บทที่ 10 จวนตากอากาศส่วนตัวของอ๋องติ้ง
นับแต่กลับจากเหตุการณ์ถูกลักพาตัว เยี่ยนอวี่ซินก็ไม่ได้ก้าวเท้าออกนอกจวนอีกเลย บิดาของนางเข้มงวดยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก
อวี่ซินก็ใช่ว่าจะอยากออกไปไหน เพียงเอนตัวนอนเอกเขนกบนเก้าอี้ตัวยาว ปล่อยให้หงเซียงคอยพัดให้อยู่ใต้ร่มไม้ ใบหน้าซบกับหมอนนุ่ม ดวงตาเหม่อลอย
ทว่าในหัวของนางกลับไม่เคยสงบ
ตำหนักของอ๋องติ้งเงียบงันกว่าที่คิด ไม่มีข่าวคราวใดใดส่งมา มีเพียงกล่องของขวัญล้ำค่าที่ถูกส่งมาทุกเช้าตรงเวลา ไม่พลาดแม้แต่วันเดียว
เมื่อมารดาเปิดหีบของมีค่าหายากในวันนี้ก็ต้องชะงักไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งของอวี่ซิน
“ฝากท่านแม่เอาของพวกนี้และของอื่น ๆ ที่ท่านอ๋องเคยส่งมากลับคืนสู่เจ้าของด้วยเจ้าค่ะ”
“อวี่ซิน...”
มารดานางทำท่าจะทักท้วงแต่พอเห็นสีหน้าหมดอะไรตายหยากของบุตรสาวก็ได้เพียงถอนหายใจเงียบ ๆ ออกคำสั่งให้บ่าวรวบรวมของและเตรียมม้าออกไปเท่านั้น
พอมารดาออกไปจนภายในเขตเรือนของอวี่ซินเหลือเพียงเจ้าของเรือนและบ่าวผู้รู้ใจเท่านั้นความเงียบก็ถูกทำลายลง
“คุณหนูงอนท่านอ๋องหรือเจ้าคะ?” หงเซียงเอ่ยขณะมือก็พัดวีให้ไม่ขาด
“ข้าไม่รู้สึกอะไรกับเขา จะงอนไปทำไมกันเล่า...”
หงเซียงเบ้ปากนิด ๆ พลางเอียงคอ “บ่าวคิดว่าบางทีที่ท่านอ๋องไม่มาเยี่ยมท่านหรือไม่มีข่าวใดเกี่ยวกับท่านอ๋องในช่วงนี้อาจเพราะพระองค์ได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้นะเจ้าคะ...”
“หุบปาก”
อวี่ซินสะบัดเสียงนางไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับบุรุษผู้นั้นทั้งนั้นแหละ เมื่อไล่หงเซียงออกไปแล้วแต่ในใจก็ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตึงแน่นอยู่ในอกอยู่ดี
คิดไปคิดมาช่วงเวลานี้ตามในนิยายที่ตนเคยอ่านก็คงเป็นช่วงที่พระเอกและนางเอกในนิยายเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นที่เลื่องลือในเมืองหลวงแล้ว และก็มีจุดหนึ่งที่ตัวร้ายอย่างอ๋องติ้งมามีบทบาทก็คืออีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ เทศกาลเยว่ฮวาหลัว เทศกาลชมดอกไม้กลางฤดูใบไม้ผลิที่มีขบวนรถดอกไม้ ชิงช้าเสียงเจี๊ยวจ๊าว และโคมไฟนับพันที่ลอยเต็มฟ้า งานจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นถึงดึกดื่นค่ำคืน
และในงานนั้นเอง...อ๋องติ้งก็จะขโมยตัวซุนตานถิงไป ด้วยสองเหตุผลคือ เขายอมไม่ได้ที่สตรีในดวงใจของเขาจะตกไปเป็นของผู้อื่น และเพื่อหลอกล่อจื่อหานให้มาติดกับดักและจัดการปลิดชีพนั่นเอง
เยี่ยนอวี่ซินเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้ว่าหากเรื่องยังเป็นไปตามเดิม สุดท้ายแล้วตนก็จะหลุดพ้นจากการเป็นชายาของอ๋องติ้งแน่นอน
นางไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงมายุ่งเกี่ยวกับนางอย่างที่ไม่มีในต้นฉบับนิยาย แต่ขอเพียงให้ผ่านวันคืนเทศกาลไปนับจากนั้นอวี่ซินก็คงได้รับอิสระเสียที
ใช่...นั่นคือเป้าหมายของนาง
ใต้แสงโคมหลากสีที่ลอยระยิบระยับเหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน บรรยากาศงานเทศกาลเยว่ฮวาหลัวงดงามเกินบรรยาย กลิ่นหอมบางเบาของดอกไม้ล่องลอยในอากาศ คลอเคลียกับเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของผู้คนที่ร่วมเฉลิมฉลอง
เยี่ยนอวี่ซินเดินเคียงข้างมารดา หลัวซื่อเหม่ย ที่เริ่มเหนื่อยจากการเดินนานจนต้องให้เฉียวหนีพยุงนั่งพักใต้ต้นอิ่งฮวาสูงใหญ่ ขณะนั้นเองนางยังคงเดินต่อกับหงเซียง เพราะหนึ่งปีมีครั้ง สตรีหลงยุคเช่นนางมีหรือจะพลาดโอกาสชมเทศกาลนี้ให้ทั่ว
ทว่า...ความสงบสุขของนางก็อยู่ได้ไม่นานเสียแล้ว
“คุณหนูเยี่ยน!”
เสียงหวานเจือความดีใจเอ่ยเรียกจากด้านหลังทำให้อวี่ซินชะงัก หันไปก็พบกับสตรีหน้าตางดงามที่นางจำได้ดีว่าเป็นใคร
ซุนตานถิง!
“ข้าเห็นคุณหนูเดินอยู่ผู้เดียวเลยรีบตามมา” ตานถิงเอ่ยยิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปบอกกลุ่มคุณหนูที่มาด้วยกัน “ข้าอยากให้พวกเจ้ารู้จักคุณหนูเยี่ยน บุตรีของท่านใต้เท้าผู้เก่งกาจตระกูลเยี่ยน”
อวี่ซินแสร้งยิ้มตอบอย่างสุภาพ แต่ในใจกลับเต้นแรงด้วยความไม่สบายใจ นางพยายามปฏิเสธเมื่อถูกชวนให้เดินชมงานด้วยกัน แต่กลุ่มคุณหนูกลับช่วยกันเกลี้ยกล่อม จนสุดท้ายนางก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ตานถิงควงแขนนางไว้แน่นจนแทบไม่เหลือโอกาสให้หลบหนีด้วยซ้ำ
อวี่ซินได้แต่หัวเราะฝืด ๆ แทบร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
...คราวก่อนนางถูกลักพาตัวก็เพราะอยู่ใกล้ตานถิงแบบนี้ ยังไม่ทันไรก็โดนลากกลับเข้าสู่เส้นเรื่องอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัวเสียแล้ว นางพยายามหาจังหวะชิ่งแต่ไม่ว่าทางไหนก็มักถูกตานถิงปัดทิ้งและเกาะแน่นได้อย่างอยู่หมัด
ตานถิงในวันนี้ยิ้มแย้มพูดคุยราวนางคือสหายสนิท ทั้งที่ความจริงแล้วเจอกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น อวี่ซินเดาว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำ...ล้วนเพื่ออยากเกาะเส้นสกุลเยี่ยนเพื่อยกระดับตนเองให้หลุดพ้นจากสถานะอันลำบากในจวนซุน โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอแม่เลี้ยงจอมกดขี่ทุกวัน
นางบอกแล้วอย่างไรว่านิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายโรแมนติก แต่เป็นนิยายที่ชูเรื่องความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของนางเอกในนิยายที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
เดินคุยกันไม่ทันไรควันบาง ๆ ก็ลอยคลุ้งจนแทบมองไม่เห็นอะไรก่อนจะเกิดเสียงโกลาหลขึ้นทั่วสารทิศ
“เกิดไฟไหม้หรือ! เหตุใดควันมากมายเพียงนี้!”
ผู้คนแตกตื่น วิ่งหนีกันอลหม่าน และในความสับสนวุ่นวายนั่นเอง อวี่ซินรู้สึกถึงแรงกระชากจากด้านหลังก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทพร้อมกับสติที่เลือนลาง...
ยามเมื่ออวี่ซินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนถูกมัดมือและเท้า ข้างกายคือตานถิงที่ยังไม่ได้สติ และรอบด้านคือความเงียบสงัดของห้องดูสะอาดตา
ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นผ่านหลังอวี่ซินไปทั่วทั้งร่างทันใด
...นางรู้ดีว่าบัดนี้ตนเองกำลังอยู่ที่ใด
ที่นี่คือจวนตากอากาศส่วนตัวของอ๋องติ้ง ตัวร้ายในนิยายที่ตั้งอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเมืองหลวง...
ดวงตาคู่สวยสะท้อนความไหวหวั่นราวคนที่เหนื่อยล้ากับชะตาที่หลีกไม่พ้นเสียที แม้นางจะดิ้นรนเพียงใดก็ตาม...
ยิ่งหนี...ก็เหมือนยิ่งเข้าใกล้กว่าเดิมเสียอีก...
