ท่านอ๋อง... อย่าใจร้ายกับข้านักสิ

99.0K · จบแล้ว
NAMIKA
33
บท
11.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

วันนี้ใจร้ายกับข้า วันหน้าระวังตัวไว้ให้ดี! . ​คำเตือน!! กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษชำระไว้ซับน้ำตากันด้วยนะคะ พระเอกนิยายเรื่องนี้อ่อนโยนได้ไม่เกิน 1 วัน . แม้ความรักจะเริ่มต้นด้วยความเจ็บปวด ระหว่างทางมีถลอกปอกเปิกจนหาผิวหนังสมบูรณ์ไม่ได้ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดีนะคะ รับรองรี้ดทุกท่านจะได้ยิ้มทั้งน้ำตาอย่างแน่นอน . ฝ่ายหนึ่งรักจนหมดใจพยายามทำตัวให้อยู่ในสายตา อีกฝ่ายกลับผลักไสทำเหมือนไม่เห็นค่าทว่าภายในใจกลับมีความรู้สึกลึกซึ้ง สงครามการเมืองทำให้อ๋องเฉินมิอาจมีรัก เพราะไม่ปรารถนาจะให้สตรีข้างกายประสบกับอันตรายที่เขากำลังเผชิญอยู่ ขณะที่องค์หญิงซูฮวาพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้เข้าไปอยู่ในใจของบุรุษแสนเย็นชาเยี่ยงเขา คาดหวัง เฝ้ารอ และใฝ่ฝัน จะกะเทาะกำแพงน้ำแข็งในหัวใจด้านชาได้สักวัน โดยหารู้ไม่ว่านางได้เข้าไปอยู่ในนั้นตั้งแต่คืนวันที่ต่างฝ่ายต่างเสียพรหมจรรย์ให้กันและกันแล้ว

นิยายจีนโบราณองค์หญิงท่านอ๋องพระชายาจีนโบราณดราม่า

บทนำ จุดเริ่มต้นของความหวั่นไหว

บทนำ

จุดเริ่มต้นของความหวั่นไหว

“เจ้า! เอาอะไรให้ข้าดื่ม?”

ร่างสูงโปร่งกำยำลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ จ้องมองจอกเหล้าในมือสลับกับดวงหน้างดงามราวเทพธิดาด้วยสายตาตื่นตระหนก มืออีกข้างยกขึ้นกุมทรวงอกที่กำลังเกิดอาการร้อนวูบวาบภายใน สองขาแข็งแรงซวนเซไปมา จนต้องเท้ามือลงบนโต๊ะอาหารประคองร่างกายเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงได้ล้มลงไปกองกับพื้นเป็นแน่

คนถูกถามค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นตาม สาวเท้าเยื้องย่างเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า มือเรียวยกแตะบ่ากว้างแผ่วเบา เลื่อนลูบไล้ไปตามอาภรณ์ผ้าไหมเนื้อดี ขยับใบหน้าประชิดกระซิบข้างใบหูเห่อแดงด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

“ยาปลุกกำหนัด”

‘เฉินตงหยาง’ ผงะกายถอยหลังด้วยความตกใจ ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายปรากฏเม็ดเหงื่อจำนวนมากผุดพรายล้อมรอบ ออกแรงขยับสองขาเดินหนีไปยังบานประตูอย่างยากลำบาก ใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ผลักดันทว่าไร้การเคลื่อนขยับ มันถูกลงกลอนล็อกไว้โดยฝีมือบางคนจากภายนอก

“ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!”

มือใหญ่รัวทุบเขย่าประตูหวังให้มันเปิดอ้าออก ปากก็พร่ำส่งเสียงร้องเผื่อใครสักคนได้ยินและเข้ามาช่วยเหลือ โดยหารู้ไม่ว่าบริเวณโดยรอบสถานที่แห่งนี้ ถูกผู้เป็นเจ้าของตำหนักสั่งให้ทุกคนกระจายตัวออกไปกันจนหมดแล้ว มีเพียงเขาและนางอยู่กันตามลำพังเท่านั้น

“อย่าพยายามเลยเฉินตงหยาง อย่างไรเสียคืนนี้ท่านก็ต้องอยู่กับข้า…ที่นี่!!”

‘โจวซูฮวา’ ปรี่เข้าประชิดกายหนาที่หันกลับมาเผชิญหน้ากับนางพอดี มือบางยันค้ำบานประตูเพื่อกักกันอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้หลบหนี ขณะที่อีกข้างยกขึ้นจับปลายคางได้รูปบังคับให้สองตาคมสบสายตา

หากเป็นสถานการณ์ปกติ เรี่ยวแรงราวกับมดตัวเล็กๆ แค่นี้ไม่มีทางทำอะไรคนแข็งแรงอย่างเขาได้แน่ ทว่าตอนนี้เฉินตงหยางพละกำลังเหือดหายสติรางเลือน อีกทั้งภายในกายเริ่มร้อนรุ่มดั่งถูกไฟแผดเผา เขาจึงพ่ายแพ้ให้กับสตรีตรงหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

“เจ้าต้องการอะไรจากข้า?”

เป็นคำถามที่ดูสิ้นคิดสิ้นดี ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าโจวซูฮวาใช้ยาปลุกกำหนัดกับเขา สิ่งที่นางต้องการคงไม่พ้นเรื่องบนเตียงเป็นแน่แท้

ทว่าเหตุผลนี้เฉินตงหยางจะนึกไม่ถึงก็ไม่ผิด เพราะที่แล้วมาทั้งคู่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันมาโดยตลอด เจอหน้ากันคราใดเป็นต้องปะทะฝีปากกันอยู่ร่ำไป ไม่มีใครทำให้อ๋องเฉินผู้แสนเย่อหยิ่งเย็นชาพูดคุยตอบโต้ได้เกินสิบประโยค มีเพียงโจวซูฮวาตัวแสบเท่านั้นที่สามารถเรียกโทสะจากเขาได้

และเพราะเฉินตงหยางเองก็ไม่เคยมีท่าทีหวั่นเกรงต่ออำนาจของอีกฝ่าย แม้ปัจจุบันตนจะมีศักดิ์ต่ำต้อยกว่าโจวซูฮวาก็ตามที ขณะที่คนอื่นต่างพากันเอาอกเอาใจนางจนออกนอกหน้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่เคยก้มหัวให้นางเลยสักหน เรียกได้ว่าเป็นศัตรูคู่แค้นที่ไม่มีทางลงรอย จนกระทั่งเย็นวันนี้...

โจวซูฮวาส่งจดหมายเทียบเชิญให้อ๋องเฉินมาร่ำสุราที่ตำหนัก ให้เหตุผลว่าอยากขอโทษกับทุกสิ่งที่นางเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้ ต้องการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ในเชิงสหายผู้หนึ่ง ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วปรารถนาจะครอบครองตัวและหัวใจเขาทั้งหมด ในฐานะสตรีผู้กุมหัวใจอ๋องเฉินจอมเย็นชา

จากความเกลียดขี้หน้าแปรเปลี่ยนเป็นรักลึกซึ้งที่มิอาจถอดทอนใจออกได้ ถึงเฉินตงหยางจะปากสุนัขพูดจาสามหาวยโสอวดดี แต่เขากลับออกหน้าปกป้องนางจากคำนินทาของเหล่าธารกำนัลสองหัว ที่ว่าร้ายให้โจวซูฮวาลับหลังอยู่บ่อยครั้ง

สำหรับเฉินตงหยางการนินทาว่าร้ายเจ้านายถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ยิ่งเรื่องราวพวกนั้นไม่เป็นความจริง แต่กลับเอามาพูดใส่สีตีไข่กันอย่างสนุกปากยิ่งไม่สมควรเข้าไปใหญ่ แต่สำหรับโจวซูฮวาที่ไม่เคยได้รับการปกป้องจากผู้ใด นางกลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจจนยากจะลืม

จากความประทับใจเล็กๆ ก่อเกิดเป็นความรักลึกซึ้งในวันนี้ แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้โจวซูฮวาลงทุนทำเรื่องงามหน้าร้ายแรง ถึงขั้นหลอกบุรุษสูงศักดิ์มาวางยาปลุกกำหนัดในคืนนี้

สามวันก่อนหน้าโจวซูฮวาบังเอิญแอบไปได้ยินพระบิดา พูดคุยปรึกษาบางสิ่งกับหัวหน้าขันที มันเป็นเรื่องราวของบุรุษที่นางตกหลุมรัก ฮ่องเต้ประสงค์จะส่งเฉินตงหยางไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับแคว้นอัน โดยการอภิเษกสมรสกับองค์หญิง ‘หลี่เยว่ฉี’ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โจวซูฮวายอมไม่ได้

ครั้นจะออกหน้าคัดค้านในความคิดเห็นของพระบิดา ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำแล้วใหญ่ ผู้คนทั่วทั้งแคว้นรับรู้โดยถ้วนหน้า ว่าแม้จะเป็นพระราชธิดาเพียงองค์เดียว ทว่าฮ่องเต้กลับไม่เคยแสดงออกว่ารักหรือเอ็นดูนางเลยสักนิด ราวกับว่ามิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตน

ทางเลือกเดียวที่โจวซูฮวาคิดได้คือการเอาเกียรติและศักดิ์ศรีที่มี มาฉุดรั้งเฉินตงหยางให้อยู่ที่แคว้นฟู่เคียงข้างนาง อย่างไรเสียฮ่องเต้ที่ยึดถือหน้าตาภาพลักษณ์ของวงตระกูลเป็นที่หนึ่ง ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ราชบุตรเขยทางพฤตินัยของลูกสาว เดินทางไปสมรสกับสตรีแคว้นอื่นเป็นแน่

“ต้องการท่านไง”

โจวซูฮวาใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยไล้ริมฝีปากหยักสีแดงระเรื่อ พลางทอดสายตาจดจ้องอย่างหลงใหล ขณะที่เฉินตงหยางเริ่มคุมสติไม่อยู่

เขามองดวงหน้าสวยปลั่งดั่งจันทราซึ่งลอยเด่นอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่ไม่ชอบขี้หน้านางเข้าไส้ ทว่าเวลานี้สตรีนางนี้กลับดูกระตุ้นความปรารถนาบางอย่างขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“เป็นถึงองค์หญิงแต่กลับทำตัวไร้ยางอาย ข้าไม่แปลกใจเลยที่ฝ่าบาททรงดูรังเกียจมากกว่าเอ็นดูเจ้า!!”

“…!!”

คำพูดร้ายๆ เสียดแทงหัวใจดวงเล็กจนเจ็บแปลบ ใบหน้าสวยสดหมองลงเมื่อนึกตามประโยคเมื่อครู่

ความจริงแล้วถึงโจวซูฮวาจะทำตัวเยี่ยงสตรีไร้ค่าเช่นนี้ หรือจะวางตัวมีเกียรติศักดิ์ศรีคู่ควรกับตำแหน่งองค์หญิงมากเพียงไหน พระบิดาก็ไม่เคยมีความรักให้อยู่ดี

ใช่ว่านางจะไม่เคยทำตัวดีเพื่อเอาใจเสด็จพ่อ ครั้งยังเยาว์วัยได้กระทำมาแล้วทุกรูปแบบ เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ศึกษาใฝ่เรียนรู้จนอาจารย์หลายท่านเอ่ยชมไม่ขาดปาก กิริยาวาจาเรียบร้อยอ่อนหวานดั่งเทพธิดา ข้าราชบริพารทั่วล้าล้วนแสดงความเอ็นดู ถึงมันจะเป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งก็เถอะ

มีเพียงแต่พระบิดาเท่านั้นที่มองโจวซูฮวาด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ชัดเจน โดยที่ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าเพราะเหตุใดกันแน่ แม้กระทั่งตัวนางเองก็ยังไม่เข้าใจจนทุกวันนี้

“อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะอ๋องเฉิน วาจาร้ายกาจของท่านข้าชินเสียแล้วล่ะ”

โจวซูฮวาปรับสีหน้ากลับให้เป็นปกติ นางยิ้มอย่างผู้ถือไผ่เหนือกว่าเมื่อร่างใหญ่ดูอ่อนแรงลงกว่าเดิม เฉินตงหยางเริ่มพยุงตัวยืนต่อไม่ไหว จึงเอนกายหยัดพิงบานประตูเอาไว้ไม่ให้ล้มลงกองกับพื้น

“สตรีหน้าด้าน!”

“…”

“ข้าล่ะสงสารเสด็จพ่อของเจ้าจริงๆ ที่มีบุตรีเยี่ยงนี้”

“…”

“ต่อให้ข้าต้องสิ้นชีพก็จะไม่มีวันรับคนอย่างเจ้าเป็นภรรยา!”

“ด่าจบหรือยัง?”

ถึงจะรู้สึกเจ็บลึกราวกับถูกคมมีดเชือดเฉือน ทว่าโจวซูฮวากลับแสร้งปั้นหน้าทะเล้นคล้ายไม่แยแสกับประโยคดูหมิ่นดูแคลน

ไม่ว่าผู้ใดก็รู้ว่าการถูกส่งไปต่างแคว้นไม่ต่างอะไรกับไปเป็นเชลย ยิ่งสองแคว้นที่มีประวัติการศึกแย่งชิงดินแดนกันมาเนิ่นนานนับแต่อดีตยิ่งแล้วใหญ่ ถึงจะเป็นการไปอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ของอีกแคว้นก็เถอะ

มันมิได้น่ายินดีอย่างที่หลายๆ คนคิด ทำไมโจวซูฮวาจะไม่รู้ พระมารดาของนางเองก็เป็นถึงองค์หญิงแคว้นอัน ที่ถูกบังคับให้มาเป็นพระชายาแคว้นฟู่เหมือนกัน ถึงนางจะสวรรคตไปแล้ว ทว่าความเป็นเชลยก็ถูกสืบต่อมายังผู้เป็นธิดาอยู่ดี

ไม่มีใครยอมรับในสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์นี้หรอก นางรับรู้ได้ผ่านสายตาที่มองมาตั้งแต่จำความได้ ต่อให้ทำตัวดีแค่ไหน ถีบส่งตัวเองให้คู่ควรกับตำแหน่งองค์หญิงแคว้นฟู่มากเพียงใด ก็ได้แค่คำชมจอมปลอมเท่านั้น พอลับหลังก็พูดจาว่าร้ายกันสนุกปาก ดูหมิ่นดูแคลนต่างๆ นานาหาความจริงใจไม่เจอ

เพราะฉะนั้นโจวซูฮวาจะไม่มีวันปล่อยให้บุรุษที่นางรัก ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับนางอย่างแน่นอน การที่เขาได้อยู่ที่นี่อยู่ที่แผ่นดินเกิดของตนแบบนี้ อย่างไรเสียก็ย่อมสบายใจกว่าการไปอยู่ต่างถิ่น ในที่ซึ่งมีแต่คนแปลกหน้า ที่คอยจ้องจะแทงข้างหลังอยู่เสมอแน่นอน

“ยัง! ข้าด่าเจ้าได้ยันดวงอาทิตย์ขึ้นทอแสงที่ปลายขอบฟ้าในเช้าอีกวันเลยล่ะ”

เฉินตงหยางพยายามฝืนความรู้สึกประหลาดที่กำลังเข้าครอบงำจิตใจ เวลานี้เขาปรารถนาจะทำมากกว่าการยืนต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้า ทุกอย่างของโจวซูฮวามันยั่วยวนจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอไม่รู้กี่อึกต่อกี่อึก

ทว่ายิ่งฝืนยิ่งทรมาน ยิ่งต่อต้านยิ่งไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ดั่งลูกนกในกำมือนางพยัคฆ์ ถูกตะปบอยู่ภายใต้อุ้งเท้าขนาดใหญ่ กักกันเขาไว้ในกรงเล็บแหลมคมดั่งใบมีด

“งั้นไว้ข้าแต่งเข้าจวนท่านแล้วค่อยด่าต่อครานั้นก็แล้วกันนะ”

“ใครบอกว่าข้าจะแต่งเจ้าเข้าจวน? ไม่มีวันเสียหรอก!”

“พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวรู้กัน”

“…!!”

“แต่ตอนนี้…ยอมเป็นของข้าเสียเถอะ!”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างมีแผนการคือภาพสุดท้ายที่เฉินตงหยางได้เห็น ก่อนถูกริมฝีปากอิ่มสีแดงชาดประทับปิดกลีบปากหยักได้รูปของตน

จุมพิตแผ่วเบาเพียงปากแตะปากไร้การเคลื่อนขยับ กลับปลุกเร้าด้านมืดที่ข่มกดเอาไว้มาตั้งแต่ต้นให้พังทลายลง ทุกสิ่งอย่างที่พยายามอดทนพังครืนในพริบตา บุรุษแข็งแกร่งมิอาจทำใจหนักแน่นได้อีกต่อไป เมื่อสัตว์ร้ายภายในกายถูกปลุกขึ้นด้วยฤทธิ์ยากระตุ้นกำหนัดแบบเข้มข้น

พละกำลังที่คล้ายจะเหือดหายแทบสิ้น จู่ๆ คืนกลับมาเป็นเท่าทวีคูณ เหยื่อกลายร่างเป็นนักล่า ขณะที่คนเป็นผู้ล่าถอยสถานะกลายเป็นผู้ถูกล่าเสียอย่างนั้น

เฉินตงหยางรวบร่างอรชรเข้าแนบอก บดเบียดริมฝีปากพยายามแทรกใบลิ้นเข้าภายในโพรงปากเล็ก โจวซูฮวาที่ไม่ทันตั้งตัวเบิกตาโพลงอย่างตกใจ พยายามผลักดันร่างใหญ่ออกด้วยอาการตื่นตระหนก

ทว่ากลับถูกท่อนแขนแข็งแรงรัดเอวไว้แน่น ไหนจะฝ่ามือใหญ่ที่กดล็อกท้ายทอยนางไม่ให้หันหนี ทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในอ้อมกอดซึ่งเปรียบดั่งกรงขังขนาดย่อมเท่านั้น

ถึงแผนการในค่ำคืนนี้จะเป็นนางที่วางไว้ตั้งแต่แรก เตรียมตัวเตรียมใจพลีกายมาแล้วแท้ๆ แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดฝัน เป้าหมายเกิดการตอบสนองเกินกว่าที่คาดคิด ก็เล่นเอาสตรีใจกล้าหน้าด้านอย่างนางหวาดหวั่น หัวใจตกตุ้บไปอยู่ปลายเท้า เกิดความกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ

แม้คิดจะหลีกหนีถอยทัพตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว เฉินตงหยางถูกไฟราคะเผาไหม้โดยสมบูรณ์ สิ่งที่ทำได้คือต้องก้มหน้ายอมรับผลจากการกระทำของตน นอนทอดกายให้เขาเชยชมจนกว่าฤทธิ์ยาจะเบาบาง หรือไม่ก็เรี่ยวแรงอีกฝ่ายจะหมดไป

แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน...