บทที่ 11 เป้าหมายใหม่ของตานถิง
ภายในห้องทำงานของจวนตากอากาศนั้นเอง ท่ามกลางความเงียบงันมีเพียงเสียงเสียงหมึกหยดลงบนกระดาษ
อ๋องติ้งเอนกายพิงเก้าอี้ไม้ดำ ดวงตาคมนิ่ง ที่เบื้องหน้าเขามีองครักษ์ชุดดำผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่
“รายงานพ่ะย่ะค่ะ” เสียงขององครักษ์เอ่ยเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ “นอกจากเราจะจับซุนตานถิงมาแล้วตามแผนที่วางไว้ยังบังเอิญจับตัวคุณหนูเยี่ยนมาด้วยอีกคนขอรับ”
อ๋องติ้งไม่พูดอะไร เพียงปรายตามองอย่างเย็นชาในทันที
องครักษ์รีบรายงานต่อก่อนจะถูกลงทา “กระหม่อมจะรีบส่งตัวคุณหนูเยี่ยนกลับจวนพ่ะย่ะค่ะ ...บัดนี้ใต้เท้าเยี่ยนเองก็ส่งคนออกตามหาบุตรสาวของเขาทั้งวันทั้งคืนแล้วด้วย”
“ไม่ต้อง เรื่องใต้เท้าเยี่ยนข้าจะเป็นคนไปจัดการเอง” น้ำเสียงเรียบเย็นกระแทกคำพูดอีกฝ่ายจนเงียบกริบ
องครักษ์รีบก้มหน้าซ่อนสีหน้ากระวนกระวายกับสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้ฟังสิ้นเชิง เหตุใดท่านอ๋องถึงเลือกที่จะเก็บคุณหนูเยี่ยนไว้แล้วไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นตามมากันเล่า
อ๋องติ้งยกมือขึ้นลูบขมับตนเองเบา ๆ สายตาทอดมองไปยังม่านที่พลิ้วไหวตามแรงลมจากหน้าต่าง แม้ภายนอกจะแผ่วเบา ทว่าในใจกลับเหมือนคลื่นน้ำวน
เยี่ยนอวี่ซิน...นางไม่ควรอยู่ที่นี่ แต่เขากลับไม่อยากส่งนางกลับไป
ตามแผนของเขาเพียงต้องการจับซุนตานถิงที่ดูเหมือนจะมีสัมพันธ์พิเศษกับจื่อหานมาเล่นงานเขาเท่านั้น อย่างที่เขาเองก็เคยถูกอีกฝ่ายกระทำเช่นนั้นก่อน
เขารู้ดีว่าจื่อหานคือบุคคลสำคัญของสมาคมต่อต้านอ๋องติ้งเช่นเขา หากจะกำจัดทั้งสมาคมให้หมดสิ้นก็จำเป็นต้องกำจัดที่ตัวการสำคัญนี่แหละ
“ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมจัดการคุณหนูซุนอย่างไรหรือพ่ะยะค่ะ?”
“ให้คนดูแลซุนตานถิงตามสมควร อยากได้อะไรก็ให้ไป” เขาเอ่ยเสียงต่ำโดยไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
“แล้ว...คุณหนูเยี่ยนเล่าพ่ะยะค่ะ?” องครักษ์ถามเสียงเบา
“แยกห้องให้ห่าง ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันเลยก็จะดีมาก กันนางไว้อย่าให้ออกนอกห้องก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำสั่งต่อไปเช่นนั้นองครักษ์ชุดดำก็ถอยไปอย่างเงียบงัน ปล่อยให้บุรุษผู้มีอำนาจสูงสุดในจวนยืนเงียบในห้องมืดสลัวลำพัง อ๋องติ้งหยัดกายลุกขึ้นเดินไปยืนที่หน้าต่างสูง มองออกไปยังทิวเขายามค่ำคืนแสงดาวพราวฟ้า ลมหนาวพัดแทรกเข้ามาในอก
เขาไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่... เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกอยากทำความรู้จักสตรีนางหนึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือเป็นเพราะภาพบางอย่างที่ติดตาเขาจนอยากค้นหาให้ลึกมากขึ้นไปอีกกันนะ...
เมื่อดวงจันทร์ลอยสูงเหนือยอดไม้ อ๋องติ้งก็หมุนกายออกจากห้องมุ่งหน้าสู่เรือนพักฝั่งตะวันตกที่เงียบสงบ นัยน์ตาคมทอดมองบานประตูบานนั้นอยู่นานอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
สุดท้ายก็ตัดสินใจหมุนกายเดินจากไป
...บางสิ่งบางอย่างในอกซ้ายของเขาเริ่มสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว
เช้าวันหนึ่ง โจวเหวินเจียเดินทอดน่องปล่อยให้สายลมพัดกลีบดอกเหมยปลิวร่วงผ่านร่างกายกำยำของเขาไป อาภรณ์ดำขลับของเขาพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาคมเข้มกวาดมองเบื้องหน้าอย่างไร้อารมณ์ คล้ายทุกย่างก้าวของเขาไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด
ทว่าอยู่ดีดีร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ทางเดินเบื้องหน้า เป็นซุนตานถิง สตรีรูปงามเป็นหนึ่งในเมืองหลวง ที่ออกมาเที่ยวเดินในสวนของจวนพักตากอากาศหลังกินมื้อเช้าจบไป
“ถวายพระพร ท่านอ๋องเพคะ”
ตานถิงเอ่ยเสียงใสพลางก้มศีรษะอย่างนอบน้อม ดวงหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนหวานแบบสตรีที่รู้จักใช้จุดแข็งของตนเองเป็นประโยชน์
อ๋องติ้งเพียงเหลือบตามองเพียงครู่เดียวก็ตั้งใจจะเดินผ่านไปเลย หากไม่ใช่เพราะคำพูดต่อมาของตานถิงที่รั้งฝีเท้าเขาไว้ได้เสียก่อน
“หม่อมฉันเพียงอยากทูลขอบพระทัยเพคะที่อย่างน้อยก็ให้หม่อมฉันอยู่อย่างไม่ลำบากนัก แม้ว่าจะในสถานะตัวประกันก็ตาม...”
ตานถิงเอ่ยอย่างอ่อนน้อมแต่ก็แฝงไปด้วยคำพูดที่แสดงออกว่านางเข้าใจเจตนาของเขาแต่ไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด
“...”
“หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีธรรมดาเท่านั้น คาดว่าการที่ท่านอ๋องจับตัวหม่อมฉันมานั้นอาจจะทำให้เสียเวลาแล้ว หากจะพอมีน้ำหนักในใจของคุณชายหวงได้นั้นก็ต้องเป็นคุณหนูเยี่ยนอดีตคู่หมั้นเสียมากกว่าเพคะ”
เหวินเจียชะงักชั่ววูบก่อนปรายตามองสบกับตานถิงเป็นครั้งแรก สายตาของเขาเป็นการบอกนัย ๆ ว่าให้นางพูดต่อ
“หม่อมฉันยินดีแทนคุณหนูซุนด้วยที่พอยกเลิกการหมั้นหมายกับสกุลหวงแล้วก็ได้อยู่ในฐานะว่าที่พระชายาของท่านอ๋องเลย เป็นคุณหนูที่เกิดมาในตระกูลเยี่ยนที่สูงส่งและมีบุญมากเพคะ...”
น้ำเสียงของตานถิงดูเหมือนชื่นชม ทว่าแววตากลับทอแสงบางอย่างที่ยากจะอ่านออก
อ๋องติ้งหันกลับมาเล็กน้อย พินิจอีกฝ่ายเงียบ ๆ คำพูดของนางไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ นางกำลังจะบอกว่าหากเขาอยากได้ตัวประกันต่อรองกับจื่อหานควรใช้เป็นคุณหนูเยี่ยนมากกว่า และคงต้องการให้เขาปล่อยนางกลับไป
ทว่าเหตุใดเขาต้องทำตามด้วยเล่าในเมื่อในมือของเขาก็มีปลาที่น่าจะมีประโยชน์ทั้งสองตัวแล้ว...
“ทางที่ดีเจ้าอยู่นิ่ง ๆ เหมือนคนโง่เสียจะดีกว่า บุญคุณคราก่อนที่เจ้าให้ยาถอนพิษก็ถือว่าหายกันไปแล้วกับการที่ข้าช่วยเจ้าไว้ อย่าได้สร้างปัญหา...”
ตานถิงหยักยิ้มจืดเจื่อนเล็กน้อยในขณะที่มองอ๋องติ้งเดินจากไปก็ไม่วายเอ่ยปากราวพูดคนเดียวแต่ก็ทำให้เขาได้ยินเต็มสองหู
“คุณหนูเยี่ยนเป็นสตรีที่เพียบพร้อมและไม่หยิ่งในศักดิ์เฉกเช่นคุณหนูสูงศักดิ์ทั่วไป ถึงขนาดได้ยินว่าก่อนหน้านี้นางลงมือทำขนมด้วยตนเองเพื่อส่งไปให้คุณชายหวงแทบทุกวันแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ขอด้วยซ้ำ...”
ปลายนิ้วของอ๋องติ้งที่สอดอยู่ในแขนเสื้อกระตุกเล็กน้อย ดวงตานิ่งขรึมเริ่มเยือกเย็นกว่าที่เคย ภายในตึงเครียดเหมือนเชือกที่กำลังถูกยืดสุดแรงจากคำพูดเมื่อครู่
...แม้เหวินเจียจะไม่อยากคิดเปรียบเทียบแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิด
เขาส่งของล้ำค่ามากมายให้สตรีผู้นั้น แต่ไม่เคยได้รับแม้แต่ขนมแผ่นเดียวตอบแทน นั่นทำให้ความหยิ่งยโสในใจยากจะอดกลั้นไว้เสียแล้ว
เขาหันมองเจ้าของคำพูดอย่างช้า ๆ ดวงตาคู่นั้นฉายประกายเยียบเย็นแฝงความคุกรุ่นที่แม้แต่ตานถิงก็สัมผัสได้จนผงะถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
“พูดจบแล้วหรือยัง”
ตานถิงชะงักไปเล็กน้อย รีบยอบกายหลบสายตานั้น “เพคะ...หม่อมฉันรบกวนเวลาอขงท่านอ๋องมากแล้ว”
ซุนตานถิงรอจนบุรุษผู้เย็นชาทว่ามากอำนาจจากมาก บัดนี้ในหัวสทองอันแสนชาญฉลาดของนางเริ่มคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้
นางเคยคิดจะยึดโยงอนาคตไว้กับคุณชายหวง คุณชายจากสกุลขุนนางระดับกลางที่กำลังไต่เต้าขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่เมื่อได้มาเห็นกับตาว่าอ๋องติ้งผู้มากอำนาจนั้นมีอำนาจล้นเหลือและสามารถยื่นมือไปไกลมากกว่าเพียงใด นางก็เริ่มเปลี่ยนใจ
นางไม่ได้หวังให้เขาหลงรักตนเสียตอนนี้ ที่นางพูดไปเมื่อครู่เพียงต้องการให้เขาชิงชังเยี่ยนอวี่ซินว่าที่ชายาของเขาเท่านั้น เมื่อตำแหน่งนั้นว่างนางก็ค่อยแทรกตัวเข้าไปทำให้ตนกลายเป็นที่โปรดปรานแทน เท่านี้ก็ได้แล้ว...
