บทที่ 7 ข้าชอบเจ้าก็เท่านั้น
“...ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมาเพื่อหมั้นหมายเยี่ยนอวี่ซินอย่างเป็นทางการ”
สิ้นประโยคนั้นที่ออกมาจากบุรุษหน้านิ่งไร้อารมณ์ ห้องทั้งห้องเหมือนหยุดหายใจอย่างพร้อมเพรียง ใต้เท้าเยี่ยนถึงกับตาโต ลุกขึ้นยืนแทบจะไม่ทัน
“ท่านอ๋อง! เรื่องนี้”
“หากตระกูลเยี่ยนปฏิเสธ...” อ๋องติ้งหันมาช้า ๆ น้ำเสียงยังคงเรียบเย็นเช่นเคย “...ข้าย่อมเข้าใจว่าพวกท่านลบหลู่เกียรติข้าและราชวงศ์”
ใต้เท้าเยี่ยนกัดฟันแน่น ยังดีที่ประสบการณ์อยู่กับคนที่รับมือยากมานานทำให้เขาไม่เผลอตะโกนออกไปตรง ๆ ใต้เท้าเยี่ยนชะงักไปชั่วอึดใจในที่สุดก็รีบยืนขึ้นยอบกายรับคำ
“เป็นเกียรติยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อม...กระหม่อมขอบพระทัยพระองค์ยิ่ง!”
เยี่ยนอวี่ซินอ้าปากจะค้านแต่สบเข้ากับสายตาคมกริบของอ๋องติ้งพอดี นางสะดุ้งรีบกลืนคำทั้งหมดลงคอทันที
อวี่ซินไม่อาจสู้สายตาดำลึกล้ำนั่นได้!
อ๋องติ้งพยักหน้า เขาไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้นอกจากหันหลังเดินออกจากห้องด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง
...ราวกับสิ่งที่เขามาทำวันนี้เป็นเพียงแค่เรื่องดื่มชาสนทนาเท่านั้น
เมื่อเขาจากไป...พร้อมองครักษ์น่ากลัวชุดดำทั้งหมดทิ้งไว้เพียงความมึนงงเต็มเรือนและหีบของมีค่ามากมายที่นำมาไม่ต่างจากสินสอดสู่ขอ
อวี่ซินอยากจะหลีกหนีเส้นเรื่องในนิยาย...แล้วนี่มันอะไร! นอกจากไม่หนี ยังดันไปปะทะกับตัวร้ายสุดท้ายของเรื่องเข้าให้อีกต่างหาก!
หลังจากอ๋องติ้งไป ใต้เท้าเยี่ยนก็หันมามองบุตรสาวคนเดียวด้วยสีหน้าเครียดจัด
“หวงจื่อหานพ่อยังพอทน! แต่อ๋องติ้ง!? เจ้าไปทำอะไรใส่ท่านอ๋องคนที่ราชสำนักไม่กล้าแม้แต่จะสบตา! มาถึงขั้นให้เขามาสู่ขอถึงจวนเช่นนี้!”
เยี่ยนอวี่ซินนั่งลงพับเพียบเรียบร้อย กุมมือแน่นสีหน้าหมดอะไรตายอยากไม่ต่างกัน
“ลูกก็ไม่รู้เจ้าค่ะ! ลูกเพียงไม่รู้ว่าเป็นอ๋องติ้ง เลยบังเอิญใช้เขาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะให้คุณชายหวงเลิกยุ่งกับลูกก็เท่านั้น! ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้...”
ใต้เท้าเยี่ยนหลับตาแล้วสูดลมหายใจลึก สองมือเอื้อมจับสองบ่าของบุตรสาวพลางจ้องไปที่ดวงตาสองคู่อย่างจริงจัง
“ฟังพ่อให้ดีนะ เจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหนทั้งนั้น อยู่ในห้องของเจ้าไปก่อน พ่อจะไปกราบทูลฝ่าบาทเอง อย่างไรเราก็ต้องหาทางถอนตัวจากเรื่องนี้ให้ได้!”
เยี่ยนอวี่ซินพยักหน้ารับคำ สีหน้าสำนึกผิดยิ่งนัก...
นางอยากหลีกหนีเส้นเรื่องในนิยายแท้ ๆ แต่เหตุใดโชคชะตาจึงเล่นตลกกับนางนัก! จากที่คิดว่าจะใช้ชีวิตสงบสุขสบาย ๆ เป็นคุณหนูผู้วางตัวดี ไม่ข้องแวะกับพระเอก นางเอก หรือแม้แต่ตัวร้าย...แต่ดูตอนนี้สิ!
นางไม่ได้เข้ามาใกล้เส้นเรื่องหรอก...นางกำลังเดินอยู่กลางเส้นนั้นเลยต่างหาก!
การทำอะไรไม่ได้มากเช่นนี้ทำให้เยี่ยนอวี่ซินเดินกลับมายังเรือนของตนอย่างหมดแรง
ใบหน้างามหมดจดบัดนี้ซีดเซียวเหมือนวิญญาณหลุดลอย…
สู่ขอ…
สู่ขอเสียอย่างนั้น!?
สู่ขอแบบลากองครักษ์ชุดดำมายืนเต็มเรือน ใบหน้าตายด้านไม่แพ้เจ้าของ ไม่ใช่บรรยากาศของการมาขอเจ้าสาวสักนิดเดียว! สมกับที่เขาคือตัวร้ายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อสตรีที่เขารักอย่างนางเอกในนิยายจริงนั่นล่ะ นางได้เห็นกับตาแล้ว...
“คุณหนูเจ้าคะ…ทำอย่างไรดีเจ้าคะ! หากต้องแต่งกับท่านอ๋องจริงๆ ท่านอ๋องจะฟาดตีท่านทุกวันไหมเจ้าคะ!?”
หงเซียงบ่าวคนสนิทที่ตามมาเบื้องหลังก็พล่ามไม่หยุด สีหน้าราวกับจะเป็นลมแทนเจ้านายเสียเอง “ได้ยินว่าท่านอ๋องติ้งมีคุกใต้ดินแยกต่างหากสำหรับสตรีที่พูดมากด้วยนะเจ้าคะ! แล้วท่านยังหน้าดุอีก…อื้อหือ…”
“พอแล้ว…” เยี่ยนอวี่ซินพูดเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยอาการอ่อนล้านางไม่อยากฟังข่าวลือที่มีแต่ทำให้หดหู่อีกต่อไปแล้ว “หากเจ้ายักพูดพล่ามอยู่อีก ข้าจะบ้าตายแน่”
นางเปิดประตูห้องของตนโดยไม่ได้คิดอะไรนัก หวังจะเข้าไปทิ้งตัวบนเตียงแล้วคร่ำครวญกับโชคชะตาเสียหน่อย
แต่ทันทีที่บานประตูเปิดออก เยี่ยนอวี่ซินกลับหยุดชะงัก
สายตาเฉียบคมดั่งมีดเล่มเล็กฉายแววเย็นยะเยือกจากมุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงแหบต่ำที่ทำให้ขนลุกซู่
“หงเซียง เจ้ากลับเรือนไปก่อน ข้าจะ…ข้า…ข้าจะพักผ่อน”
เยี่ยนอวี่ซินผลักตัวของบ่าวที่เพิ่งพูดนินทาบุรุษที่เป็นเจ้าของดวงตามืดมิดให้ไม่ต้องตามนางเข้ามาในห้องอย่างหวังดี
“แต่คุณหนู! บะ...”
“ไป!”
เยี่ยนอวี่ซินรีบตะโกนพร้อมผลักบานประตูปิดทันที ก่อนจะพิงหลังแนบประตูอย่างใจเต้นตึกตัก เมื่อสติกลับมาจากการเป็นห่วงบ่าวปากพล่อยก็จึงพบว่าบัดนี้ในห้องนอนของตนมีเพียงนางและ...เขา
บุรุษร่างสูงในชุดคลุมดำยืนพิงโต๊ะชาอยู่ในมุมมืด ดวงตาคมลึกจับจ้องมาอย่างนิ่งงัน…อ๋องติ้ง
ไม่ดีกระมัง อย่างน้อยนางก็ไม่ควรอยู่ในที่ลับสายตาคน เผื่อว่าเขาอยากฆ่าคนขึ้นมานางได้กลายเป็นศพไร้ศีรษะแน่!
“หากเจ้าเปิดประตูและเดินออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว ข้าจะตัดขาเจ้าทิ้ง”
เขาพูดเสียงเรียบ ขณะที่เดินไปทอดกายยังเตียงนอนของนางอย่างหน้าตาเฉย
เยี่ยนอวี่ซินยืนนิ่งราวรูปปั้น หัวใจเต้นโครมครามแทบทะลุจากอก รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
...บ้าไปแล้ว!
“หมะ หม่อม... หม่อมฉันต้องขออภัย...” นางรีบเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “เรื่องเมื่อวาน หม่อมฉันกล่าวไปเพื่อกันหวงจื่อหานออกไปเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจลบหลู่พระองค์เลยนะเพคะ! หากพระองค์โกรธ…จะให้หม่อมฉันแก้ข่าวอย่างไรก็ยอม!”
อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร แค่ทิ้งตัวเอนหลังลงบนเตียงของนางอย่างถือวิสาสะต่อก็เท่านั้น เขานอนตะแคง ขาข้างหนึ่งงอขึ้นเพราะเตียงเล็กเกินไปสำหรับร่างสูงใหญ่ของเขา
“เตียงเล็กเกินไป ข้ายื่นขาเหยียดตรงไม่ได้” เขาบ่นเบา ๆ โดยไม่ได้สนใจคำพูดของนางเลยแม้แต่น้อย
“...เอ่อ นี่เป็นห้องนอนของสตรี มิควร--”
“อืม...ในอนาคตต้องทำเตียงให้กว้างและยาวกว่านี้”
เยี่ยนอวี่ซินหน้าแดงก่ำเมื่อเข้าใจความหมาย สายตาของนางก็ตกลงที่แผงกล้ามเนื้ออกสีเข้มเล็กน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะรีบหันหลังหนีภาพแผงอกที่โผล่พ้นชุดคลุมเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมสวมให้เรียบร้อย
นางกลืนน้ำลายดังเอื๊อกแล้วสูดลมหายใจเข้าออกอย่างพยายามให้ภาพติดตามหายไปก่อนเอ่ยปากทั้งที่ยังหันหลังอยู่นั่นแหละ
“เอ่อ ท่านอ๋องเพคะหม่อมฉันขอบังอาจถามบางอย่างได้ไหมเพคะ”
“อืม”
“เอ่อ…เหตุใดพระองค์จึงมาสู่ขอหม่อมฉันด้วยเพคะ… หากเป็นเพราะหม่อมฉันทำให้พระองค์เสื่อมเสียชื่อเสียง แทนที่จะทำให้เรื่องยุ่งยากหม่อมฉันก็ยินดีไปจัดการความเข้าใจผิวของทุกคนให้”
โจวเหวินเจียเหลือบตามองแผ่นหลังบอบบางเพียงครู่หนึ่ง ริมฝีปากได้รูปขยับตอบเสียงไม่ดังมากนักแต่กลับก้องในหูของคนได้ยิน
“ข้าชอบเจ้าก็เท่านั้น”
อวี่ซินรีบหมุนตัวหันกลับหลังตาเบิกโพลง
“พระองค์ล้อหม่อมฉันเล่นแน่แล้ว!”
อ๋องติ้งหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่เอ่ยอะไรอีกในทันที เพียงทอดมองนางด้วยแววตาลึกล้ำ ก่อนจะกล่าวอย่างราบเรียบไม่รีบร้อน
“รอดูไปแล้วกัน เจ้ายังมีเวลาอีกมาก...ก่อนจะเป็นชายาข้าอย่างสมบูรณ์”
เยี่ยนอวี่ซินกลืนน้ำลายอึกใหญ่
วาจาราวกับจะเย้ยหยัย เยี่ยนอวี่ซินจับทางไม่ถูกเลยสักนิด ว่าเหตุใดตัวร้ายในนิยายเช่นอ๋องติ้งถึงได้ทำในสิ่งที่ในต้นฉบับนิยายไม่มีเช่นนี้
น้ำเสียงของเขาไม่ได้อ่อนหวาน ไม่ได้อบอุ่น ไม่ได้เหมือนคนที่มีใจในนางเลยสักนิด
อวี่ซินถอนหายใจอย่างจนปัญญาหลังจากที่แขกไม่ได้รับเชิญจากไปแล้ว
ให้ตายเถิด...นางเพิ่งหนีพ้นเป็นว่าที่คู่หมั้นของพระเอกในนิยายมาแท้ ๆ บัดนี้กลับกลายเป็นว่าที่ชายาของตัวร้ายในนิยายเสียได้
