บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 โจร? ลักพาตัว?

สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างไม้ผุกร่อนของกระท่อมร้างกลางป่า เสียงใบไม้ไหวคล้ายเสียงกระซิบของวิญญาณ หวงจื่อหานนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งในเงามืด ใบหน้าครึ่งหนึ่งซ่อนใต้หน้ากากสีดำสนิท สายตาเย็นเยียบจับจ้องไปยังร่างดูบอบบางที่ยังไม่รู้สึกตัวตรงกลางกระท่อม

แผนของเขาเกือบพัง หลังจากโจมตีอ๋องติ้งพลาดไปเมื่อช่วงค่ำ ความแค้นแทบลุกเป็นไฟในอก แต่ฟ้าคงยังไม่คิดจะปิดทางเขาทั้งหมด เพราะทันทีที่เขาหลบหนีแยกออกมาได้ เขาก็เห็นสตรีนางหนึ่งเดินลัดเลาะมาทางพุ่มไม้ลึก เงาของนางทอดอยู่ภายใต้แสงจันทร์ ร่างระหงนั้นแม้จะห่างไกลแต่เขากลับจำได้ทันที...ว่าคือนาง

เยี่ยนอวี่ซิน บุตรสาวของตระกูลเยี่ยน ว่าที่ชายาของอ๋องติ้ง

ตอนแรกเขาไม่คิดจะใช้สตรีที่ไม่เกี่ยวอันใดมาเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่ครั้งนี้...เขาไม่มีทางเลือก อ๋องติ้งแข็งแกร่งเกินคาด หากมีนางหลอกล่อมันออกมาเขาคงจะมีโอกาสได้แก้มืออีกครา

“ขอโทษด้วย...คุณหนูเยี่ยน”

เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง สายตามองใบหน้าหวานที่ยังหลับสนิท ขนตายาวสั่นระริกเหนือพวงแก้มบางซีด หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้ามีความทรงจำไม่ดีกับนาง เขาอาจเคยคิดว่านาง...งดงามและน่าถะนุถนอม

จื่อหานยกมือบีบรอยเจ็บที่หัวไหล่เบา ๆ เลือดแห้งกรังทำให้ผ้าคลุมแนบเนื้อหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ หากคืนนี้ไม่รีบเคลื่อนไหว เขาอาจเสียโอกาสไปตลอดกาล

เสียงขยับตัวเบา ๆ ดึงความคิดเขากลับมา ร่างบางบนพื้นเริ่มขยับเปลือกตา เสียงหายใจถี่รัวและสายตาตื่นตระหนกบ่งบอกว่านางฟื้นเต็มตัวแล้ว

เยี่ยนอวี่ซินเบิกตากว้างอย่างสับสน แสงจันทร์จากหน้าต่างทำให้นางเห็นเงาบุรุษชุดดำตรงหน้าได้ชัดเจน

ใจนางเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก พอเห็นสภาพตัวเองที่ถูกมัดมือมัดเท้าก็ยิ่งตกใจ

โจร? ลักพาตัว? ไม่สิ…หากดูจากรูปร่าง ท่าทาง และบาดแผลตรงไหล่นั่น แล้วนึกถึงเนื้อหาในนิยายที่เคยอ่านมา...

ใจนางเย็นวาบ

หวงจื่อหาน! แต่ในนิยายไม่มีบอกไว้ว่าเขาจับนางร้ายในนิยายเช่นนางมานี่นา

อวี่ซินหายใจเข้าออกช้า ๆ ก่อนแสร้งทำสีหน้าตื่นกลัวแบบไม่รู้เรื่องอันใด

“เจ้า...เป็นใครกัน? เหตุใดจับข้า!?”

ในใจนางคิดหาทางหนีอย่างรวดเร็ว นางคิดว่าไม่ควรพูดอะไรแปลก ๆ ที่อาจทำให้เขาสงสัยว่าทำไมนางถึงรู้ว่าเขาเป็นใคร

นับแต่นี้นางจะยึดอะไรกับนิยายที่เส้นเรื่องบิดเบือนไปหมดจนยากคาดเดาได้อีกเล่า...

“ข้า...จะบอกเจ้าไว้ก่อนเลยนะ หากเจ้าหวังเงินทองก็แค่บอกข้าและปล่อยข้าไปเสีย บิดาของข้าต้องให้เจ้ามากเท่าที่ขอได้แน่ เพียงปล่อยข้าไปเท่านั้น”

เสียงของนางพยายามทำให้มั่นคง แม้ในอกจะเต้นแรงด้วยความกลัว นางเล่นละครตบตาว่าตนไม่รู้ว่าเขาได้ไหมไม่รู้ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ดูผ่อนคลายลงกว่าเดิม

จื่อหานมองสบตานางด้วยแววตาไร้อารมณ์ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความรำคาญ

“ใครบอกว่าข้าต้องการเงิน ข้าต้องการชีวิตว่าที่สวามีของเจ้าต่างหาก...”

อวี่ซินทำเป็นตกใจกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะเอ่ยตอบเสียงนางสั่นเทา

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้สำคัญขนาดนั้นด้วยซ้ำ ท่านอ๋องมิได้...ชอบข้าแม้แต่น้อย”

จื่อหานนิ่งไปชั่วครู่ คำพูดของนางทำให้เขาเอะใจโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนจะกลับมาราบเรียบตามเดิม

“หึ เรื่องนั้นข้าไม่ได้ถามเจ้า”

อวี่ซินสะอึกไปหนึ่งจังหวะแต่นางไม่ยอมแพ้ที่จะพูดอย่างไรให้เขายอมปล่อยนางไปให้ได้

“เจ้าเจ้าใจผิดจริง ๆ ข้าไม่ใช่คนที่อ๋องติ้งมีพระทัยให้ หากเจ้าอยากล่ออ๋องติ้งให้มาติดกับควรไปจับซุนตานถิงต่างหาก ไม่ใช่ข้า!”

เขาชะงักมองนางอย่างไม่คาดคิด รอยยิ้มเย็นเฉียบค่อย ๆ คลี่ออก “งั้นหรือ?”

อวี่ซินยังคงพูดต่อแม้ในใจจะเต้นรัวก็ตาม

“ใช่ หากเจ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะพิสูจน์ได้แล้ว...”

จื่อหานขยับเข้ามาใกล้อวี่ซินพร้อมแผ่รังสีกดดันมากขึ้น นางถอยไม่ได้มือทั้งสองยังถูกมัดแน่น ลมหายใจเขาอยู่ห่างเพียงคืบ สองตาจดจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ใกล้เกินไป... นางรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายชัดเจน

“หึ เจ้านี่ช่างพูดมากเสียจริง”

เขาเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะดึงผ้าเนื้อนุ่มผืนเล็กจากชายเสื้อของตัวเองมายัดที่ปากของนางอย่างแน่นหนา เพื่อให้ห้องกลับคืนสู้ความเงียบอีกครั้ง

ดวงตาของอวี่ซินเบิกกว้าง แต่ไม่อาจต่อต้านใดได้มากนัก ได้แต่ส่งเสียงประท้วงเบา ๆ ในลำคอ ขณะชายชุดดำก้าวถอยห่างเดินออกไปนอกกระท่อม เขาหยิบสารมาขีดเขียนส่งถึง อ๋องติ้ง และเขียนข้อความสั้นด้วยเส้นหวัด ๆ

“หากอยากได้ว่าที่พระชายาคืน จงมาคนเดียว ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้เห็นแม้แต่เส้นผมของนาง”

เขาส่งมันให้คนของตนแล้วหันมองกลับไปในห้องอีกครั้ง

...นางใช่คนสำคัญของอ๋องติ้งไหมเดี๋ยวก็รู้กันเมื่อถึงเวลานัดนั่นล่ะ

เยี่ยนอวี่ซินนั่งอยู่บนพื้นไม้ผุของกระท่อมเก่า ร่างกายอ่อนล้าเต็มแก่ แขนขายังคงถูกมัดแน่นค้างท่านี้นานค่อนคืนจนนางแทบไม่รู้สึกแล้ว ดวงตาของนางยังคงจ้องเขม็งไปทางหน้าต่างบานเล็กที่อยู่เหนือหัว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า พื้นสั่นสะเทือนดังมาแต่ไกล เสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ…

หัวใจของนางเต้นแรงจนเจ็บอก

เป็นเขาที่มาช่วยนางแล้วใช่ไหม… ท่านอ๋องต้องมาช่วยนางแน่!

นางสูดหายใจเข้าลืมตาโพลงอย่างมีหวัง สองมือที่กำแน่นพลันคลายออก ทว่าทันทีที่ประตูไม้ถูกเปิดออก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับไม่ใช่คนที่นางเฝ้าคิดถึง

หวงจื่อหานเดินเข้ามาก่อน ตามหลังด้วยชายชุดดำอีกสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นพวกของเขา

“ผิดหวังหรือ?” เขาถามพลางยกยิ้มมุมปาก จ้องนางด้วยสายตาที่เย็นเยียบราวรู้คำตอบอยู่แล้ว “ข้าแค่จะมาบอกว่า... ท่านอ๋องของเจ้ากำลังมุ่งหน้าไปอีกทางหนึ่ง”

“อะไรนะ…” เสียงของนางดังแผ่วเบา ดวงตาสั่นไหวอย่างไม่เข้าใจ

หวงจื่อหานเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวย่อลงให้คุยกับอวี่ซินได้ถนัดขึ้น ก่อนเอ่ยเสียงเนิบช้า

“ข้าส่งสารไปหาอ๋องติ้งแล้ว ขอเพียงให้เขามารับเจ้าคนเดียว ไม่ให้พาคนอื่นมา และเจ้ารู้ไหมว่าเขาทำเช่นไร?”

เขาหยุดครู่หนึ่งคล้ายอยากให้ถ้อยคำถัดไปของตนยิ่งแทงลึก เขาใช้ประโยชน์จากเบาะแสที่อวี่ซินบอกว่าคนสำคัญของอ๋องติ้งคือตานถิงไปจับตัวนางไว้อีกทางด้วย ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาอวี่ซินตอนนี้

“เขาไม่ได้มาช่วยเจ้าด้วยตัวเอง… แต่ส่งคนอื่นมาแทน ส่วนตัวเขาก็ไปช่วยสตรีที่ไม่ใช่ว่าที่ชายาของตนที่อื่น”

โลกทั้งใบของเยี่ยนอวี่ซินเหมือนหยุดหมุนอีกครา นางได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองดังแว่วในความเงียบ เส้นเลือดในอกเหมือนถูกบีบแน่นทีละน้อย ทั้งที่สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่นางคาดไว้อยู่แล้ว

“…อืม แล้วเจ้ามาเพื่อฆ่าข้าหรือ?”

“ไม่หรอก ตามจริงข้าก็ไม่ตั้งใจจะจับเจ้ามาหรอก ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป...”

หวงจื่อหานพูดต่อ แต่สายตาของเขากลับเฝ้ามองใบหน้าซีดเผือดของนางราวกำลังชั่งใจ อย่างน้อยเขาก็ชดใช้ที่ดึงนางมาเกี่ยวข้องด้วยการแสดงให้เห็นถึงความจริงที่บางทีนางอาจจะรู้อยู่แล้ว...

แต่เป็นเขาเองที่อยากทำเช่นนี้เพื่อจุดประสงค์บางอย่างก็เป็นได้

เยี่ยนอวี่ซินไม่ได้พูดตอบไป… นางไม่มีอะไรจะโต้แย้งได้เลย

ก็แน่อยู่แล้ว

ตั้งแต่ต้น เขาไม่เคยทำอันใดที่สื่อว่ารักนางนอกจากเอาแต่มอบของขวัญสร้างภาพ แม้พวกโจรจะหลบออกไปก่อนที่คนของอ๋องติ้งจะมาแล้วอวี่ซินก็ยังไม่อาจกอบกู้เศษเสี้ยงความผิดหวังให้กลับคืนมาได้

องครักษ์ผู้หนึ่งตัวแทนคนของอ๋องติ้งก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นว่าอวี่ซินปลอดภัยก็รีบเข้ามาโค้งคำนับแล้วกล่าวเพียงสั้น ๆ ขณะที่มีคนเข้ามาช่วยแกะเชือดที่มัดออกจากร่างของอวี่ซิน

“ท่านอ๋องทรงให้ข้าน้อยมารับคุณหนูกลับจวน เพราะพระองค์ทรงติดภารกิจสำคัญอยู่พะยะค่ะ”

ภารกิจสำคัญ...

คำพูดง่าย ๆ นั้นแทงทะลุลงกลางอกของนางได้อย่างแม่นยำ

แม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่หัวใจของเยี่ยนอวี่ซินเหมือนแตกเป็นเสี่ยง นางยืนขึ้นช้า ๆ แม้จะเซเล็กน้อยในตอนแรก แต่ทุกท่วงท่าของนางดูนิ่งขรึมจนคนของอ๋องติ้งรู้สึกได้

ใช่… นางควรจะดีใจ เพราะซุนตานถิงคงได้ใจของเขาไปแล้ว และนาง… ก็ควรหลุดพ้นจากเส้นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นนี้เสียที

แต่แล้ว… เหตุใดหัวใจจึงหนักอึ้งปานนี้เล่า?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel