บท
ตั้งค่า

7

“มันไม่กลับเข้าบ้านมาสองวันแล้ว ไม่รู้ว่าไปสร้างความเดือดร้อนอะไรอีกหรือเปล่า” เสียงประมุขของบ้านดังก้องมาจากห้องนั่งเล่น จนคนที่ตั้งใจว่าจะกลับมานอนที่บ้านก่อนรอย้ายไปอยู่คอนโดถาวร จำต้องชะงักเท้าตัวเองเอาไว้ก่อน

“ลูกส่งข้อความมาบอกว่าไปนอนเป็นเพื่อนเอื้อค่ะ เพราะว่าช่วงนี้เอื้อไม่ค่อยสบาย” รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะยังไง...คนเป็นแม่ก็มักปกป้องลูกของตัวเองเสมอ

“ไม่สบายอะไรคะ ยังไปทำงานที่คลินิกอยู่เลย เพื่อนของปลื้มก็ไปรับพาร์ทไทม์ที่นั่น บอกว่าเมื่อวานยังเจอน้องเอื้ออยู่เลย ก็เห็นปกติดี ยังขายครีมพอกผิวให้เพื่อนปลื้มอีกด้วยค่ะ” ปรางค์ปลื้มผู้กลับมาอยู่บ้านบ่อยขึ้น หลังจากที่น้องสาวคนกลางส่งข่าว เรื่องบ้านจะโดนยึด

โดยวิสัยของพี่คนโต ซึ่งจะสุขุมมากกว่า จึงขอให้ผู้เป็นน้องหยุดโวยวายและคอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ก่อนจะดีกว่า

“แหม ยังรู้เรื่องชาวบ้านดีกว่าเรื่องตัวเองเสมอเลยนะคะพี่ปลื้ม” ตัดสินใจเดินเข้าไป พร้อมเอ่ยประโยคที่มาจากริมฝีปากยิ้มกว้าง

“ปริ๊นซ์! กลับมาแล้วเหรอลูก” บานชื่นรีบวิ่งมาเคียงข้างบุตรสาว เพราะถึงบุตรจะแจ้งมาว่าไปอยู่บ้านเพื่อน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

“ค่ะแม่ นี่ปริ๊นซ์ซื้อของมาฝากแม่ด้วยนะคะ นี่ค่ะ” ยื่นถุงกระดาษที่มีข้าวของเครื่องใช้ที่มารดาต้องใช้รายเดือนยื่นให้ ไม่มีใครรู้ว่าบานชื่นต้องประหยัดแค่ไหน เพราะเงินเก็บของบ้านเริ่มร่อยหรอ

“ขอบใจมากนะลูก” ว่าอย่างซึ้งใจและเกรงใจ ที่เบื้องหลังของค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็มีบุตรสาวคนนี้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยตลอด

“แกหมายความว่ายังไง ที่ฉันรู้เรื่องคนอื่นดีกว่าเรื่องของตัวเอง?” เดินขึ้นมาเผชิญหน้าน้องสาวด้วยความเคืองขุ่น ชีวิตที่แสนจะเพอร์เฟคของเธอ จะมาถูกคำพูดราคาถูกของคนไม่เอาไหนอย่างน้องสาวคนนี้ มาทำให้หมองหม่นได้ยังไง

“ก็หมายความตามนี้เลยค่ะ ถ้าตอนนี้พี่ไม่รู้เรื่องของตัวเองบ้างเลย ก็แสดงว่า...นั่นแหละค่ะ พี่เอาแต่รู้เรื่องของคนอื่น”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ พูดออกมาเดี๋ยวนี้!” แม้วิสัยจะเป็นคนสุขุมแค่ไหน แต่กับน้องสาวคนเล็กผู้ปากดีมาตั้งแต่เด็กๆ คนนี้ เธอยอมให้ไม่ได้!

“นี่ผัวพี่ไม่มาด้วยเหรอคะ เข้าเวรหรืออะไร?” ปรางค์ปลื้มชะงักกึก แววตาและน้ำเสียงที่เอ่ยถึงสามียศใหญ่ของเธอนั้น มันมีความหมายบางอย่างซ่อนเร้นอยู่

“ก็ใช่น่ะสิ แกมีอะไร มาถามหาพี่พลเขาทำไม?”

“ก็เปล่าค่ะ ก็แค่แปลกใจ ว่าทำไมหมู่นี้พี่พลไม่มาที่บ้านเราเลย ไม่มาสักพักใหญ่แล้วนะคะ...จริงมั้ยคะคุณพ่อ?” แววตาขุ่นของคนที่คิดเรื่องนี้อยู่ก่อน และคอยถามหาบุตรเขยคนโปรดมาตลอด ถึงกับสะดุดไปด้วย

“แกไม่ต้องไปยุ่งเรื่องครอบครัวเขา เอาตัวเองให้รอดก่อน!” แต่ก็ทำเป็นตวาดกลบเกลื่อน

“ถูกต้องที่สุดเลยค่ะคุณพ่อ อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นกันเลยดีกว่านะคะ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นยุ่งเรื่องของตัวเอง ก็อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเขาก่อน ขอตัวนะคะ” ว่าพร้อมสะบัดร่างเดินขึ้นชั้นบนของบ้านอย่างอารมณ์ดี

“แม่ไปด้วยจ้ะ” บานชื่นรีบเดินตามไป เพราะมีเรื่องที่จะคุยกับบุตรสาวเข้าพอดี

มีเพียงบานชื่นเท่านั้นที่รู้ดีว่า บุตรสาวคนเล็กเท่านั้นที่พอจะช่วยเหลือเรื่องเงินทางบ้านได้

“ว่ายังไงยัยปลื้ม ตกลงตาพลเนี่ย วุ่นกับเรื่องอะไรอยู่ถึงไม่ได้มาพบพ่อบ้างเลย” เหมือนการจุดไฟของปิรวดีจะสำเร็จผล บุตรสาวคนโปรดรีบฉีกยิ้มกว้าง ใช้ความหัวไวออกรับแทนสามีทันที

“ก็ตอนนี้พลเขากำลังจะได้เลื่อนยศน่ะค่ะ ก็เลยต้องทำผลงานให้มากหน่อย ทั้งเอกสารแล้วก็ออกพื้นที่ วุ่นวายใหญ่เลยค่ะพ่อ” ผู้เป็นพ่อที่ได้ยินข่าวเรื่องบุตรเขยมาบ้าง เผยความไม่เชื่อในแววตา

“งั้นเหรอ แล้วเป็นยังไง...ไปปรึกษาหมอเรื่องมีลูก ปัญหามันอยู่ที่ใคร?” ปรางค์ปลื้มชะงักเล็กน้อย ก่อนหัวเราะร่วนออกมา

“ก็ไม่ได้อยู่ที่ใครหรอกค่ะคุณพ่อ พลกับปลื้มเนี่ยสุขภาพแข็งแรงกันทั้งคู่ค่ะ เพียงแต่...ปลื้มขึ้นเวรเยอะไปหน่อย เลยไม่มีเวลาพักผ่อน ช่วงไข่ตกก็ไม่ค่อยได้เจอกัน โอกาสจะท้องก็เลยน้อยไปด้วยค่ะ” นี่คือความจริง..ที่เธอเองก็พยายามจะแก้ไขอยู่ และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็นำปัญหามาสู่ความสัมพันธ์ของเธอกับพลวัฒน์ด้วย

“แล้วจะแก้ไขกันยังไง พ่อพลเขาก็มีเงินทองมากมาย แล้วปลื้มจะต้องไปขึ้นเวรทำไมให้นักหนาด้วย”

“แหม คุณพ่อขา ปลื้มก็ไม่อยากจะควงเวรให้มากหรอกค่ะ แต่คนมันไม่พอเด็กจบใหม่ก็ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ ไหนรุ่นเดียวกันจะลาออกอีก คนขาดยังไงก็ต้องช่วยกันขึ้นค่ะ” ว่าเชิงอ้อนบิดาให้เห็นใจ ซึ่งรายนั้นผู้รักบุตรสาวคนนี้กว่าใคร ก็จำต้องพยักหน้า

“เอาเถอะ ยังไงก็อย่าให้เรื่องงานมาทำให้สมดุลของครอบครัวโคลงเคลงก็แล้วกัน” ทศพลไม่อยากนำเรื่องที่ทราบมาไปกระทบจิตใจบุตรสาว แต่รอที่จะพบบุตรเขยแล้วคุยอย่างลูกผู้ชายสองต่อสองมากกว่า

แต่ก็เหมือนฝ่ายนั้น หลีกเลี่ยงที่จะมาเข้าพบตนโดยอ้างเรื่องงานอยู่ร่ำไป
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel