บทที่ 5 ข้าจะรับผิดชอบเจ้า
สตรีนางหนึ่ง…ในสภาพกระโปรงเลอะหญ้า แก้มแดงจัด ริมฝีปากฉ่ำน้ำแดงระเรื่อ ทุกอย่างที่เขาเห็นล้วนไม่ควรจะมีชายใดได้เห็นเลยสักอย่าง
เขาไม่รู้ว่านางเป็นใคร ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงมาทำเรื่องเช่นนี้ตามลำพัง
ใบหน้าของเขานิ่งสนิท ไม่มีแววตื่นตระหนก และไม่มีแม้กระทั่งความเมตตา...
มีเพียงคำเดียวผุดขึ้นในหัว
“น่าสมเพช…”
แม้ดวงหน้าเยี่ยงดอกเหมยแรกแย้มจะงดงามแค่ไหน แต่สภาพของนางในตอนนี้...ก็ไม่ต่างจากภาพที่ทำให้ชายใดต้องถลึงตายล หากเป็นเขาในยามปกติ คงหันหลังเดินจากไปโดยไม่เสียเวลาแม้ครึ่งลมหายใจ
แต่แปลก…ขาทั้งสองกลับไม่ขยับทำเช่นนั้น
“…”
เขายืนนิ่ง สายตาค่อย ๆ ลดต่ำลงมองใบหน้าแดงจัดของหญิงสาวตรงหน้า ลมหายใจของนางยังสม่ำเสมอแล้ว กระโปรงที่เปิดออกปิดแค่ต้นขาทำให้คนมองเช่นอ๋องติ้งขมวดคิ้วมุ่นทันใด
หากใครมาเห็นไม่เพียงแต่ชื่อเสียง แม้แต่ชีวิตก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าจะอยู่รอดในสภาพปกติได้หรือไม่ หากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่รู้ว่าจะสร้างความลำบากให้ใครอีกมากเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นมือข้างหนึ่งก็ยื่นออกไปกระชากร่างบอบบางไร้สติขึ้นพาดบ่าไม่ต่างจากขนกระสอบข้าวด้วยท่าทางมั่นคง แม้ดวงตาเยือกเย็นยังเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจกับการกระทำของตนเองก็ตาม
กลิ่นหอมอ่อนบางจากร่างในอ้อมแขนแตะจมูก เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังให้เขาได้ยินชัดเจน ทุกย่างก้าวที่เดินห่างจากภูเขาจำลองไปยังเรือนรับรองไม่ไกลจากบริเวณนั้นกลับรู้สึกว่าไกลเสียเหลือเกิน
พอถึงที่หมายเขาวางนางลงบนเตียงก่อนจากมาอย่างไม่แยแส เขาออกมานอกห้องรับรองและเอ่ยเสียงเรียบกับใครบางคนที่ไม่เห็นแม้เงา
“สืบดูว่ามาจากตระกูลใด แล้วไปตามบ่าวของนางมา...”
ไม่นาน องครักษ์เงาที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก็กระพือชายชุดรับคำสั่งแล้วหายไปแทบจะทันที
หลังจากนั้นหลายเดือนตระกูลหวงก็ได้รับข่าวใหญ่ที่สร้างความตกใจอย่างยิ่งยวด นั่นคือ ใต้เท้าเยี่ยนส่งสารมาแจ้งว่าขอยกเลิกการหมั้นหมายที่เคยพูดไว้แบบไม่ทางการ
หวงจื่อหานไม่เคยคิดพึ่งพายศฐาบรรดาศักดิ์หรือเส้นสายใดในการไต่เต้าเป็นขุนนาง เขามีคติของตนเองชัดเจนว่าจะยืนอยู่ในราชสำนักให้ได้ด้วยฝีมือและความสามารถ ไม่ใช่ด้วยการแต่งงานดองกับตระกูลใหญ่
ดังนั้น เมื่อข่าวจากฝั่งตระกูลเยี่ยนถูกส่งมาว่าจะ ยกเลิก
เขาก็ควรจะโล่งอกสิ...ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ? แต่ไม่รู้เหตุใด ใจกลับขุ่นมัวอยู่ลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
“กลับกลอก เอาแต่ใจสิ้นดี”
ชายหนุ่มกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะไม้ในห้องหนังสือส่วนตัวในจวน ดวงตาคมหรี่ลงพลางพ่นลมหายใจช้า ๆ
บิดาของเขาแม้จะหงุดหงิดไม่น้อยที่ถูกตระกูลเยี่ยนปั่นหัว แต่เพราะอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอว่าจะให้การสนับสนุนพร้อมมอบหีบเงินให้ไม่น้อย ตระกูลหวงจึงไม่ติดใจเอาความให้เสียให้เสียมิตร
แต่นั่นยิ่งทำให้หวงจื่อหานรู้สึก…ไม่ถูกต้องเข้าไปใหญ่
หรือเพราะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันงานเลี้ยงของจวนไป๋?
ดวงตาของเขาหลุบต่ำเมื่อนึกถึงบางสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับซุนตานถิง… หญิงสาวผู้เลอโฉม ขี้อาย อ่อนหวานอย่างที่ผู้คนร่ำลือ
วันนั้นนางดูผิดแผกไปเล็กน้อย แก้มแดงจัด มือสั่นเล็กน้อยขณะเดินมาชวนเขา นางเอ่ยปากบอกเขาว่าให้ช่วยนางด้วย นางถูกใครบางคนวางยา …นั่นทำให้ระหว่างเขากับนางจึงเกิดความใกล้ชิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
แน่นอน เขาไม่ได้ล่วงเกินนาง แค่แตะต้องเพียงเล็กน้อยเพื่อประคองนางที่เหมือนจะไร้สติประคองสติไว้จนได้ยาแก้พิษก็เท่านั้น
และตอนแยกจากกันนางก็ดูไม่รู้สึกขุ่นเคืองเขาแม้แต่น้อย
แต่...ในฐานะสุภาพบุรุษผู้หนึ่ง หวงจื่อหานย่อมรู้ดีว่าควรรับผิดชอบ
เขายื่นมือไปหยิบกระดาษขึ้นมา ลากพู่กันเป็นตัวอักษรเรียบง่ายลงไป
เชิญแม่นางซุนตานถิงพบข้าที่โรงน้ำชาชั้นสอง ห้องส่วนตัวในยามสายวัน...
เขาพับกระดาษประทับตราและส่งให้บ่าวหนุ่มคนสนิท
“ไป ส่งถึงมือนางโดยตรง”
ถึงเวลา…ต้องจัดการทุกเรื่องให้ชัดเจนเสียที
ณ ห้องรับรองชั้นสองของโรงน้ำชา
หวงจื่อหานนั่งรออย่างสำรวม สีหน้านิ่งเฉยท่าทีเปี่ยมด้วยความสุภาพ มือประคองถ้วยชาขณะสายตาเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างอยู่ตลอดเวลา
บานประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา ร่างของซุนตานถิงในอาภรณ์งดงามปลิวไสวเดินเข้ามาอย่างเนิบนาบ ดวงตาหวานไหวระริกคล้ายกลั้นความตื่นเต้นและเขินอายไม่ไหว
“คารวะคุณชายหวงเจ้าค่ะ” นางย่ออย่างนอบน้อม “ขอบคุณที่ให้เกียรติเชิญข้าน้อยมาพบยังสถานที่งดงามแห่งนี้”
“คุณหนูซุน เชิญนั่งก่อน”
เขาพยักหน้ารับคำก่อนไม่ทันไรก็เข้าเรื่องทันที
“เรื่องวันนั้น ข้าตระหนักดีว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นกับคุณหนู ข้า...มิใช่บุรุษที่ชอบฉวยโอกาส หากเจ้ารู้สึกว่าเสียหาย และต้องการให้ข้ารับผิดชอบ ไม่ว่าในฐานะใดข้าก็จะยอมรับอย่างไม่เกี่ยงงอน”
การที่จื่อหานพูดแสดงความรับผิดชอบเช่นนี้ถือว่าเกินกว่าที่ตานถิงจะคาดไว้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นมีต้นเหตุมาจากฝ่ายนาง เขาล่วงเกินนางเล็กน้อยก็เพียงเพราะต้องการช่วยนาง การกระทำสุดแสนจะสุภาพบุรุษเช่นนี้ทำให้สตรีเช่นนางรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
...แม้ในใจดีใจเช่นไรแต่สิ่งที่แสดงออกต้องไม่ออกนอกหน้า
“ข้า...เข้าใจเจ้าค่ะ เรื่องนั้นหาใช่ความผิดของคุณชายไม่ ข้ามิกล้าเรียกร้องสิ่งใด ข้าเพียงเกรงใจที่ต้องทำให้คุณชายลำบากจึงรับนัดและมาพบเพื่อขอบคุณคุณชายหวงเพียงเท่านั้น”
คำพูดนั้นดูเป็นมารยาท แต่ก็แฝงความหวังอยู่ลึก ๆ ในใจนางว่าบุรุษตรงหน้าจะยืนกรานรับผิดชอบเพราะหลงรักนางแล้วอย่างแน่นอน...
แต่กลับผิดคาดเสียแล้ว
หวงจื่อหานพยักหน้าเบา ๆ อย่างโล่งอกก่อนเอ่ยราบเรียบกลับไป
“เช่นนั้นก็เอาตามที่คุณหนูซุนว่าเถิด ข้าจะถือว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีสิ่งใดติดค้างกัน”
เขาลุกขึ้นทันที ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนางอีกคราแต่เขาก็ไม่ลืมเอ่ยเสริมขณะหันหลังเตรียมจากไป
“หากวันหน้าเจ้าประสบปัญหาอันใด สามารถส่งสารถึงข้าได้ ข้าจะช่วยเท่าที่ทำได้ทันที”
แล้วเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาแม้แต่นิดเดียว
ซุนตานถิงนั่งอึ้งอยู่ในห้อง ท่ามกลางกลิ่นชาที่เริ่มจืดจางลงในอากาศ ดวงตากลมโตเบิกค้าง ความอับอายแล่นวาบขึ้นมาจนร้อนผ่าว
“เขา...เขาปฏิเสธข้า...” นางพึมพำเบา ๆ อย่างเหลือเชื่อ
หญิงสาวหอบหายใจพรืด ลุกขึ้นพลางกำชายกระโปรงแน่นก่อนจะเรียกรถม้ารับจ้างกลับไปยังจวนซุนทันที
ครั้นถึงจวนแล้วเพียงก้าวผ่านประตูซอมซ่อเข้าไปก็เจอมารดาเลี้ยงจิกตาใส่ทันที ขณะที่พี่สาวต่างมารดาฉีกยิ้มเยาะเย้ยอย่างเปิดเผยแบมือยื่นออกมา
“กลับมาแล้วหรือ ถุงเครื่องหอมที่ฝากซื้อเล่า? หรือมัวแต่ซื้อของใช้ของตนจนเงินที่ท่านแม่ให้ไปหมดสิ้น!?”
คำพูดเสียดแทงนั้นทำให้ซุนตานถิงกำกระโปรงแน่น พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นโยนถุงเครื่องประดับที่นางซื้อมาให้ก่อนจะหันหลังเดินหนีกลับห้องในทันที
ชีวิตที่ถูกกดข่มภายในตระกูลซุนแสนจะต่ำต้อยนี้นางเกือบหาทางหนีออกไปได้แล้วเชียว แต่เหตุใดคุณชายหวงถึงดูวางตัวเหินห่างจากนางนักกันเล่า!
วันนี้มีโอกาสได้ตีสนิทคุณหนูจากตระกูลเยี่ยนก็ยังไม่ทันได้คุยมากพอก็ตีตัวออกห่างไปแล้ว วันนี้ยังไม่อาจดึงความสนใจจากคุณชายหวงที่มากความสามารถจนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดาวรุ่งในแวดวงขุนนางได้อีก
นับจากนี้ไม่ว่าต้องทำอันใด ต้องเหยียบย่ำผู้อื่นเพื่อขึ้นที่สูงแค่ไหน ตานถิงคนนี้ก็พร้อมทำมันหมดนั่นแหละ!
