บท
ตั้งค่า

ตอนที่1-6

“ท่านแม่ทัพจะให้บ่าวนำซายิ้งมาให้ใครขอรับ ใครปวดท้อง หรือว่าฮูหยิน”

“ไม่ใช่นาง ข้าต่างหาก ข้าจะเตรียมเอาไว้ วันนี้ข้าอาจโชคไม่ดีท้องไส้ปั่นป่วน เกิดปวดท้อง ท้องเสียจะเสียงานเสียาการช่วงนี้ข้าจะต้องไปตรวจดูการซ้อมกำลังพล”

“ขอรับนายท่านบ่าวจะไปนำซายิ้งมาให้แล้วไปเชิญท่านรองแม่ทัพซู่จือเข้ามาพบ”

ไม่ถึงครึ่งเค่อร่างองอาจ ห้าวหาญในชุดขุนนางฝ่ายบู๊ของซู่จือก็เดินเข้ามา เขาเพิ่งเดินทางมาถึงปักกิ่งก็ตรงไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิและตรงมายังจวนของลู่เคอตัวผู้เป็นสหายสนิท

“ข้านำของขวัญวันแต่งงานมามอบให้ เมื่อวานข้าเดินทางกลับมาไม่ทันจริงๆต้องขอโทษด้วย” เพราะซู่จือไปตรวจตรากองทหารที่ชายแดนแต่ระหว่างทางเกิดพายุหิมะจึงทำให้กลับมาปักกิ่งไม่ทัน

“ท่านไปราชการ ระหว่างทางกลับยังติดพายุหิมะ ข้าเข้าใจดี เชิญนั่งก่อน” ลู่เคอตัวเชื้อเชิญด้วยความยินดี

ซู่จือนั่งลงแล้วก็ยกชาที่พ่อบ้านนำมาวางขึ้นจิบ พลางมองซ้ายมองขวาอยู่หลายหนจนลู่เคอตัวต้องถาม

“ท่านมองหาใครกันหรือซู่จือ”

“ข้าไม่เห็นฮูหยินของท่านเลย นางไปอยู่ที่ใดกัน”

ลู่เคอตัวพลันชะงักไปครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นางเข้าครัวทำอาหารอยู่”

“ท่านพูดจริงเหรอ” ซู่จือออกประหลาดใจอยู่บ้าง “ที่แท้แล้วนางก็เป็นสตรีอยู่บ้างนี่เอง เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ท่านจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจกับการได้รับสมรสพระราชทาน”

ลู่เคอตัวปวดใจจนสีหน้าที่แสดงออกยิ่งเรียบเฉยมากขึ้น “ในเมื่อขัดพระประสงค์ไม่ได้ ข้าก็ต้องทำใจยอมรับ คิดเสียว่ามีสตรีเพิ่มในจวนมาอีกหนึ่งคนจะเป็นไรไป จวนข้าก็จะออกใหญ่โตเลี้ยงนางไว้อีกคนก็ไม่เป็นไร ถ้านางไม่ก่อเรื่องให้ข้าปวดหัวมากเกินไป เว้นแต่ถ้านางก่อเรื่องมากๆ ข้าคงต้องส่งตัวนางกลับ” ลู่เคอตัวบอกเสียงราบเรียบ ใบหน้าไม่ได้แสดงออกว่าลำบากใจหรือยินดี

“ท่านจะทำอะไรก็ต้องนึกถึงความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าไม่อยากพูดถึงอีก ว่าแต่ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินของท่านตั้งครรภ์แล้วไม่ใช่หรือ”

ซู่จือพลันมีสีหน้าเบิกบานยินดี ร้องออกมาเสียงดัง “ใช่แล้วฮูหยินของข้านางเพิ่งตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือน ที่จริงเป็นเพราะยาพระราชทานจากฝ่าบาทที่ทรงมอบให้กับข้ามากินบำรุง ไม่คิดว่าจะใช้ได้ผลดีถึงเพียงนี้ ข้าไม่ได้นำติดตัวมาด้วย ไม่เช่นนั้นจะมอบให้ท่านไว้สักห่อหนึ่ง”

“ข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้ในยามนี้หรอก เจ้าเก็บไว้เถอะ” ลู่เคอตัวรีบปฏิเสธทันที

ซู่จือเลยได้แต่เก็บความหวังดีไว้กับตัว ไม่พูดมากอีก ก็พอดีกับพ่อบ้านหวังเดินเข้ามาทางที่ลู่เคอตัวนั่งอยู่แล้วพูดเสียงไม่เบาไม่ดังนัก

“ท่านแม่ทัพขอรับ มีกล่องของขวัญมาถึงฮูหยินขอรับ คนที่นำมาส่งบอกว่ามาจากเผ่าเคอเอ่อร์ซินของฮูหยิน ข้าจำพวกเขาได้ตอนที่พวกเขาเคยติดตามฮูหยินมาที่จวน ข้าจึงให้พวกเขารออยู่ด้านนอก ส่วนนี่เป็นของขวัญขอรับ”

ลู่เคอตัวรับกล่องมาขณะที่ซู่จือยกน้ำชาขึ้นจิบ ด้วยความระมัดระวังเป็นนิจ ลู่เคอตัวจึงเปิดกล่องออกดู แล้วพบว่าข้างในเป็นพัดธรรมดาเล่มหนึ่งแต่มีความสวยงามไม่น้อย เขาจึงวางมันไว้ในกล่องอย่างเดิมแล้วยื่นให้พ่อบ้านหวัง

“นำไปมอบให้ฮูหยิน แล้วสั่งให้คนส่งของกลับไปได้”

คล้อยหลังพ่อบ้านหวัง ลู่เคอตัวก็หันมาสนทนากับซู่จือต่อ เขาถามถึงข้อราชการที่ซู่จือไปตรวจตราชายแดนมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะตามลำดับแล้วเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ ซู่จือเป็นรองแม่ทัพจึงต้องมารายงานให้เขารู้ทุกเรื่อง

ลู่เคอตัวนั่งคุยกับซู่จือตั้งแต่ตะวันตรงหัวไปจนถึงตะวันคล้อย อาหารที่ว่าจะได้กินก็ยังไม่ได้กิน จนเริ่มรู้สึกว่าหิวมากขึ้นเรื่อยๆ

“พ่อบ้านหวังอยู่แถวนี้หรือไม่”

“ขอรับท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านหวังรีบก้มหัวเข้ามา

“ฮูหยินทำอาหารเสร็จหรือยัง นี่มันผ่านไปสองชั่วยามแล้ว ทำไมฮูหยินถึงยังทำอาหารไม่เสร็จ นางทำอาหารชนิดไหนกันถึงได้ช้านัก หรือไปไล่จับแพะ จับจามรีเพื่อมาทำอาหารให้ข้า”

“ข้าทำเสร็จแล้วจะมาเรียกท่านแม่ทัพพอดี” เป็นเสียงเต้าเฟยที่ดังขึ้นด้านหลังพ่อบ้านหวัง

นางเดินเข้ามาไร้ซึ่งกิริยาแช่มช้อย ยกมือปาดเหงื่อที่ไหลซึมเต็มกรอบหน้าผาก มีเขม่าควันติดข้างแก้มยิ่งทำให้ไม่น่ามองเข้าไปอีก

“เจ้าไปทำอาหาร หรือลงไปเกลือกกลิ้งในเตาไฟ สภาพเจ้าเหมือนแมวตกลงไปในเตาไฟไม่มีผิด”

ลู่เคอตัวเบือนหน้าหนี ฮูหยินจวนอื่นหน้าตาแฉล้มแช่มช้อยแต่ฮูหยินของเขามอมแมมราวกับสาวเร่ร่อนถูกชายฉกรรจ์ชุดคร่าไปข่มขืน นางดูราวกับผ่านศึกมาอย่างหนัก

“อาหารที่ข้าทำนั้นใช้เวลาทำนาน”

“แน่ใจหรือที่เจ้าหายไป ไปทำกับข้าว” เขายังมองสภาพนางอย่างลังเล

เต้าเฟยพยายามข่มอารมณ์ไม่โต้ตอบด้วย

“อ้อ นั่นรองแม่ทัพซู่จือนี่นา คารวะรองแม่ทัพซู่จืออยู่กินข้าวที่จวนก่อนนะเจ้าคะ”

ซู่จือมองสภาพฮูหยินแม่ทัพใหญ่ที่ดูไปแล้วคล้ายลูกแมวตกลงไปในเตาไฟอย่างแม่ทัพว่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะแล้วหาทางเลี่ยงกลับจวน สภาพคนทำอาหารยังเป็นเยี่ยงนี้ราชาติอาหารของนางอาจปลิดชีพเขาก็ได้ เขาเองกำลังมีบุตรควรถนอมร่างกายเอาไว้

“ฮูหยินโปรดอย่าเกรงใจ ข้าต่างหากที่ควรคารวะท่าน คารวะฮูหยิน”

ลู่เคอตัวรู้ว่ารองแม่ทัพซู่จื่อพยายามหลบเลี่ยงหนีศึกครั้งนี้ปล่อยให้เขาต้องรับศึกคนเดียวแล้วหันหน้าไปทางซู่จือ

“ซู่จือท่านจะอยู่กินอาหารเย็นกับข้าหรือไม่” ที่จริงต้องเป็นอาหารเที่ยงแต่มันเลยเวลามามากจนลู่เคอตัวต้องพูดว่าอาหารเย็นแทน

“ข้าจะรีบกลับไปดูแลฮูหยิน ช่วงนี้นางแพ้ท้องมาก ข้าเป็นห่วงนาง ข้าขอตัวกลับจวนก่อนขอรับท่านแม่ทัพ ข้าลากลับก่อนนะขอรับฮูหยิน”

“งั้นตามสบาย ข้าไม่รั้งไว้แล้ว” ลู่เคอตัวบอกเมื่อเห็นว่าซู่จือกำลังตัดช่องน้อยแต่พอตัว

ซู่จือคารวะทั้งสองคนแล้วหมุนกายเดินออกไป ลู่เคอตัวหันมามองเต้าเฟยครั้งหนึ่ง แล้วเดินนำหน้าไปทางโถงที่ใช้เป็นห้องกินอาหารทันที

“ท่านแม่ทัพรอข้าด้วยสิ”

“สตรีที่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างเช่นเจ้าข้าไม่ต้องรอเจ้าก็เดินตามมาทัน”

“แต่ชุดนี้มันแคบเดินได้ช้า”

“หรือเจ้าจะไม่ใส่อะไรเดินก็ได้”

เต้าเฟยเม้มปากแน่น “นี่ท่าน ข้าเป็นฮูหยินของท่านนะ พูดอะไรรักษาน้ำใจข้าบ้างก็ได้ ข้าอุตส่าห์ทำอาหารให้กิน”

“ทำให้ข้ากินแต่ข้าจะกินได้หรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel