ตอนที่3. หวังให้เหมือนเดิม
ได้ยินเสียงคุณแววสะท้อนทุกนาที
เร้าหัวใจดวงนี้ให้สั่นไหว
อยากให้คุณกลับมาเป็นคนของหัวใจ
กอดผ้าห่มไว้ให้ไออุ่นคุณกรุ่นในดวงตา
เสื้อของคุณยังแขวนอยู่เก่า
ถ้วยกาแฟว่างเปล่ายังค่อยอย่างเหว่ว้า
เก้าอี้ตัวเดิมยังรอคุณกลับมา
หัวใจไหวล้าจมน้ำตาเมื่อไร้คุณ
ได้ยินเสียงคุณมากับเกลียวคลื่น
แม้ตื่นฟื้นยังสะอื้นใจว้าวุ่น
อยู่อย่างร้าวไหว....มันทารุณ
กลับมาเติมไออุ่นกับคนที่คุณเคยหนุ่มตักนอน
เสียงเพลงหยุดลงเมื่อสิ้นเสียงของกีตาร์โปร่งจบเพลง คนหนุ่มผมยาวระต้นคอเส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวอยู่ในสายลม ดวงตาสีน้ำตาลมองไปไกลที่เวิ้งทะเลสีดำตรงเบื้องหน้า ท้องฟ้าประดับไปด้วยหมู่ดาวพราวระยับ แต้มแต่งให้พระจันทร์ดูโดเด่นชัดเจน ฟองคลื่นสีขาวซัดหาดทรายแล้วแตกกระจายหายไประลอกแล้วระลอกเล่ามาทักทายแล้วจากจร ไม่เหลืออะไรไว้นอกจากความทรงจำ
บิลลี่นั่งมองอยู่ที่เก้าอี้เหล็กบริเวณเฉลียงหน้าบ้านพักตากอากาศ เจ้าของเป็นคนหนุ่มรุ่นเดียวกับเขาและยังเป็นเจ้าของรถเฟอรารี่สีดำสนิท ที่เวลานี้กำลังเดินเข้ามาหาเพื่อนอย่างเงียบๆ แต่อีกฝ่ายก็รู้สึกได้
“ทำอะไรอยู่เพื่อน” คนทักแตะไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วส่งกระป๋องเบียร์ให้
“ชมทะเล” หนุ่มผมยาววางกีตาร์แล้วตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่รับกระป๋องเบียร์มาถือไว้ในมือ
“ไม่ไปผับกับพวกเราที่ตัวเมืองเหรอ” เพื่อนถามเผื่อคนตรงหน้าจะเปลี่ยนใจ
“ไม่...ไม่ดีกว่า” เขาตอบแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้สบายอารมณ์ หัวใจลอยไปไกลนึกถึงใครคนหนึ่งที่พบกันเมื่อตอนเย็น
“อยากให้ไป” อีกฝ่ายยังชวนแต่ไม่ถึงขั้นรบเร้า “คนที่อยากให้นายไปทำงานด้วยรออยู่”
“คนนั้นเหรอ” บิลลี่ถามกลับแต่ไม่ใคร่ใส่ใจนัก เขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นเปิด
“นายไปเถอะ ตอนนี้เราอยากฟังเสียงคลื่น”
บิลลี่เอ่ยตอบได้แค่นั้น ‘โก้’ เจ้าของบ้านพักถอนหายใจก่อนหันหลังก้าวเท้าออกไป แต่ก็อดเหลียวมองมายังแผ่นหลังของเพื่อนไม่ได้ ชายหนุ่มทิ้งตัวเองจมสู่ห้วงความทรงจำอีกครั้ง หลังจากยกเบียร์ขึ้นดื่ม จิบแรกมันขมในลำคอแต่เมื่ออึกต่อมากลับให้ความรู้สึกลุ่มลึก พลอยทำให้นึกถึงใบหน้าเจ้าของดวงตาสุกใสหลังแว่นกรอบหนาสีดำ
เจ้าเด็กขาดสารอาหารคนนั้นตอนนี้รูปร่างยังคงผอมบางแต่สูงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ภายนอกดูเปลี่ยนไป แต่รอยยิ้มและความอบอุ่นอ่อนโยนที่เขารู้สึกนั้นยังคงเดิม
เขาได้แต่หวังให้คนๆ นั้นยังคงเดิม เป็นคนเดิมที่เขาเคยรัก ไม่หรอก หัวใจของเขาก็ยังรักอยู่ไม่น้อยลงเลย
แสงไฟภายในห้องสว่างขึ้นเมื่อเจ้าของห้องกลับมาถึง ธันวาหันกลับมาที่หน้าประตูห้อง เขาเอื้อมมือมารับถุงใส่ของหลายอย่างจากมือของชินกฤตที่อาสาหิ้วมาส่งถึงที่พัก
“ขอบคุณครับ”
ธันวาเอ่ยแล้วยิ้มน้อยๆ เหมือนเคย เขามักระวังตัวเสมอเหมือนคนปิดกั้นตัวเองกับคนอื่นตลอดเวลา
“ไม่เป็นไร ชินกลัวว่าจะมีเรื่องแบบเมื่อสามสี่วันก่อนนั้นอีก ชิน...ชินเป็นห่วงนะ”
ยังไม่ทันที่ชินกฤตจะพูดอะไรต่อ เจ้ากระรอกตัวซนก็ทำเสียงโครมครามเข้าให้เสียก่อน ทำให้ทั้งคู่ยุติบทสนทนาลงแค่นั้น แต่ในใจธันวารู้สึกขอบใจเจ้าจอมซนที่ทำเหมือนรู้หน้าที่ดี อีกฝ่ายยังคงร่ำลาเกินความจำเป็น
ประตูห้องปิดลงพร้อมการระบายลมหายใจเบาๆ นับวันธันวาก็รู้สึกอึดอัดกับสายตาของชินกฤตมากขึ้นทุกที ธันวาไม่อยากคาดเดาว่าชินกฤตคิดอะไรในใจ หากสายตาที่มีให้ มีความหมายมากกว่าคำว่าเพื่อน
แต่สำหรับธันวานั้น ความรักเป็นเรื่องที่ยากเกินจะเข้าใจ ครั้งหนึ่งก็ทำเขาเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ถึงเวลาจะเลยผ่านมา 3 ปีแล้ว เขาไม่เคยลืมเรื่องราวในคราวนั้นเลย รวมถึงครั้งแรกที่ได้สบตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ดูกลมกลืนกับเส้นผมที่เวลานั้นเป็นสีน้ำตาลจนเกือบแดง เพียงแต่เวลานี้สีของผมนั้นอ่อนจางลงไป แต่ใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมในความรู้สึกของเขา
เสียงของตกลงพื้นทำให้ธันวาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เดินไปทางต้นเสียงที่ได้ยิน ลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียงถูกรื้อค้นจนรก ตัวต้นเหตุยังซุกตัวมุดอยู่ในกองกระดาษเขียนจดหมายของเขา
“แกนี่นะ หาเรื่องให้วุ่นวายทุกทีเลย”
ธันวาต่อว่าไม่จริงจังตามด้วยเสียงหัวเราะ ก็เพราะนิสัยอย่างนี้ เขาจึงได้ไม่รู้สึกเหงามากมายนักเวลาที่อยู่ลำพัง ธันวาอุ้มเจ้าตัวซนขนขึ้นมาจากลิ้นชักแล้วนั่งที่เตียงนอน ในมือคู่หน้าของมันก็เกาะบางสิ่งไว้ไม่ยอมวาง แต่เมื่อธันวาเอื้อมมือมาหยิบดูก็ปล่อยออกง่ายดาย สร้อยเงินที่มีรูปเต่าทองสีเงินตัวเล็กๆ ส่องแสงแวววาวเมื่อกระทบแสงไฟสีส้มที่หัวเตียงนอน นานแล้วที่ไม่ได้หยิบสิ่งนี้ขึ้นมาสัมผัส เขาขยับปีกสีเงินของเต่าทองออก เสียงเพลงหวานใสบรรเลงแผ่วเบาจนคนฟังต้องยกขึ้นแนบหูเพื่อให้ได้ยินชัดเจน ด้านในเป็นนาฬิกาบอกเวลาซึ่งมันยังคงเดินปรกติดีและทำให้เขานึกถึงครั้งแรกที่ได้รู้จักกับคนที่ให้สิ่งนี้
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา
