3
“เทคโนโลยีผ้าอ้อมสุดล้ำที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ของเบบี้เทเลฮับ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากการปล่อยทีเซอร์โฆษณาของเราออกไป เห็นว่างานนี้...ต้องมีแถลงข่าวใหญ่แล้วล่ะครับ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเอ่ยขึ้นกลางห้องทำงานใหญ่ของท่านประธาน
ด้วยความสบายอกสบายใจ ระคนตื่นเต้น...
“สิ่งที่เราควรจะต้องสนใจคือประสิทธิภาพของสินค้า ว่าจะผลิตออกมาได้ตรงตามที่เราโฆษณาไปหรือเปล่า ไม่ใช่รึ” แย้งขึ้นเสียงกังวาน ของหนุ่มลูกครึ่งผู้พูดไทยชัดแจ๋ว อย่างไมค์ พินิจไพบูลย์วงศ์ ทายาทของประธานใหญ่ของบริษัทเพียงคนเดียว ที่เอ่ยขึ้นอย่างเนิบๆ
“สิ่งนั้นก็สำคัญไม่แพ้ครับ เพียงแต่ผมพูดในฐานะฝ่ายการตลาด ที่ให้ความสำคัญกับการโปรโมทและกระตุ้นความรู้สึกของผู้ซื้อ ให้มีอารมณ์ร่วมและเฝ้ารอ หรืออาจจะมีการสั่งจองในรูปแบบพรีออเดอร์ก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยเลยนะครับ” การาวดี พินิจไพบูลย์วงศ์ ผู้นั่งนิ่งมองแผนการตลาดในมือด้วยทีท่าสงบ ลดเอกสารในมือลงเล็กน้อย
ก่อนเผยรอยยิ้มจางๆ ผ่านริมฝีปาก ใบหน้าเรียบเฉยยังคงอบอุ่น ในแววตาทอแสงอ่อนเยือนๆ นั่น
“ดิฉันเห็นด้วยกับคุณพิเชษฐ์นะคะ เรื่องการโปรโมทมีความสำคัญมากๆ ยิ่งมีการพรีออเดอร์สินค้าด้วยเนี่ย คงจะเป็นปรากฏการณ์ทางการตลาดที่ยิ่งใหญ่ เพียงเพราะเราปล่อยความน่าเชื่อถือผ่านโฆษณาดีๆ ที่น่าสนใจออกไป การตอบรับก็ล้นหลาม” การอธิบายช้าๆ เชิงเห็นด้วย เต็มไปด้วยแววตาแห่งความชื่นชมในความคิดของผู้จัดการหนุ่มใหญ่
“แต่...ตอนนี้การผลิตสินค้าของเราอยู่ในขั้นตอนที่จะแล้วเสร็จ ผ่านไปได้แค่ 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสำหรับตัวดิฉันเองที่อยู่ในวงการเครื่องใช้จำเป็นสำหรับเบบี๋มายาวนานกว่าสามสิบสี่สิบปี ดิฉันมองว่าแค่การปล่อยโฆษณาที่น่าเชื่อถือ ก็มากเพียงพอแล้วล่ะค่ะ
แล้วก็เข้าใจด้วยนะคะ ว่าฝ่ายการตลาดที่ไม่ได้มาเคยคุ้นกับขั้นตอนการผลิตเลย อาจจะไม่เข้าใจบริบทจริงๆ ว่า การผลิตสินค้าชิ้นหนึ่งเนี่ย จะมีปัญหาที่ไม่ตรงตามคอนเซ็ปต์เยอะแยะแค่ไหน เอาเป็นว่า...เรื่องแถลงข่าวหรือพรีออเดอร์ รอให้สินค้าของเราออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้แล้ว ค่อยทำจะดีกว่ามากนะคะ” หากแต่ประโยคยาวเหยียดต่อมา กลับทำเอาพิเชษฐ์ถึงกับหน้าเผือดลง
แววตาเชิงขันจากผู้ที่อายุอ่อนกว่า มีความเย้ยหยันอยู่นิดๆ หันมาสบเข้าอย่างจงใจ
หึ มีแม่คุ้มกะลาหัวแล้วทำเป็นกร่าง ไอ้ฝรั่งกำพร้าเอ๊ย!
“ครับผม ผมเองก็แค่ลองเสนอตามความถนัดของตัวเอง เอาเป็นว่าระหว่างนี้ผมจะเตรียมการรับมือกับการปล่อยโฆษณาตัวเต็มระหว่างรอผลผลิตสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็แล้วกันนะครับ” ว่าพร้อมลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ โค้งศีรษะให้ผู้เป็นใหญ่ ก่อนเดินจากไปด้วยอารมณ์เคืองขุ่น
แววตาสีน้ำตาลอ่อนคมนิ่ง ทอดมองตามการเดินออกไปด้วยท่วงท่านั้น พร้อมถอนลมหายใจนิ่ง
“ผมว่า เขายังไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของเบบี้เทเลฮับ อย่างถ่องแท้” แย้งขึ้นเรียบๆ จนมารดาบุญธรรมต้องถอนลมหายใจบ้าง
“เอาน่า แม่ว่าไมค์เนี่ยไปดูแลกระบวนการผลิตให้ดี ก็เพียงพอแล้วนะครับ”
“ไม่พอหรอกครับแม่ การผลิตจะดีแค่ไหน แต่ฝ่ายโปรโมทไม่ได้มาทำความเข้าใจ สักแต่ว่าจะโฆษณาไปก่อน เอากระแสเข้าว่า แต่ไม่ได้เข้าถึงตัวสินค้าจริงๆ แค่นี้การสื่อสารก็บกพร่องแล้วครับ” คนเลี้ยงบุตรชายมาอย่างดี พยักหน้าช้าๆ เชิงเข้าใจ
“แม่รู้ว่าไมค์เนี่ย จริงจังและใส่ใจกับสินค้าตัวนี้มาก ทุ่มเทมาก แต่ไมค์ก็ต้องยอมรับว่าถ้าต่อให้สินค้าของเราดีแค่ไหน แต่การตลาดไม่ดีเนี่ย...เราก็อยู่ไม่ได้นะลูก”
“เห็นทีว่าผมจะต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตลาดบ้างเสียแล้วล่ะครับ” ตัดบทมาแบบนั้น จนการาวดีต้องถอนหายใจซ้ำ พร้อมส่ายหน้า
“ดีเลยจ้ะ ลูกเองเนี่ยก็จะได้เข้าใจเรื่องของการตลาดและกระแสให้มากขึ้น เพราะต่อไป...ยังไงลูกก็จะต้องขึ้นแท่นผู้บริหารอย่างเต็มตัวแล้ว คนที่จะเป็นใหญ่จะเอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่รอบรู้ด้านอื่นเลย การบริหารก็ไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้”
“แม่ท้าผมเหรอครับ” แววตาคมฉายความขันออกมาเล็กน้อย ตามประสาหนุ่มลูกครึ่งหัวใจอิสระ
คนอย่างไมค์ มีความจริงจังในชีวิตสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ขันอยู่ไม่น้อย
เขาทุ่มเทและใส่ใจกับธุรกิจของมารดามาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นทั้งพรีเซนเตอร์จำเป็น ผู้ทดลองสินค้า จนโรงงานเล็กๆ กลายเป็นบริษัทมหาชนใหญ่ๆ ได้มาถึงทุกวันนี้
“แล้วจะกล้าสู้มั้ยล่ะ” คนมีอารมณ์ขันไม่แพ้ว่าอย่างยิ้มๆ
“ขาดใจเลยครับ” ว่าพร้อมดึงแผนการตลาดของมารดามาวางตรงหน้า พร้อมเอนกายลงไปตามพนักเก้าอี้ที่ปรับตามสรีระของผู้นั่ง
เหมือนเด็กน้อยขี้เกียจอ่านหนังสือคนหนึ่ง จนความปลื้มใจของคนที่รับเขามาเลี้ยงท่วมท้นขึ้น
ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ที่ตัดสินใจรับเด็กจากบ้านเด็กกำพร้ามาเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะ
การาวดีเป็นสาวโสดที่เลือกการรับอุปการะเด็กจากบ้านเด็กกำพร้ามาเลี้ยงให้เติบใหญ่ แม้ว่าตอนนั้นเธอจะไม่ได้มั่งมีอย่างเช่นทุกวันนี้เลยก็ตาม
ไมค์รับรู้เรื่องนี้มาตลอด และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขารักผู้หญิงคนนี้มาก และตั้งใจว่าจะตอบแทนเธอให้ถึงที่สุด
แม้ลึกๆ ...เขาเองก็ยังอยากจะทราบว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองเป็นใครอยู่ตลอดก็ตาม
“เรื่องที่แกให้ฉันไปจัดการ ได้เรื่องแล้วนะเว้ย” ในขณะที่กำลังนั่งดูขั้นตอนการผลิตผ่านหน้าจอในภาคหนึ่งในโรงงาน
เพื่อนสนิทผู้เป็นผู้ช่วยของเขาเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ เหมือนไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น
“ว่า...” แม้จะชะงักเล็กน้อย แต่สายตาสีน้ำตาลสุกใส ก็ยังคงจดจ้องไปยังหน้าจอแบบไม่ยอมวางตา
ภาพเครื่องจักรที่กำลังเคลื่อนไหว มีผลต่อคุณภาพของผ้าอ้อมนวัตกรรมใหม่ทุกตัว ที่เขาตั้งใจว่าจะต้องให้มันออกมามีคุณภาพที่สุด
“หาตัวค่อนข้างยาก เพราะรูปที่แกสั่งคนสเก็ทขึ้น แล้วก็ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านเนี่ย ไม่ได้ชัดเท่าไหร่” ธราดลหรือท็อป ว่าพร้อมยื่นซองสีน้ำตาลมาให้
ความสามารถในการสืบของเขา เก่งไม่แพ้การควบคุมระบบเทคโนโลยีของโรงงาน ผู้ช่วยคนสำคัญนี้ไม่ค่อยชอบมีตัวตนหรือให้ใครรู้จัก ชอบทำตัวลึกลับอยู่หน้าจอไปวันๆ มากกว่า
“อืม” ยื่นมือเข้าไปคว้าสิ่งที่อยู่ในซองออกมาด้วยแววตาเรียบเฉยดังเก่า ผมสีน้ำตาลเข้มสั้นเตียนทำให้เขาดูเหมือนแบดบอย ที่ไม่ใช่ทายาทนักธุรกิจหลายพันล้านเลยสักนิด
“นอกจากรูปและที่อยู่ แกอยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย” เมื่อเห็นเพื่อนเงียบไป หลังจากที่เห็นรูปและข้อมูลของคนในภาพนั้น
ประกายในดวงตาที่ฉายความไหวหวั่น ค่อยๆ ดับลงช้าๆ
“ไม่”
“แกไม่อยากรู้เหรอ ว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม”
“อยาก”
“อ้าว แล้วทำไมถึงไม่ให้ฉันสืบวะ”
“ปกติแกไม่ใช่คนที่อยากจะรู้อะไรสักเท่าไหร่นี่” ครานี้ผู้ช่วยคนเก่งถึงกับต้องถอนหายใจ และเอนศีรษะไปตามพนักพิงหลัง ขนาดใหญ่ยาวของเก้าอี้ที่สั่งทำพิเศษช้าๆ
“ไม่รู้สิ ฉันรับรู้ได้ถึงพลังและความรู้สึกบางอย่างของเธอล่ะมั้ง มันต้องมีเหตุผลอะไรสิ...ที่ทำให้เธอทำแบบนี้” ธราดลเป็นผู้ชายไทยแท้ผิวเข้ม ที่บังเอิญรู้จักกับลูกชายของนักธุรกิจชื่อดังเพราะว่าเล่นเกมส์เจอกันเพียงเท่านั้น
แต่การเล่นเกมส์ในวันนั้นก็เปลี่ยนชีวิตเขาให้กลายมาเป็นทุกวันนี้ เขารอบรู้เรื่องระบบของเครือข่ายเน็ตเวิร์ค และเทคโนโลยีที่เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ทำให้สามารถเข้ามาดูแลระบบของโรงงานให้ไมค์ได้
“เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้ต่อเอง แกยังไม่ต้องทำอะไร”
“ไม่เอาน่า อย่าทำให้ความสงสัยแรกในชีวิตของฉัน สิ้นสุดลงแบบไม่รู้คำตอบอะไรเลย” ตลกหน้าตายต้องยกให้เขา ไมค์ส่ายหน้าให้ช้าๆ
“ดีแล้ว แกจะได้ไม่อยากจะสงสัยอะไรอีกในชีวิตนี้”
“เออ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ตลอดละกัน” ว่าพร้อมหยิบหูฟังครอบหูมาสวมทับ และหันกลับไปสนใจคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ของตัวเองต่อ
ปล่อยให้คนที่ยังไม่ได้วางรูปผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ครุ่นคิดและพินิจใบหน้าเธอต่อ...
คุณทำไปเพื่ออะไรกันแน่นะ?