
“รับไปคุณชายและอธิษฐานต่อหน้าองค์พระ ชีวิตของนางขึ้นอยู่กับคุณชายแล้วขอรับ” แปะถงจื่อยื่นขวดใส่โอสถส่งให้ ซุนหยางยื่นมือไปรับอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่าต้องช่วยนางให้ฟื้น
ซุนหยางรับขวดยามากุมไว้เสมออก หลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิอันแน่วแน่หวังจะช่วยชีวิตนางด้วยใจบริสุทธิ์ คำอธิษฐานที่ขอต่อพระผู้เป็นเจ้าไม่มีใครรู้ หากทุกถ้อยคำที่อธิษฐานจิตถูกกลั่นออกมาจากหัวใจ ไม่นานดวงตาคมก็เปิดขึ้นมาเปิดขวดโอสถ ใช้มืออีกข้างบีบปลายคางมนให้ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยอปากรับยา
“เมื่อไหร่นางจะฟื้นแปะถง” ซุนหยางเงยหน้าถาม แปะชราได้แต่ส่ายหน้าไปมา “ข้าจะพานางไปพักที่บ้าน” ความต้องการของชายหนุ่มทำเอาฟงเว่ยขยับตัวทันที
“ไม่ปลอดภัยขอรับคุณชาย ให้นางพักที่นี่ก่อนดีกว่า”
“ไม่ได้ แปะถงอายุมากแล้ว ดูแลนางไม่ไหวแน่” ซุนหยางบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฟงเว่ยแม้จะห่วงความปลอดภัยแต่เพื่อความสุขของคุณชาย ต่อให้นางอันตรายแค่ไหนเขาก็ต้องปกป้องคุณชายเท่าชีวิต
*** ขอบคุณคร้า ***
