ตอนที่1-7
ลู่เคอตัวหันกายกลับมาจ้องเขม็ง เขาชอบสตรีที่ยิ้มหวาน ดวงตาเรียวงาม มีความอ่อนโยน ทว่าสตรีที่เขาแต่งเป็นฮูหยินแม้เพียงสักข้อที่ต้องการก็ไม่มี
“จะกินได้หรือไม่ยังไม่รู้เลย อย่าเพิ่งเรียกมันว่าอาหารจะดีกว่า”
ลู่เคอตัวพูดแล้วเดินจากไป เต้าเฟยหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ มองลู่เคอตัวที่เดินห่างไปเรื่อยๆ โดยที่นางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้
‘ใช่สิ ข้าไม่ใช่ฮองเฮาหนิงซูเยว่ที่ท่านแอบรัก’
เต้าเฟยทำใจอีกครู่ก็ตามลู่เคอตัวไปยังโถงที่ใช้กินอาหารได้ทัน ลู่เคอตัวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอนางนั่งลง เขาก็เริ่มมองอาหารตรงหน้า
“ท่านจะลองชิมอะไรก่อนดี ข้าตั้งใจทำให้ท่านเลยนะ”
“ตั้งใจแกล้งข้าให้รอนานมากกว่า”
เต้าเฟยสะดุ้ง เขารู้ได้อย่างไร แต่มีหรือนางจะยอมรับ นางรีบเปลี่ยนเรื่อง“ท่านแม่ทัพ ท่านเคยกินเนื้อแพะหรือไม่”
“ข้าต้องเคยกินอยู่แล้ว”
“งั้นก็ดี นี่คือเนื้อแพะย่างไฟอาลาข่านต้องใช้เนื้อแพะทั้งตัวย่างไฟ และต้องคอยดูว่ามันสุกเท่ากันหรือยัง อาหารจานนี้จึงนับได้ว่าเป็นสุดยอดเมนู และยังเนื้อแพะหม้อไฟที่เหมาะกับสารทฤดูยิ่งนัก ช่วยคลายหนาว ทั้งสองเมนูล้วนต้องใช้ใจทำไม่ได้ทำส่งๆไปเพียงเพื่อให้เสร็จ” เต้าเฟยอธิบายเสียงใสแจ๋ว พลางลอบมองท่าทีของคนที่ขมวดคิ้วมอง
ลู่เคอตัวมองอาหารหน้าตาหน้ากินตรงหน้าสลับกับใบหน้ามอมแมมราวกับแมวน้อยแต่แสนจะร่าเริง จากที่หนักใจจะชิมอาหารของนาง ลู่เคอตัวก็ลองใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อแพะย่างไฟขึ้นมาส่งเข้าปาก ทันทีที่เนื้อแพะเข้าปากก็ให้รสชาตินุ่มหวานละมุนลิ้นจนเขาแทบสำลักความรู้สึกนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของนาง
“รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่ ข้าเพิ่งลองทำครั้งแรก เมื่อครู่ก่อนยกออกมาแม่นมเซียงบอกว่าดีเยี่ยม”
“ไม่เลว”
เต้าเฟยอมยิ้ม ที่เขาว่าอร่อยคงเพราะรอนานจนหิวมากกว่า เนื่องจากเมนูแพะย่างไฟและแพะหม้อไฟนั้นนางไม่ได้ปรุงรสอะไรเลยสักนิด
“เอ่อ พรุ่งนี้ข้าจะตื่นมาชงชาให้ท่านดื่ม แม่ข้าเคยสอนการต้มชานม ข้านำนมแพะมาด้วยจะบีบนมแพะจากเต้าใส่ชามนมให้ท่านดื่ม หรือว่าท่านชอบแบบใส่เนยแข็ง ข้าลืมบอกท่านว่านอกจากข้าจะต้มชานมได้ ข้ายังทำเต้าหู้นมแพะได้อร่อยมาก ข้าจะ...”
“หุบปากซะ แล้วกินได้แล้ว” ลู่เคอตัวตัดบทเพราะหิว
เขาเปลี่ยนไปสนใจอาหารตรงหน้า เพราะกลิ่นเนื้อแพะย่างที่หอมลอยขึ้นมาแตะจมูกช่างเรียกความหิวโหยจนต้องยกตะเกียบคีบเนื้อแพะย่างไฟมากินอีกคำ รสชาติหวานนุ่มกำลังดีทำให้เขาตักกินเรื่อยๆ
เต้าเฟยอมยิ้มมองท่าทีคนโมโหหิวแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อแพะเข้าปากบ้าง นางกินไปเรื่อยๆพลางมองลู่เคอตัวไปด้วย หากนางต้องการไปจากจวนแห่งนี้ สิ่งที่ต้องทำคือเอาใจเขาให้มากเพื่อให้เขายอมมอบลูกให้กับนาง ถ้าฮ่องเต้ไม่รับนางเป็นสนมแต่ประทานนางให้กับเชื้อพระวงศ์คนอื่นนางคงจะไม่ต้องหนักใจเท่านี้
“ท่านแม่ทัพลองชิมผัดผักสมองแพะ” เต้าเฟยคีบไปวางในจานเขา
ลู่เคอตัวหรี่ตามอง นางจะมาไม้ไหนถึงเอาใจเขามากนัก นี่เขาก็กินอาหารของนางจนเกือบหมดแล้ว ลู่เคอตัวรู้สึกเสียหน้าจนไม่กล้ากินต่อ
“ข้าไม่ชอบกินไป๋ช่าย” แม่ทัพหนุ่มวางตะเกียบแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบกลั้วคอ จากนั้นก็หยิบผ้ามาเช็ดปากเช็ดมือ
“ท่านพี่อิ่มแล้วเหรอ”
“ใช่ ข้าอิ่มแล้ว”
“แต่ข้ายังไม่อิ่ม”
“ถ้าเจ้ายังไม่อิ่มก็เชิญกินไปคนเดียว”
เต้าเฟยมองอย่างเสียดายของบนโต๊ะ ถึงนางจะตั้งใจแกล้งเขาให้รอนานแต่เมนูทั้งหมดนั้นนางก็ต้องใช้เวลาทำนานจริงๆ ต้องนั่งลอกหนังแพะทั้งตัวแล้วยังจับแพะขึ้นย่างเสียเวลาและพลังงานไปมากร่างกายของนางต้องการมากกว่านี้ เพราะชนเผ่าของนางเคยเร่ร่อนมาก่อนยามกินนั้นจึงต้องกินให้อิ่ม เพราะบางมื้ออาจไม่มีให้กิน นางจึงแตกต่างจากหญิงงามในเมืองปักกิ่งที่เกิดมามีความสุขสบายไม่ต้องย้ายถิ่นทำกินไปเรื่อยอย่างชนเผ่าของนาง
เต้าเฟยรีบวางตะเกียบตาม เดินไปขวางหน้าเขาไว้ ดวงตาใสแจ๋วของเต้าเฟยทำให้หัวใจของลู่เคอตัวคันยุกยิกนึกรำคาญ ใบหน้าน่ารักมีคราบเขม่าเปื้อนเต็มแก้ม เขาส่ายหน้ายกมือขึ้นเช็ดให้นาง
“ท่านแม่ทัพ”
“ใบหน้าของเจ้าช่างดูไม่ได้”
“ช่างใบหน้าข้าเถอะ จะสวยหรือไม่ก็คงไม่สำคัญ”
“ก็จริงของเจ้า” ลู่เคอตัวตอบกลับสีหน้าที่แสดงออกมีแต่ความเย็นชา พูดจบแล้วก็เดินต่อ
“เดี๋ยวก่อน ท่านจะไปไหนต่อ เข้านอนเลยหรือไม่”
ดวงตาของท่านแม่ทัพหนุ่มเบิกกว้าง “เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่มันเพิ่งผ่านยามเซิ่นมาไม่นาน พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินเจ้าก็ชวนข้าเข้าห้องแล้วหรือ” ลู่เคอตัวถามเสียงขึงดุ
“ถ้าหากเร็วไป ข้ารอให้ย่ำค่ำกว่านี้ก็ได้”
“ข้าจะบอกเจ้าว่า หลังจากนี้ไปห้ามไปหาข้าที่ห้องอีก”
“แต่ข้าเป็นฮูหยินของท่าน ท่านจะหวงตัวไว้ให้ใครกันหรือ”
“ถึงจะเป็นฮูหยินของข้าแต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวข้า กลับห้องของเจ้าไปซะ หากข้าไม่ได้สั่งห้ามเข้าใกล้ข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้า อีกอย่างถึงเจ้าเป็นฮูหยิน ข้าก็สั่งลงโทษได้เหมือนกัน” ลู่เคอตัวบอกเสียงดุดันแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เต้าเฟยหรี่ตามอง ตะโกนตามหลัง “คิดว่าข้าจะยอมแพ้เหรอ ข้ายังมีแผนอีกมากที่จะนำมาใช้พิชิตเตียงของท่าน” ลู่เคอตัวหยุดชะงักแต่ไม่หันมา ก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ
เต้าเฟยเม้มปากแน่น อย่างไรเสียนางก็ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว เมื่อให้คำตอบตัวเองแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา เดินย้อนกลับไปที่โต๊ะอาหาร
“กินเองก็ได้ของพวกนี้คนในเผ่าข้าน้อยนักจะได้ลิ้มลอง” เพราะภาพที่อดอยากแห้งแล้งของคนในชนเผ่าทำให้นางไม่กล้ากินอะไรเหลือ
เผ่าเคอเอ่อร์ซินของนางยามหนาวก็หนาวจับใจ ไร้ฝน ไร้น้ำ ทำให้เพาะปลูกได้ยาก อีกทั้งสัตว์เลี้ยงก็มีจำกัดไม่อุดมสมบูรณ์เฉกเช่นต้าชิง นางอยากให้คนของเผ่านางได้มีกินอย่างอิ่มหนำแบบนี้บ้าง
