1.บทนำ
*** ทักทายคร้า วันนี้ขอนำเสนอนิยายจีนแฟนตาซี โรแมนติกสนุกๆ อีกเรื่องให้ได้ติดตามจ้า ฝากไว้ในอ้อมกอดกอดใจด้วยนะคะ ขอบคุณคร้า ***
*************
เมืองชูโจว
ในยามค่ำคืน ถนนโคมแดงอันขึ้นชื่อว่าเป็นถนนแห่งความสุขของบรรดาชายนักเที่ยว สาวสวยแต่งกายสีสันสดใสเนื้อผ้าบางเบาคอยเอาอกเอาใจ รินเครื่องดื่มให้พร้อมกับพะเน้าพะนอบีบนวด แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเสิ่นซุนหยางพ่อหม้ายเนื้อหอมของเมือง
หากถนนเส้นนี้ไม่ย่นระยะทางกลับจวนตระกูลเสิ่น เขาจะไม่ย่างกรายมาเฉียดใกล้เป็นแน่ คุณชายซุนหยางสูญเสียภรรยาเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วเมือง พวกสาวๆ ที่ไม่กลัวคำสาปต่างจ้องจะเป็นสะใภ้สกุลเสิ่น ไม่เว้นแม้แต่หญิงคณิกา ...
เมื่อใกล้เวลารถม้าของคุณชายซุนหยางมาถึงหอนางโลม หญิงคณิกาสามนางวิ่งไปยืนชะเง้อคอรอด้วยใจจดจ่อ
“มาแล้ว มาแล้ว” คณิกานางหนึ่งตะโกนบอก สาวงามในหอต่างพากันดีใจ ก้มสำรวจความงดงามของตัวเอง เมื่อมั่นใจว่าสวยพอก็หาที่หลบตามแผนที่วางกันไว้
เมื่อคุณชายซุนหยางนั่งรถม้าผ่านหน้าหอนางโลมก็ต้องหยุดกะทันหัน เพราะมีหญิงคนหนึ่งนอนคว่ำหน้านิ่งอยู่กลางถนน
“หยุด…” คนขับรถม้าดึงเชือกบังคับม้าสุดแรง จนซุนหยางแหวกผ้าม่านออกดู
“มีอะไร…”
“มีสตรีนางหนึ่งล้มฟุบหน้ารถม้าขอรับ” คนขับรถม้าตกใจจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้า ซุนหยางรีบกระโดดลงมาดูเพราะคิดว่านางบาดเจ็บหรือป่วย แต่พอก้าวลงจากรถม้าสตรีในหอนางโลมกลุ่มหนึ่งก็กรูกันออกมาฉุดดึงเขาเข้าไปในหอคณิกา
“นายท่าน เข้าไปนั่งพักให้หายเมื่อยก่อนเจ้าค่ะ พวกข้าจะทำให้ผ่อนคลายเจ้าค่ะ” หญิงคณิกาต่างออกแรงฉุดซุนหยางไปซ้ายทีขวาที จนคนถูกฉุดมองอย่างรำคาญใจ
“ไม่ ปล่อยข้า” ซุนหยางตะคอกเสียงดัง แต่เหล่าคณิกาสาวหาเชื่อฟังไม่ ต่างรุมเร้าเนื้อตัวซุนหยางราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์
“นายท่านเป็นของข้า” คณิกานางหนึ่งออกแรงฉุดไปด้านซ้าย อีกสองนางไม่ยอม ช่วยกันออกแรงดึงเข้ามาหาตน ซุนหยางขยับตามแรงด้วยความไม่พอใจ
“ปล่อย นายท่านซุนหยางเป็นของข้า” สาวสวยนางหนึ่งซึ่งมีพละกำลังมากกว่าสตรีนางอื่นถึงกับฉุดคุณชายเข้าไปในห้อง ปิดประตูเพื่อมิให้ผู้ใดรบกวน หมายจะใช้มารยาหญิงผูกมัดใจซุนหยาง หวังจะเป็นสะใภ้สกุลเสิ่นโดยไม่กลัวคำสาปใดๆ
“นายท่าน ข้าจะให้ความสุขท่านเอง” หญิงคณิกาคนงามหันไปถอดชุดบางเบาออก แต่พอหันกลับมาก็หน้าซีดเผือดเมื่อปลายกระบี่ในมือของซุนหยางจ่อลำคอ
“ว้าย…นายท่าน” คณิกาคนงามร้องลั่น มองนัยน์ตาคมกล้าตัวสั่น
“อย่ายุ่งกับข้า” ซุนหยางตวาดประกายตาแข็งกร้าว นางคณิกาหวาดกลัวทรุดนั่งกับพื้น
“ไว้ชีวิตข้าด้วย ไว้ชีวิตข้าด้วย”
นางอ้อนวอนขอชีวิต ซุนหยางเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วเดินจากไป ทิ้งให้นางคณิกามองตามตาละห้อยด้วยความเสียใจ
“ชายในดวงใจข้ากลับขึ้นไปอยู่บนหอคอยซะแล้ว ไยถึงไม่เห็นความงดงามของข้า” หญิงคณิกาก้มมองอกอวบอึ๋มของตัวเอง จากนั้นลุกไปแต่งตัวเพื่อต้อนรับชายที่เต็มใจมาหาความสุขในหอนางโลมคนอื่นแทน
จวนอันโอ่อ่ากว้างขวางเป็นของตระกูลเสิ่น ปลูกบนเนื้อที่อันกว้างใหญ่ไพศาลใกล้ทะเลสาบตู๊ชูว์ ทิวทัศน์รอบจวนงดงามตระการตาราวกับอยู่บนวิมาน ทุกห้องถูกตกแต่งด้วยประติมากรรมจีนได้อย่างลงตัวและงดงามสมฐานะ
ในยามใกล้ค่ำแสงอาทิตย์อัสดงลดต่ำรำไรเพื่ออำลาท้องฟ้า แสงสีแดงปนส้มสะท้อนกับพื้นน้ำในทะเลสาบเป็นภาพหาดูได้ยากยิ่ง จนกระทั่งพระอาทิตย์ดวงใหญ่ หายไปหลังภูเขาสูงแต่กระนั้นยังส่องแสงเป็นริ้วสาดส่องทำมุมกับยอดเขา บ่งบอกผู้คนให้รู้ว่าแม้จะลับหายไม่เห็นแต่ยังมีพลังในตัว
จนกระทั่งแสงมืดดำแห่งราตรีกาลก้าวมาเยือน พร้อมดวงจันทราและดวงดาวน้อยใหญ่ทอแสงประกายเหนือทะเลสาบตู๊ชูว์
เมื่อแสงอัสดงถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจากโคมไฟ ที่ตั้งบนเสาหินรอบคฤหาสน์ที่ติดกับทะเลสาบ ส่องรับแสงของดวงดาราและจันทรา ทำให้ทั้งบริเวณงดงามราวอยู่บนวิมาน เสิ่นหม่าประมุขของตระกูลเสิ่นวัยย่างเข้าเจ็ดสิบห้าแต่ดูแข็งแรงและทรงอำนาจ ยืนชมความงดงามอยู่หน้าระเบียงห้องสมุด
ใบหน้าเรียวยาวภายใต้ผมสีดอกเลาเรียบเฉย มือด้านขวาหมุนแหวนหยกประจำตระกูล ที่ทำจากหยกพันปีซึ่งตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ สายตาฝ้าฟางไม่ละจากท้องฟ้า ริมฝีปากบางคล้ำพึมพำบางอย่างก่อนจะหยุดลงเมื่อแสงจันทร์เปล่งแสงเรืองรองขึ้น
“น้ำชาขอรับนายท่าน” แปะสงคนสนิทของผู้เฒ่าเสิ่นวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะรูปมังกร เสิ่นหม่าถอนหายใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ แปะสงรินน้ำชาใส่ถ้วยให้อย่างชำนาญ
“อาหยางยังไม่กลับใช่ไหม” เสิ่นหม่าเอ่ยถามขณะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ สายตายังคงเพ่งมองดวงจันทราที่กำลังทรงกลดงดงาม
“ขอรับนายท่าน อาเว่ยบอกว่าคุณชายจะไปไหว้พระที่วัดก่อนกลับบ้านขอรับ” แปะสงเติมน้ำชาแล้วถอยมายืนกุมมือข้างๆ
“ให้พ่อบ้านเตรียมห้องรับรอง ติดกับห้องซุนหยางด้วยนะอาสง” เสิ่นหม่าสั่งเสร็จก็ยิ้มน้อยๆ แล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ แปะสงยกมือลูบหนวดยาวเฟื้ยวไปมาด้วยความสงสัย ห้องนั้นถูกปิดตายมานาน หรืออาจจะตั้งแต่หลินผิงฮูหยินของคุณชายซุนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เวลาก็ล่วงผ่านมาเป็นปีแล้ว
“ใครจะมาพักหรือขอรับ”
“คนในอดีตกลับสู่ปัจจุบัน หนึ่งชีวิตสูญหายไป สวรรค์ก็เมตตาให้อีกหนึ่งชีวิตมาทดแทน ช่างน่าอัศจรรย์ใจนัก” เสิ่นหม่ากล่าวไปเรื่อยๆ
“คนในอดีต…”
แปะสงไม่เข้าใจแต่เชื่อในสิ่งที่ประมุขชรากล่าวออกมา เพราะเสิ่นหม่าคือคนที่หยั่งรู้ฟ้าดินจนได้ฉายามหาเศรษฐีตาทิพย์ของเมืองนี้ สามารถมองอนาคตได้อย่างแม่นยำ แต่เสิ่นหม่าไม่เคยอวดตัวเก่งว่าหยั่งรู้ เพราะบางเรื่องก็ไม่สามารถทำนายหรือเปิดเผยลิขิตสวรรค์ได้
ที่ผ่านมาตระกูลเสิ่นเหมือนอยู่ในมนต์ดำ จวนร้อนเป็นไฟแม้แต่ต้นไม้ในจวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี เหี่ยวเฉาราวกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ คนรับใช้เจ็บป่วยล้มตายไปหลายคน
จนกระทั่งซุนหยางและน้องชายแต่งสะใภ้เข้าบ้านเรื่องร้อนก็ผ่อนคลายลง แต่วิบากกรรมของตระกูลเสิ่นไม่หยุดเพียงเท่านั้น หลังจากที่หลานสะใภ้คนเล็กเสียชีวิต สุดท้ายเซียวหลันหลานสะใภ้อีกคนก็หายสาบสูญไป
ได้แต่ฝากความทุกข์ระทมให้คนข้างหลัง แต่จากวันนี้สวรรค์คงเมตตาตระกูลเสิ่นบ้างแล้ว…
***ขอบคุณคร้า ***
