บทย่อ
หลิวเสี่ยวเฟย สตรีโง่งมที่คอยเอาแต่วิ่งไล่ตามความรักที่ไม่อาจครอบครอง เมื่อนางมีโอกาสหวนคืนอีกครั้ง นางจึงไม่คิดที่จะข้องเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีกต่อไป แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงตามติดนางไม่ห่าง... หลิวเสี่ยวเฟย: "เส้นทางชีวิตใหม่นี้ ขอให้ท่านไปทางซ้าย ส่วนตัวข้าจะหลีกหนีไปทางขวา เราสองคนอย่าได้มาข้องเกี่ยวกันอีกเลย" นางกล่าวอย่างไร้เยื่อใย หลี่หนิงหลง: "เกรงว่าข้าจะไม่เห็นด้วย หากเจ้าไปทางไหน ข้าก็จะไปทางนั้น หรือหากข้าต้องไปทางซ้าย ข้าก็จะอุ้มเจ้าไปด้วย" เขากล่าวพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ ราวกับกำลังท้าทายคำพูดของนาง ขอคุณสำหรับโอกาสและการติดตาม ด้วยรักและขอบคุณค่ะ สายสมร
ตอนที่1 หนึ่งปีที่ผ่านพ้น
ในยามราตรีอันเงียบสงัด ณ จวนราชครูหลิวเหวิน แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างกระดาษบางเข้ามาในห้องของหลิวเสี่ยวเฟย ธิดาของราชครูหลิว นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ มือถือพู่กันจุ่มหมึก แต่กลับชะงักนิ่ง สายตาจับจ้องที่ม้วนกระดาษเปล่าตรงหน้า
หลิวเสี่ยวเฟยเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องดุจหยกงาม ดวงตากลมโตเป็นประกายดั่งดวงดาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อดุจกลีบบัวแรกแย้ม ผมยาวดำขลับสยายยาวถึงเอว ผู้คนต่างกล่าวว่านางมีรูปโฉมที่งดงามราวกับเทพธิดา
แต่ความงามเหล่านั้นมิใช่เพียงคุณสมบัติเดียวที่โดดเด่นของนาง หลิวเสี่ยวเฟยยังมีสติปัญญาเฉียบแหลม นางเป็นธิดาของราชครูหลิว ผู้เป็นอาจารย์ของบรรดาขุนนางในราชสำนัก จึงได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยมตั้งแต่เยาว์วัย ทั้งอักษรศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ดนตรี และศิลปะการด้านต่าง ๆ
แม้จะมีคุณสมบัติพร้อมสรรพเช่นนี้ แต่หัวใจของนางกลับยังคงว่างเปล่า จิตใจของนางตอนนี้เฝ้ารอเพียงคนผู้หนึ่งมาโดยตลอด และคนผู้นั้นก็คือแม่ทัพหลี่หนิงหลง ผู้ที่เคยช่วยชีวิตนางเอาไว้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
ภาพของท่านแม่ทัพหลี่ผู้นั้นผุดขึ้นในความทรงจำของนาง ร่างสูงสง่าในชุดเกราะสีทอง ทะยานม้าเข้ามาดุจเทพสงคราม ดาบในมือฟาดฟันศัตรูอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ เขาได้ช่วยนางไว้จากเงื้อมมือของเหล่าโจรได้อย่างปลอดภัย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น นับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของชีวิตนางอย่างสิ้นเชิง เพราะแม้จะผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายนั้นมาได้ แต่นางก็ได้สูญเสียความทรงจำของตนเองไปจวบจนทุกวันนี้
หลิวเสี่ยวเฟยถอนหายใจเบา ๆ พลางวางพู่กันลง นางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ความรู้สึกอ้างว้างเข้าครอบงำจิตใจ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นางทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาหันมามอง แต่ไม่ว่าจะทุ่มเทเพียงใด เขากลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา จวบจนเมื่อสองเดือนที่แล้ว เมื่อมีโอกาสอันดี นางจึงได้ทูลขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท เพื่อให้นางได้แต่งงานกับเขา และในตอนนี้ อีกไม่กี่วันก็ใกล้ที่จะถึงกำหนดการแต่งงานแล้ว
แม้จะมีความรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ แต่หลิวเสี่ยวเฟยก็คิดว่า ในช่วงเวลานั้น ตัวนางเองก็ไม่ได้มีทางเลือกที่มากมายนัก
สุดท้ายแล้ว แม้จะดูเป็นการกระทำที่เอาแต่ใจและเห็นแต่ตัวไปบ้าง แต่นางล้วนไม่ใส่ใจ ขอเพียงแค่ข้างกายของนางมีเขาก็พอแล้ว
‘หนิงหลง หากในใจท่านยังไม่มีใคร เช่นนั้นเป็นข้าไม่ได้หรือ ที่จะขอนั่งอยู่ภายในใจของท่าน’ หลิวเสี่ยวเฟยมักเอ่ยคำถามเช่นนี้กับตนเองซ้ำไปซ้ำมา จวบจนตอนนี้ ระยะเวลาที่นางได้วิ่งไล่ตามความรักจากเขาผ่านมานานนับปีแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านพ้น คือหนึ่งปีที่นางพยายามและทุ่มเทเพื่อเขามาโดยตลอด ขณะเดียวกัน หนึ่งปีนี้ ก็คือหนึ่งปีเต็มที่เขาปฏิเสธและพยายามหลีกหนีจากนาง
หลิวเสี่ยวเฟยคิดว่า แม้วันนี้เขาอาจจะยังไม่มีใจให้นาง แต่หากแต่งงานและได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว เขาอาจจะรักและเห็นใจในความพยายามของนางก็เป็นได้ โดยที่นางไม่ได้นึกเผื่อใจเลยว่า ในเรื่องของความรักนั้น คนที่ไม่ใช่ ต่อให้พยายามอย่างไรก็ไม่อาจได้ใจตอบแทนกลับคืนมา
ความพยายามอยู่ที่ใด ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ดูท่าว่าจะใช้ไม่ได้กับการพยายามให้ได้มาซึ่งความรัก และสิ่งที่นางกระทำอยู่นี้ แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ความพยายามแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพียงความดื้อดึงก็เท่านั้น

