บท
ตั้งค่า

3 เชื้อพระวงศ์ในคุกใต้ดิน

3

เชื้อพระวงศ์ในคุกใต้ดิน

บุคคลที่พึ่งเดินพ้นประตูใหญ่มายังรถม้า ซึ่งจอดรอรับอยู่บริเวณด้านหน้าวังหลวง ก่อนก้าวขาเข้าไปนั่งด้านในด้วยท่วงท่าสง่างาม แม้ภายนอกจะดูสุขุมเงียบสงบ ทว่าตอนนี้ภายในใจกลับร้อนรุ่มด้วยความวิตกกังวลที่มิอาจเปิดเผย

ทันทีที่ร่างสูงพ้นสายตาผู้คนภายนอก ฝ่ามือใหญ่ซึ่งกำลังกำหมัดแน่นและซ่อนเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อผ้าไหมเนื้อดี ทุบกระแทกเข้ากับเก้าอี้บนรถม้าอย่างแรง

ความเจ็บที่ได้รับยังไม่เทียบเท่าความขุ่นมัวในใจ ตั้งแต่เกิดมาจนวันนี้เขายังไม่เคยรู้สึกด้อยค่าเท่านี้มาก่อน เป็นถึงบุรุษอกสามศอกมีอำนาจล้นมือ แต่มิอาจช่วยเหลือสตรีบอบบางที่ถูกพ่อของนางทำร้ายได้

เฉินตงหยาง…หรือที่ทุกคนรู้จักเขาในนามอ๋องเฉิน องค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เฉิน บุรุษหนุ่มผู้เกิดมาพร้อมสายเลือดราชวงศ์เก่า บิดามารดาพี่ชายน้องสาวและเหล่าเครือญาติ ถูกก่อกบฏล้มล้างตระกูลจนเกือบสิ้น

หากครานั้นบรรพบุรุษเขาไม่แพ้พ่ายให้กับกลุ่มขุนนางหน้าเลือดจอมเห็นแก่ตัว บัดนี้บัลลังก์ที่โจวจางเหว่ยกำลังนั่งครองอยู่ต้องตกเป็นของเฉินตงหยางอย่างชอบธรรม

ทว่าฐานะฮ่องเต้ก็ไม่ได้ดึงดูดใจเท่าความสงบสุข ที่ตลอดชีวิตตั้งแต่กำเนิดมาของเฉินตงหยาง ได้พบเห็นแต่ความโกลาหลวุ่นวาย การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อให้เป็นผู้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ควรค่าแก่ตำแหน่งรัชทายาท

การก่อกบฏแย่งชิงหรือการปกป้องบัลลังก์เลือดที่หลายต่อหลายคนต้องมาสังเวยชีวิตให้ มันก็เป็นเพียงแค่เก้าอี้ทองตัวหนึ่ง ที่ถูกแกะสลักลวดลายมังกรประดับไว้เพียงเท่านั้น ใยผู้คนถึงปรารถนาจะขึ้นไปนั่งกันหนักหนา แม้ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อปีนขึ้นไปนั่งบนนั้น จะต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อของพี่น้องในครอบครัวตนเองก็ตาม

ใครอยากครอบครองก็ให้เขาไปเถอะ เฉินตงหยางขอเพียงความสงบสุขในการใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เพียงพอ ทว่าสายเลือดราชวงศ์เก่าที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย ก็บีบบังคับให้เขาต้องเข้ามาเล่นเกมการเมืองนี้อีกครั้ง

แม้อายุจะล่วงเลยวัยกลางคนเข้าไปแล้ว ทว่าโจวจางเหว่ยกลับไร้โอรสสืบต่อราชวงศ์ เหล่าสนมมากมายไม่มีโอกาสให้กำเนิดทายาทได้ ปัญหานี้มาจากสุขภาพร่างกายของฮ่องเต้แคว้นฟู่เป็นสำคัญ มีเพียงพระราชธิดาองค์เดียวคือโจวซูฮวาเท่านั้น แต่นางก็มิอาจครองบัลลังก์ได้เพราะเป็นเพียงแค่สตรี

บุรุษผู้มีสายเลือดมังกรเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ในบัลลังก์นี้ เหล่าอ๋องทั้งหลายจึงมีโอกาสได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นฟู่สืบต่อจากโจวจางเหว่ย ทว่าเฉินตงหยางกลับมีคุณสมบัติเพรียบพร้อมที่สุด อีกทั้งยังมีผู้สนับสนุนมากกว่าผู้ใด

ผู้มีอำนาจบางกลุ่มที่ยึดถือในสายเลือดดั้งเดิม ต่างสนับสนุนให้เฉินตงหยางขึ้นเป็นพระราชา ทวงคืนความยุติธรรมให้วงศ์ตระกูลที่ถูกล้มล้าง

แม้บัลลังก์จะไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดใจ ทว่าหนี้แค้นคือสิ่งที่เฉินตงหยางหมายมั่นเอาไว้ว่าจะชำระคืนให้ได้ และยิ่งเป็นตัวเด่นในกระดานหมากกลุ่มผู้มีอำนาจทั้งหลายจึงเพ่งเล็ง และหาวิธีกำจัดเสี้ยนหนามเยี่ยงเขาให้พ้นทางไปซะ

สิ่งที่เฉินตงหยางทำได้ในขณะนี้คือคอยตั้งรับอยู่ในที่มืดเงียบๆ เพื่อหาจังหวะสวนคืนอย่างถอนรากถอนโคน แม้การตอบโต้กลับจะกลายเป็นการก่อกบฏก็ตาม

“ท่านอ๋อง เป็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

‘เฟยฉี’ องครักษ์ประจำตัวของเฉินตงหยาง ออกปากถามเมื่อผู้เป็นนายขึ้นรถม้ามาเป็นที่เรียบร้อย

“เจ้าถามถึงเรื่องใดล่ะ เรื่องเมื่อคืน หรือเรื่องเมื่อครู่?”

เฉินตงหยางถามกลับด้วยน้ำเสียงแดกดัน นี่ก็เป็นอีกตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพน่าอึดอัดเช่นนี้ แทนที่เป็นองครักษ์ประจำตัวจะคอยสอดส่องระวังภัยให้เจ้านาย กลายเป็นว่าเฟยฉียุยงส่งเสริมให้เขาเดินเข้าไปหาโจวซูฮวาอย่างย่ามใจ โดยไม่พกผู้ติดตามไปด้วย

บอกว่านางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ ไม่มีพิษภัยอันใด เป็นไงล่ะ? พรหมจรรย์ที่ดูแลรักษามาร่วมยี่สิบห้าปีเต็ม มลายหายไปสิ้นเพียงสุราแค่สามจอกเท่านั้น

“แหะๆ เอาเรื่องเมื่อคืนก่อนก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

เฟยฉีหัวเราะแห้งๆ อย่างรู้ความผิด ถึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็พอจะเดาได้ว่าเจ้านายของตนตกอยู่ในสภาพไหน เล่นหายไปทั้งคืนไม่กลับจวนเช่นนี้ จะไปไหนได้ถ้าไม่นอนค้างอ้างแรมที่ตำหนักฮุ่ยหลิง

“ข้าไม่อยากพูดถึง”

“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ แล้วเรื่องเมื่อครู่ล่ะ?”

“ข้าก็ไม่อยากเอ่ยถึงเช่นกัน กลับจวนได้แล้วข้าเพลีย!”

“เอ่อ… พ่ะย่ะค่ะ”

ในเมื่อตั้งใจจะไม่เล่าให้ฟังแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมเจ้านายต้องถามเขาด้วยนะว่าอยากรู้เรื่องไหนก่อน ก่อความอยากรู้อยากเห็นไว้ให้แล้วก็ใจดำไม่เล่าซะอย่างนั้น

สุดท้ายเฟยฉีก็ทำได้เพียงแค่ตัดพ้อในใจ เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้เด็กขับรถม้าออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ตำหนักหนิงหวางที่พักของเฉินตงหยาง ซึ่งตั้งอยู่เกือบชานขอบเมืองหลวง สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติร่มรื่น เงียบสงบราวกับอยู่บนยอดเขาเทพเซียน

ทางด้านของโจวซูฮวา นางถูกคุมขังไว้ในคุกที่ใช้ขังนักโทษต่ำช้า เป็นห้องสี่เหลี่ยมคับแคบอับชื้น ผนังทั้งสามด้านถูกก่อด้วยหินแข็งแรงไร้หน้าต่าง ด้านหน้าเป็นตารางลูกกรงเหล็กมีคราบมันเยิ้ม

ขณะที่บนพื้นมีเพียงเศษหญ้าแห้งกรังและสิ่งปฏิกูลมากมาย สัตว์พาหะสกปรกหลากชนิดวิ่งกันให้เกลื่อน ความมืดมิดรอบกายดูน่าประหวั่นพรั่นพรึง ยังดีที่มีแสงจากโคมไฟที่ตั้งอยู่ห่างๆ ส่องให้ความสว่างริบหรี่ ไม่เช่นนั้นเวลานี้โจวซูฮวาอาจกำลังนั่งร้องไห้

ภายนอกหนาวเย็นตามสภาพภูมิอากาศและฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่าน ทว่าภายในคุกใต้ดินแห่งนี้กลับหนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าพื้นที่เปิดโล่ง เรือนร่างบอบบางนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่บนพื้นหญ้าแห้งตรงมุมห้อง มีเพียงอาภรณ์ขาดวิ่นจากการถูกพระบิดาดึงทึ้งคลุมกาย

โจวซูฮวาทอดสายตาเหม่อมองพื้น เวลานี้หากผู้ใดผ่านมาพบเห็นก็คงคิดว่านางกำลังเศร้าโศก ตัดพ้อน้อยใจบิดาที่กระทำรุนแรง ทว่าความจริงแล้วในหัวใจดวงเล็ก ไม่มีความรู้สึกพวกนั้นอยู่ภายในมาเนิ่นนานแล้ว

ก็อย่างที่บอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โจวซูฮวาถูกกระทำ นางผ่านเหตุการณ์น่าเศร้าน่าน้อยใจมามากมายจนหัวใจดวงนี้ตายด้าน ต่อให้มีความรู้สึกใดๆ บิดานางก็ไม่เคยใส่ใจอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะใส่ใจทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับเขาทำไมเล่า

เวลานี้หัวสมองของโจวซูฮวากำลังขบคิด หาวิธีดำเนินแผนการที่ยังไม่สำเร็จให้ลุล่วง นางต้องการแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินเป็นที่สุด อีกหนึ่งเหตุผลที่พึ่งก่อกำเนิดคืออยากไปให้พ้นจากวังหลวง

ออกไปใช้ชีวิตอิสระอย่างที่ปรารถนา หลีกหนีจากพระบิดาใจยักษ์ที่จ้องจะหาโอกาสทำร้าย วังหลวงแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้โจวซูฮวารู้สึกผูกพัน มีเพียงแต่ความทรงจำเลวร้ายที่อยากจะลืมให้สิ้น

“ได้โปรดพี่ทหาร ขอข้าเข้าไปพบองค์หญิงหน่อยเถอะนะเจ้าคะ”

เสียงเล็กๆ ที่คุ้นเคยดังอยู่ห่างๆ โจวซูฮวารับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นนางกำนัลพี่เลี้ยง ร่างบางถลาลุกไปยืนเกาะแนวลูกกรงชะเง้อคอมองหา ทว่าระยะห่างมีมากเกินไปจึงพานพบแต่ความว่างเปล่าในความมืดมิด

“ไม่ได้!! มีรับสั่งโดยตรงจากฝ่าบาท ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเข้าพบองค์หญิงซูฮวา”

น้ำเสียงเด็ดขาดของทหารยามที่เฝ้าพื้นที่คุมขัง ทำให้โจวซูฮวาหมดหวังจะได้พบหน้าอ้ายชิงในครั้งนี้

“ถือว่าช่วยข้าหน่อยนะ สัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเรา”

มือบางหยิบถุงเงินที่พกติดตัวออกมายัดใส่มือใหญ่ น้ำหนักที่รับรู้ได้ทำให้เกิดความลังเลขึ้น แววตาแข็งกร้าวมีแวววูบไหว มองจ้องดวงหน้าเล็กของอ้ายชิงสลับกับสิ่งที่อยู่ในมืออย่างชั่งใจ

“ข้าให้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น รีบเข้ารีบออก อย่าให้ต้องตามเข้าไปจับเจ้าโยนออกข้างนอก”

“ขอบใจมากเลยเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจที่ดังลอยเข้ามาตามอากาศ ไม่ต่างจากสีหน้าคนที่เฝ้ารอการพบเจออยู่ภายในคุก

อ้ายชิงวิ่งเหยาะๆ เข้ามาจนสุดทาง มีเพียงห้องขังเดียวที่ถูกใช้งานคือห้องของโจวซูฮวา ทันทีที่ทั้งคู่ได้พบหน้าน้ำตาเม็ดเล็กพลันหลั่งไหลอย่างกลั้นไม่อยู่

“อ้ายชิง”

“องค์หญิงของหม่อมฉัน”

ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำสีใส กวาดมองสารรูปดูไม่ได้ของผู้เป็นนายด้วยความเวทนา

ครั้งนี้โจวจางเหว่ยทำรุนแรงกับองค์หญิงของนางเกินไปแล้ว ทำร้ายร่างกายโจวซูฮวาไม่พอยังสั่งขังนางในคุก สถานที่ซึ่งคนที่กระทำความผิดต่ำช้าจริงๆ เท่านั้นถึงจะถูกคุมขัง สายเลือดราชวงศ์สูงศักดิ์กลับได้เข้ามาใช้งาน ทำร้ายทั้งร่างกายและเกียรติของนางไปพร้อมกัน

“เจ็บหรือไม่เพคะ?”

ปลายนิ้วเล็กเกลี่ยไล้มุมปากอิ่มที่มีคราบเลือดแห้งกรังแผ่วเบา ใบหน้าสวยมีรอยช้ำเต็มไปหมดจนอ้ายชิงรู้สึกเจ็บแทน

“ไม่เป็นไรหรอก ข้ามันตายด้านมาตั้งนานแล้ว ห่วงตัวเองเถอะ ข้าไม่ได้อยู่ดูแลข้างนอก มีนางกำนัลชั่วคนไหนมันรังแกเจ้าหรือเปล่า?”

โจวซูฮวารู้ดีว่ายามใดที่นางถูกกักบริเวณและอ้ายชิงต้องอยู่เพียงลำพัง ก็มักจะมีกลุ่มคนใจร้ายมากลั่นแกล้งรังแกนางกำนัลของนางอยู่เสมอ

“ไม่ต้องห่วงเพคะ หม่อมฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้ว รับมือพวกนั้นได้สบาย”

โกหกทั้งเพ! พอคำสั่งขังโจวซูฮวาถูกแพร่สะพัดออกไป อ้ายชิงก็ถูกนางกำนัลตำหนักน้อยใหญ่พากันจับขังในห้องเก็บฟืนด้วย ที่พึ่งได้มาพบเจอองค์หญิงของนางในเวลาค่ำมืดขนาดนี้ ก็เพราะตนเองพึ่งหลบหนีออกมาได้

“ได้ยินเช่นนี้ข้าก็สบายใจ เจ้ารีบออกไปเถอะ เดี๋ยวถูกเสด็จพ่อจับได้จะโดนลงโทษเอา”

“หม่อมฉันจะช่วยพระองค์ได้เยี่ยงไรเพคะ?”

ถึงแม้จะกลัวถูกทำโทษ แต่ความเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายย่อมมีมากกว่า

“ช่วยไม่ได้หรอก ต้องรอเสด็จพ่ออารมณ์ดีขึ้นแล้วตัดสินใจปล่อยข้าเอง”

“มันต้องมีสักวิธีสิเพคะ”

“ไอ้มีมันก็มีอยู่หรอก แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยเหมือนกัน”

ดวงหน้าสวยเศร้าสลดเมื่อนึกถึงสิ่งที่คิดได้ มันยากพอๆ กับการรอให้เสด็จพ่อปล่อยนางออกไป

“วิธีไหนเหรอเพคะ? บอกหม่อมฉันมาเถอะ อย่างน้อยๆ ให้อ้ายชิงได้พยายามช่วยเหลือพระองค์”

“แค่อ๋องเฉินเท่านั้นที่จะพาข้าออกไปได้ เขาต้องยินยอมอภิเษกข้าเข้าจวน แต่เขาก็ลั่นวาจาไว้เด็ดขาดมากว่าไม่ต้องการข้าเป็นชายา”

อ้ายชิงทำสีหน้าคิดหนัก ไม่มีใครไม่รู้ว่าเฉินตงหยางมีจิตใจเด็ดเดี่ยวแค่ไหน หากเขาไม่ปรารถนาจะทำสิ่งใดก็ไม่มีใครบังคับได้ แต่จะปล่อยให้องค์หญิงของนางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อ้ายชิงก็ทนไม่ได้อีกเหมือนกัน

“หม่อมฉันจะช่วยองค์หญิงออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าวิธีใดอ้ายชิงก็จะทำ!”

“อ้ายชิง…”

อ้ายชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตานางดูเด็ดเดี่ยวน่าเชื่อถือ มือเล็กเอื้อมไปจับมือบอบบางของผู้เป็นนาย บีบกระชับยืนยันในสิ่งที่ตนกล่าว

“อดทนรอหม่อมฉันหน่อยนะเพคะ”

“อื้ม ข้าจะรอเจ้า”

สั่งเสียเสร็จสรรพอ้ายชิงจึงรีบหันหลังเดินจากไป โจวซูฮวาทอดสายตามองตามร่างของนางกำนัลคนสนิทจนเลือนลับ ก่อนกลับมาทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมด้วยหัวใจที่เฝ้ารอ ตามที่อีกฝ่ายให้สัญญาเป็นมั่นเหมาะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel