บท
ตั้งค่า

วางแผนหนีวิวาห์ 1

“เจ้ากับข้าก็เลยวัยปักปิ่นแล้ว นี่เป็นโอกาสดีได้พบปะผู้คน เจ้าก็น่าจะมองหาคนที่ถูกใจไว้บ้างนะ” เมื่อพิจารณาอายุสหายแล้ว จึงอดที่จะเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีไม่ได้

“บอกแต่ข้า แล้วเจ้าล่ะเจอคนที่ถูกใจบ้างหรือยัง เอ... ข้าเพิ่งได้ข่าวแว่วมาว่าเจ้ากำลังหมั้นหมายกับแม่ทัพจางนี่นา” ไฉ่หงหรี่ตามองสหายรัก ก็เห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาขึ้นมา

“ไม่ต้องล้อข้าเลย เลิกพูดเรื่องนี้แล้วเราไปปล่อยโคมลอยกันเถอะ” ฟางหลิ่งรีบตัดบท เมื่อนึกถึงงานหมั้นหมายที่จะมาถึงโดยที่นางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย ข่าวลือของแม่ทัพผู้นั้นดั่งกระฉ่อนว่าเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต และยังหน้าตาอัปลักษณ์จนไม่มีใครกล้ามองหน้าด้วยซ้ำไป

“เอาสิ” เมื่อไฉ่หงเห็นด้วย ทั้งคู่จึงเดินไปยังลานกว้าง ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับลอยโคมไฟโดยเฉพาะ

บริเวณนี้สว่างไสวเป็นพิเศษ อีกทั้งมีผู้คนมาปล่อยโคมเป็นจำนวนมาก หลิ่งฟางเลือกโคมจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งก่อนจะเล่นเกมไขปริศนาที่ห้อยไว้กับโคม จากนั้นนางก็อธิษฐานก่อนจะปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาคู่หงส์มองตามโคมลอยขึ้นฟ้าด้วยความหวัง...

หวังว่าพรที่นางขอจะทำให้นางสมปรารถนา...

“เจ้าขอพรเรื่องอะไรเหรอหงเอ๋อร์” ฟางหลิ่งที่ปล่อยโคมขึ้นฟ้าเรียบร้อยแล้ว จึงหันมาถามสหายรักด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“เรื่องเช่นนี้ใครเขาบอกกันเล่า เอาเป็นว่าเรื่องที่ข้าขอเป็นความจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าจะมาบอกเจ้าก็แล้วกัน”

ไฉ่หงขยิบตาให้นางอย่างมีลับลมคมใน ทำให้ฟางหลิ่งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพากันเดินดูโคมไฟและไปจุดดอกไม้ไฟ แม้ค่ำคืนนี้พวกนางจะไม่ได้พบปะกับบุรุษเหมือนสตรีบ้านอื่น แต่ก็มีหลายคนที่สนใจพวกนาง ทว่าทั้งคู่กลับไม่ได้สนใจใครเลย เพียงแค่หยอกล้อกัน จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกราและแยกย้ายกลับจวน...

โดยที่ฟางหลิ่งไม่รู้เลยว่า ตนเองตกอยู่ในสายตาของบุรุษที่สวมใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำตลอดเวลา ดวงตาคู่คมมองร่างอรชรด้วยสายตาล้ำลึก ซึ่งบุรุษผู้นี้หาใช่ใครอื่นแต่เป็น ‘แม่ทัพจางเหว่ย’ ว่าที่คู่หมั้นของนางนั่นเอง...

หลังจากงานเทศกาลหยวนเซียวผ่านพ้นไป ฟางหลิ่งก็ได้นั่งหน้าเครียดอยู่ภายในเรือนโม่ลี่ฮวา ของตัวเอง ด้วยสาเหตุมาจากแม่ทัพจางเหว่ยผู้นั้น ได้ส่งของมาหมั้นหมายนาง ซึ่งบิดามารดาตอบรับอย่างไม่ถามความเห็นนางเลยสักนิด ของหมั้นหมายที่ถูกส่งมา ทำให้คนทั้งเมืองเสียนหลัวต่างตกตะลึง และพูดถึงเรื่องนี้ไปได้อีกนาน

เนื่องจากของหมั้นในครั้งนี้ ใช้คนแบกหามมามากกว่าร้อยคน ซึ่งเป็นขบวนยิ่งใหญ่ราวกับประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ว่าฟางหลิ่งบุตรีคนรองของอัครเสนาบดีฝ้ายซ้ายคือคู่หมั้นของแม่ทัพปีศาจ

“คุณหนู ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วเจ้าค่ะ” ไห่ถังสาวใช้อายุมากกว่านางเพียงสองปีเอ่ยบอก พร้อมนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะเล็กใกล้นางอย่างระมัดระวัง ดวงตาคู่หงส์มองสาวใช้ข้างกายที่รับใช้นางมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยด้วยรอยยิ้มบางแม้นางจะอารมณ์ไม่ดีแต่ไม่อาจไปใส่อารมณ์กับคนอื่นได้

“วันนี้มีอะไรทานบ้าง”

ฟางหลิ่งเอ่ยถามพร้อมขยับกายไปใกล้ขึ้น ทว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าแล้วได้แต่เบ้ปาก ตั้งแต่ท่านแม่รับการหมั้นหมายจากแม่ทัพผู้นั้น ก็ให้นางทานอาหารแต่ประเภทผักและน้ำแกงเท่านั้น เนื้อแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำไป เหตุผลของท่านแม่นั้นแสนง่ายมาก ว่าตอนนี้นางต้องลดน้ำหนักเพื่อจะได้สวมชุดแต่งงานที่ตัดไว้ได้

และความจริงนางต้องเป็นคนตัดเย็บชุดแต่งงานด้วยตนเอง ทว่าด้วยความที่ฝีมือของนางจากหงส์ยังสามารถปักออกมาเป็นไก่ได้ ท่านแม่จึงยอมตัดใจสั่งให้ช่างตัดผ้ามาตัดชุดแต่งงานให้แทน และสุดท้ายนางก็ต้องมาควบคุมอาหารอยู่เช่นนี้ นางไม่ได้อ้วนง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย แค่แก้มป่องออกมานิดเดียวเอง เชื่อสิ!

ไห่ถังมองคุณหนูด้วยรอยยิ้มอ่อนใจ ขนาดนางเครียดเรื่องการหมั้นหมายกับแม่ทัพปีศาจ ยังสามารถคีบอาหารเข้าปากได้หมดจานทุกอย่าง ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่สามารถทำให้คุณหนูรองทานข้าวไม่ลงบ้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel