บทที่ 4 นางได้รับพิษกำหนัด
และแล้วร่างของหญิงสาวในชุดผ้าเรียบลื่นสีชมพูอ่อน หน้าตาหวานละมุนก็ก้าวเข้ามาใกล้ สายตาใสกระจ่างมองตรงมายังพุ่มไม้ที่นางหลบอยู่ทำให้อวี่ซินไม่สามารถหน้าด้านแอบต่อได้อีกแล้ว
“คุณหนูผู้นี้...มาทำอะไรหลังพุ่มไม้หรือเจ้าคะ?”
ตานถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่มีแววตำหนิแม้แต่น้อย มีเพียงความประหลาดใจปนเป็นห่วง เป็นนิสัยที่นางตั้งใจสร้างมันต่อหน้าผู้อื่น
อวี่ซินหัวเราะแห้ง ๆ แล้วลุกขึ้นปรับชายเสื้อให้เข้าที่เข้าทางยกมือเกาคออย่างไม่รู้จะวางไว้ที่ไหนดี
“ข้าเอ่อ มาจากตระกูลเยี่ยนน่ะ ...แค่มาเดินเล่น เห็นสวนนี้เงียบดีเลยแวะชมและดันทำของตกก็เท่านั้น มะ--”
“เช่นนั้นก็มาร่วมดื่มชากับพวกเราสิ!”
คุณหนูอีกคนกล่าวเชิญอย่างกระตือรือร้นเพราะได้รู้ว่านางมาจากสกุลใดนั่นเอง นี่คือโอกาสที่เหล่าคุณหนูตระกูลเล็กๆจำต้องคว้าไว้อย่างไม่มีใครเห็นต่าง ไม่แม้แต่ตานถิงที่ตาลุกวาวขึ้นมาวาบหนึ่งเช่นกัน
ก่อนอวี่ซินจะได้ปฏิเสธ บ่าวรับใช้ที่ตามมาก็จัดแจงและนำทางทุกคนไปยังโต๊ะน้ำชาที่ตั้งอยู่กลางลานสวน พุ่มดอกเหมยแซมรอบข้างให้ร่มเงาและกลิ่นหอมอ่อน ๆ
นางไม่ได้อยากยุ่งกับพวกตัวละครหลัก! อย่างไรเสียก็ต้องรีบหาทางตีตัวออกห่างให้เร็วที่สุด
แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ซุนตานถิงดูดีและน่ามอง น่าถะนุถนอมเหลือเกิน...
ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แววตาใสสะอาด รอยยิ้มอ่อนหวาน ทุกกิริยาท่าทางล้วนดูอบอุ่นจนยากจะไม่รู้สึกดีด้วย หากนางเป็นบุรุษก็คิดว่าคงอยากปกป้องด้วยชีวิตไม่ต่างกัน
“คุณหนูเยี่ยนดื่มชาเลิศรสนี้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ ช่วยให้คลายร้อนได้ดียิ่งนัก”
ตานถิงยื่นถ้วยชาในมือตนเองมาให้นางด้วยรอยยิ้มจริงใจ
อวี่ซินฝืนยิ้มรับ รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่เส้นเรื่องมากกว่าที่เคย เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะรีบดื่มและรีบขอตัวออกมา
นางดื่มชาเพียงเล็กน้อยแล้วก็วางถ้วยลง ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างสุภาพด้วยสีหน้าเหมือนคนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้
“ขออภัยทุกท่านด้วย ข้าขอตัวก่อน พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านแม่น่าจะรออยู่”
“อ้าว เสียดายจังเลย...”
ใครบางคนพูดตามหลัง แต่ไม่มีใครรั้งนางไว้ได้หรอก เพราะอวี่ซินไม่รอให้ใครเอ่ยห้ามนั่นเอง
เมื่อหลุดออกมาจากกลุ่มคุณหนูได้ นางก็รีบเดินกลับมาอีกทางและหาที่หลบเฝ้ามองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป แต่จุดนี้มิดชิดกว่าเคย...
ทว่ายังไม่ทันได้นั่งพักดี ร่างกายของนางก็เริ่มรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
มันวูบวาบ...ร้อนจากภายในกาย...
เสื้อผ้าที่สวมอยู่แนบเนื้อเพราะเหงื่อออกมากเกินไปจนรู้สึกอึดอัด มือเล็กสั่นเทา ผิวกายมันร้อนเกินไป
นี่มัน...เกิดอะไรกัน... ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อขาทั้งสองข้างเริ่มหมดแรง ร่างกายหนักอึ้งราวกับจะเป็นลม หัวใจเต้นแรงจนเจ็บอก แววตาเริ่มพร่าเลือนจนมองอะไรไม่ชัดอีกต่อไป
“หรือข้าจะ...ไม่สบาย?” นางพึมพำ ขณะกัดฟันลุกขึ้นเดินออกมาจากพุ่มไม้ ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการรักษาอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันแล้ว
นางต้องไปยังเรือนพักชั่วคราว...แบบนี้ทนอีกไม่ไหวแน่
ขณะอวี่ซินที่แทบไร้เรี่ยวแรงลากสังขารเดินเลียบตามกำแพงหินผ่านมุมสวนอันเงียบสงบนั้น สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเงาคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอยู่ไกล ๆ
ในกลุ่มนั้น...มีบุรุษผู้หนึ่งยืนสูงเด่น ร่างสูงในอาภรณ์สีเข้มสง่างามจนสะดุดตา
หวงจื่อหานคือนามที่นางได้ยินสหายของเขาเรียก แต่อวี่ซินในตอนนี้ไม่อาจไปคุยกับเขาในสภาพนี้ได้อย่างที่ตั้งใจแล้ว
นางรีบเบือนหน้าหนีทันที ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสภาพอ่อนระโหยของตนยามนี้ แต่ก็ชะงักเมื่อจู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงอีกครั้งจนรู้สึกจุกจนร่างทั้งร่างซุดลงที่พื้น !
เมื่อได้เห็นหวงจื่อหานก็ทำให้อวี่ซินนึกบางอย่างได้ขึ้นมา
นางเอกในนิยายจะต้องได้รับยากำหนัดในถ้วยชาที่บ่าวรินให้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นวายที่ทำให้นางเอกและพระเอกตกหลุมรักกัน
หากนึกย้อนไป เมื่อครู่ชาที่นางดื่มก็คือชาในมือของซุนตานถิงมิใช่หรือ !?
ใจดวงน้อยกระตุกวูบ... เช่นนั้นอาการที่นางกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นผลมาจากได้รับพิษกำหนัดไปจากการจิบชาเพียงน้อยนิดน่ะสิ!
ขาเล็กสองข้างสั่นจนแทบทรงตัวไม่อยู่ อวี่ซินกัดริมฝีปาก กวาดตามองหาที่ลับตาคนในสวน แล้วก็ก้าวสะเปะสะปะไปจนถึงด้านหลังของภูเขาจำลองก่อนจะล้มตัวนอนลงอย่างหมดแรง
มุมนี้เงียบสงบ ไม่มีใครผ่าน เหมาะที่สุดแล้ว...
ขณะขดตัวหลังภูเขาจำลองอยู่นั้นแม้มีสายลมพลิ้วผ่าน แต่กลับไม่ช่วยให้ร่างกายของนางเย็นลงเลยแม้แต่น้อย
ไม่ไหวแล้ว...อึดอัดจนแทบบ้า
ในภาวะที่หายใจแทบไม่ทัน ร่างกายกระสับกระส่ายราวกับมีไฟในอกลุกโชน อวี่ซินนั่งทรุดลงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง และ…ในที่สุดก็จำต้องยอมแพ้ให้กับความร้อนเร่าในกาย
หากนางไม่ปลดปล่อยด้วยมือตนเองพอพิษกำหนัดที่แม้มีเพียงน้อยนิดครอบงำสติจนหมดสิ้นนางก็ต้องหาใครมาปลดปล่อยให้อยู่ดี
นางเคยดูคลิปการช่วยตัวเอง หรือแม้กระทั้งการมีอะไรระหว่างชายหญิงมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็น่าจะลองทำตามดูได้
เยี่ยนอวี่ซินกัดฟันแน่น ปลายเล็บจิกต้นขาตนเองจนเกิดรอยทะลุกระโปรงอย่างไม่รู้ตัว ความร้อนที่ปะทุจากจุดกึ่งกลางร่างไล่ลามไปทั่วเหมือนไฟเผาผิวทุกบริเวณ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดจากอก
“ก็แค่...คลายพิษ…หากข้าไม่ทำด้วยตัวเองพิษนี้ต้องเล่นงานให้ข้าไปกระโจนหาผู้อื่นแน่…”
เสียงนั้นสั่นเครือราวกับน้ำค้างต้องลมหนาวและก็เป็นการพูดเพื่อให้ตัวเองลงมือในที่สุด อวี่ซินเอนแผ่นหลังแนบกับก้อนหินเย็นจัด แต่กลับยิ่งทำให้เปลวไฟในร่างลุกโชนยิ่งกว่าเดิม สายลมวูบผ่านโคนขาที่มือข้างหนึ่งยกชายกระโปรงขึ้น ขนทั่วกายลุกชัน นางหลับตาแน่น ปลายนิ้วมือที่ยังเปียกชื้นจากเหงื่อเลื่อนต่ำลงอย่างลังเลเข้าไปใต้กระโปรงของตนเอง
ขณะที่ค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าสู่โพรงฉ่ำน้ำของคนเองก็นึกถึงภาพบางอย่างจากโลกเดิม...ฉากที่หญิงสาวบิดกายบนเตียงด้วยปลายนิ้วของตนเอง
“อ๊ะ อือ...”
มือข้างหนึ่งกุมชายเสื้อบริเวณอกแน่น ส่วนอีกข้างก็ค่อย ๆ ไล้วนแตะต้องจุดที่อ่อนไหวที่สุดของหญิงสาว...อย่างช้า ๆ แม้ลังเลแต่เต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะปลดปล่อยความทุกข์ทรมานในกาย
ปลายลิ้นชื้นแลบลามเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เสียงครางเบา ๆ เล็ดลอดอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อปลายนิ้วกดลงไปยังจุดหนึ่งที่ทำให้นางสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบขึ้นสู่หัวใจ ปลายเท้าจิกเกร็ง ขาเรียวสั่นไหวไม่อาจควบคุม
“อื้ม…อา…”
ยิ่งไล้วน ยิ่งรู้สึกเหมือนสติจะแตกกระจาย มือของนางเริ่มกดแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว จังหวะค่อย ๆ เร่งเร้า ลมหายใจกลายเป็นเสียงหอบหายใจพร่าที่ปะปนไปกับเสียงใบไม้เสียดสี นางกำลังจะหลุดลอย...ความอัดอั้นที่กัดกินใจราวกับคลื่นทะเลซัดถาโถมจนเกือบจะกลืนกินตัวเองไปทั้งร่าง
แล้วในชั่วอึดใจนั้นเอง…ร่างบอบบางก็สะท้านเฮือก ปลายนิ้วกดลึกเข้าไปในโพรงหวานข้างในก่อนจะปล่อยทุกอย่างออกมาเหมือนปลดปล่อยจากพันธนาการ ร่างไหวระริกในห้วงสุขสม กลีบปากเผยอ เสียงครางแผ่วเบาพ่นออกมาราวเสียงกระซิบจากเทพธิดา
อวี่ซินฟุบตัวลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง เปลือกตาปิดแน่น แก้มแดงจัดลามจนถึงใบหู ลมหายใจยังสะดุดเป็นระลอก นางไม่อาจแม้แต่จะยกมือปาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผาก ก่อนจะหมดสติไปในความสุขสมที่เพิ่งได้รับครั้งแรกในร่างใหม่นี้
ทว่า...นางไม่รู้เลยว่า
บนเงาสะท้อนของหินผาเรียบที่อยู่ถัดไปไม่กี่ก้าว มีดวงตาคมดั่งมีดจ้องมองภาพเบื้องหน้าไม่กะพริบ
โจวเหวินเจียหรืออ๋องติ้งแห่งราชวงศ์โจวยืนนิ่ง สีหน้าเย็นเยียบกลับมีแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก เขาไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้ ปลายนิ้วมือข้างหนึ่งกำแน่นราวกับต้องระงับบางอย่างในกาย
เขาเห็นภาพบางอย่างที่ไม่ควรเห็นเข้าแล้ว...
