ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว

41.0K · จบแล้ว
หลิ่งฟาง
37
บท
5.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ฟางหลิ่งหญิงสาววัยสิบเจ็ด ที่ปีหน้าต้องแต่งออกให้กับแม่ทัพจางเหว่ยผู้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม อำมหิต มีใบหน้าน่ากลัวจนต้องสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา ข่าวลือดังมาจนทำให้สาวน้อยหวาดกลัว แผนหอบผ้าหนีวิวาห์จึงเกิดขึ้น แผนการของสาวน้อยร้อยเล่ห์จะหนีรอดหรือไม่โปรดติดตามในเรื่อง ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว “บังเอิญจังเจอพี่ชายรูปงามอีกแล้วเจ้าค่ะ” “หลิ่งเอ๋อร์?” “ชู่ว์~~~ เบาหน่อยเจ้าค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้า” ฟางหลิ่งรีบพุ่งเข้าไปใกล้พร้อมยกมือปิดปากพี่ชายสือโถวเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองรอบกายอย่างหวาดระแวง แล้วลากพี่ชายสือโถวมาหลบบริเวณต้นไม้หนาตา ทว่าเมื่อเงยหน้าสบกับดวงตาคู่คมที่มองมา นางจึงรีบเอามือออกจากปากอีกคนอย่างเก้อเขิน “สองวันที่หายไปเจ้าอยู่ที่จวนตระกูลจาง?”

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแม่ทัพจีนโบราณแต่งงานก่อนรักคู่หมั้นชายคู่หมั้นหญิง

ท่านแม่ทัพคู่หมั้นท่านหนีไปอีกแล้ว

เทศกาลหยวนเซียวในปีนี้ ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และดูครึกครื้นกว่าทุกปี เนื่องจากองค์จักรพรรดิทรงจัดงานเลี้ยง ซึ่งอนุญาตให้ขุนนางน้อยใหญ่พาบุตรหลานมาเข้าร่วมงานด้วย ภายในเขตพระราชวังประดับด้วยโคมไฟสีแดงนับพันดวง สว่างไสวไปทั่วบริเวณสวนเหลียนฮวา ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลหยวนเซียวภายในวังหลวงในค่ำคืนนี้

อีกทั้งในงาน ต่างมีการแสดงความสามารถของบุตรหลานขุนนาง หากการแสดงของใครต้องตาต้องใจองค์จักรพรรดิหรือฮองเฮาก็จะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน ภายในงานนอกจากมีโคมไฟที่งดงามแล้ว ยังมีการจุดดอกไม้ไฟฉลอง และตบท้ายด้วยการปล่อยโคมลอยขึ้นฟ้า ซึ่งโคมลอยมีหลายหลากให้เลือกสรร

บ้างก็เป็นดอกไม้หรือไม่ก็สัตว์เล็ก ๆ น่ารักอย่างเช่นกระต่าย ซึ่งลูกหลานขุนนางจะนิยมปล่อยโคมลอยขึ้นฟ้า ส่วนนอกวังหลวงนั้นก็ครึกครื้นไม่ต่างกัน บ้านเรือนทุกหลังต่างประดับโคมไฟสีแดงยาวเป็นทิวแถว ร้านค้าต่างคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีผู้คนมาจับจ่ายมากกว่าทุกวัน

โดยเฉพาะของกินที่ขายดีเช่น น้ำตาลปั้นที่เด็กเล็กอยากกิน ซึ่งต่างก็เรียกร้องให้ปั้นเป็นสัตว์ที่ตัวเองต้องการ อย่างเช่น จิ้งจอกน้อย กิเลน เต่าและมังกร ซึ่งเป็นสัตว์เทพที่พวกเขาเชื่อถือว่าได้กินแล้วเทพเซียนจะอวยพรให้พวกเขาพบกับความสุข ขนมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือขนมบัวลอย ซึ่งเป็นขนมมงคลซึ่งสื่อว่าเป็นการรักใคร่กลมเกลียวกันในครอบครัว

ปีนี้ไม่ใช่ปีแรกที่ ‘ฟางหลิ่ง’ เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ เพราะพี่สาวนางเป็นถึงกุ้ยเฟยขององค์จักรพรรดิ จึงทำให้นางคุ้นเคยกับวังหลวงเป็นอย่างยิ่ง และรู้ดีว่าการจัดงานในครั้งนี้ก็เพื่อให้คนหนุ่มสาวพบปะดูตัวกัน ภายในงานในค่ำคืนนี้มีแสงสีเสียงมากกว่าทุกงาน ทำให้นางตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังต้องระวังกิริยา เพื่อไม่ให้ท่านพ่อต้องอับอาย

ดวงตาเรียวหงส์คู่สวยมองรอบงาน ซึ่งผู้คนต่างประชันความงามมาอย่างเต็มเปี่ยม อาภรณ์งดงามหลากสีสันจนทำให้นางรู้สึกตาลายไปบ้าง อีกทั้งพวกนางต่างก็ประเคนเครื่องประดับทองไปทั้งตัวจนนางรู้สึกหนักแทน แต่จะโทษพวกนางอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะนางเองก็ถูกท่านแม่จับแต่งกายประดับด้วยเครื่องทองจนหนักอึ้งไปทั้งตัวเช่นกัน

“หลิ่งเอ๋อร์” ฟางหลิ่งที่ถูกสะกิดเรียกหันกลับมามอง ดวงตาคู่หงส์เบิกกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสเมื่อเห็นว่าใครที่เอ่ยทักทายนาง

“อ้าว เจ้าก็มาด้วยเหรอ?” ฟางหลิ่งเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น เพราะนางไม่เคยเห็นสหายรักออกงานเช่นนี้เลย

“ท่านพ่อบุญธรรมพาข้ามาน่ะ ข้านึกว่าจะไม่เจอคนรู้จักซะแล้ว ดีจริงที่พบเจ้า” ไฉ่หงบอกด้วยน้ำเสียงเริงร่า ซึ่งฟางหลิ่งก็ส่งยิ้มดีใจไปให้ นางเองก็ดีใจที่พบสหายในงานเช่นนี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

“งานเทศกาลหยวนเซียวปีนี้ พวกเราโชคดีมากที่ได้เข้าวัง ข้าชอบโคมไฟพวกนี้จัง”

“ข้าก็ชอบโคมไฟ เพียงแต่ข้าไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงที่คนเยอะ ๆ มารวมกัน” ไฉ่หงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก นั่นยิ่งทำให้นางสงสัย โดยปกติสตรีน้อยใหญ่พวกนั้นต่างก็ชอบที่จะออกงาน

“ทำไมล่ะ?” ฟางหลิ่งอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“เจ้าก็ดูสิ ขุนนางต่างพาลูกหลานมาในงาน นี่มันงานดูตัวชัด ๆ” ไฉ่หงเอามือป้องปากกระซิบพอได้ยินกันสองคน แต่คำพูดของนางก็ทำให้ฟางหลิ่งหัวเราะเบา ๆ ที่สหายพูดมาไม่ผิดนักหรอก นางเองก็เคยผ่านงานมาหลายครั้งแล้วจึงพอจะรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้บ้าง

“ไม่ดีหรือไง พวกเราเองก็จะได้เปิดหูเปิดตา” ฟางหลิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส

“อาจจะดีสำหรับเจ้า แต่สำหรับข้าไม่ใช่เลย” เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของสหายรักจึงเอ่ยถามอย่างฉงน

“ทำไมล่ะ?”

“ข้ายังไม่อยากออกเรือน” ไฉ่หงบอกสั้น ๆ ฟางหลิ่งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะครั้งแรกนางเองก็รู้สึกอึดอัดมากเช่นกัน เพราะท่านพ่อต้องพานางไปแนะนำให้พวกขุนนางน้อยใหญ่ทั้งหลายได้รู้จัก ว่ายังมีบุตรสาวคนรองที่ยังไม่ยอมแต่งงานอยู่อีกหนึ่งคน