บทที่ 2 ความหวังเล็กๆ
“ท่านบ้าไปแล้ว! ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ยินยอมเสียหน่อย หยาบคายที่สุด”
“เมื่อครู่เจ้าตกลงแล้วว่าจะช่วยงานข้า”
“ก็ใช่ แต่การจูบมันเป็นงานได้อย่างไร?”
“จูบเมื่อครู่เป็นส่วนหนึ่งในงานที่เจ้ารับปากน่ะสิ เจ้านอนรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าอยากดูว่าฤทธิ์ยาที่ข้าปรุงคราวนี้จะเป็นเช่นไร?”
ม่อชิงฉือดิ้นอึกอัก ทั่วร่างกายของเขามีอาการออกร้อนและคันคะเยอไปทั่ว ชายหนุ่มดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียง ไม่นานนักผื่นแดงตามร่างกายของเขาก็แผ่นขยายลุกลาม
“ท่านให้ข้ากินยาอันใด? ข้าร้อนไปทั้งตัวแล้ว ร้อนมากด้วย”
“ยาเม็ดที่เจ้ากินทำให้เกิดอาการร้อนและผื่นคัน รออีกสักนิดให้ลามไปทั่วตัวก่อน ข้าจะให้เจ้ากินยารักษา ข้าอยากจะทดลองดูว่ายาที่ข้าปรุงขึ้นมันได้ผลดีหรือไม่?”
“ท่านมันหมอบ้า! จู่ๆ ก็จับข้าทดลองยาอย่างนี้แทนที่จะไปลองใช้รักษากับคนป่วย หากรักษาข้าไม่ได้เล่า”
“ได้สิ ข้ารับรองว่าข้ารักษาเจ้าได้แน่ แต่ก่อนที่จะข้าจะรักษาคนป่วยผู้อื่น ข้าก็ต้องมั่นใจว่ายาข้าดีแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็หาอาสาสมัครมานานแต่ก็หาไม่ได้สักที กระทั่งมีเจ้าโผล่เข้ามานี่ล่ะ”
“ท่านมันไม่ใช่หมอ ท่านเป็นมารต่างหาก”
“เจ้าเพิ่งรู้เหรอ? ช่างน่าสงสารเสียจริง”
ม่อชิงฉือมองเห็นอู๋หยางเดินไปหยิบตลับหกเหลี่ยมสลักลายสวยงามออกมาเปิดหยิบยาอีกเม็ดขึ้นมาเขาก็ผวา
“ส่งมันมา เดี๋ยวข้าจะกินเอง ท่านไม่ต้องป้อนข้าแล้ว”
อู๋หยางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นยาเม็ดนั้นให้มือปราบหนุ่ม ม่อชิงฉือที่ถูกมัดข้อมืออยู่ ยื่นมือสองข้างไปประคองเม็ดยาแล้วโยนใส่ปาก รออยู่ครึ่งเค่อร่างกายของเขาก็ค่อยๆ คลายความร้อนลง สีหน้าของม่อชิงฉือเปลี่ยนไป
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“มันเย็น....เย็นมาก เย็นจนตอนนี้ข้ารู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว ท่านหมอ ข้าขอผ้าห่มสักผืนได้หรือไม่?”
“ได้สิ อาการเย็นน่าจะเกิดขึ้นอีกสักเค่อ จากนั้นผื่นแดงทั่วตัวของเจ้าก็จะค่อยๆ ลดลง” อู๋หยางพูดพลางหันไปมองดูผ้าห่มที่เขาวางไว้บนเก้าอี้ยาวใกล้ปลายเตียง
ปากของม่อชิงฉือสั่นเล็กน้อย อากาศยามดึกก็เย็นอยู่แล้ว ยามนี้นอกจากเขาจะมีเพียงเสื้อและกางเกงตัวบางติดกาย ยังถูกพับแขนเสื้อและขากางเกงจนสูง เมื่ออู๋หยางคลี่ผ้าห่มนวมคลุมร่างกายให้ ม่อชิงฉือก็คลายความหนาวไปได้บ้างแต่ก็ยังปากคอสั่น
“ท่าทางเจ้าจะหนาวกว่าที่ข้าคาดเอาไว้”
“ข้าหนาว ข้าหนาวมาก หมออู๋ ท่านไปหาผ้าห่มมาให้ข้าอีกสักผืนเถอะ”
“ในห้องนี้มีผ้าห่มผืนเดียว เอาเป็นว่าข้าช่วยเจ้าเพิ่มความอบอุ่นก็แล้วกัน” หมอหนุ่มนั่งลงข้างๆ แล้วโถมตัวเข้ามากอดร่างที่อยู่ในผ้าห่มนวมเอาไว้
“ท่านถอยไป! ข้าอยากได้ผ้าห่ม ไม่ได้ต้องการให้ท่านกอด”
“ในยามนี้ ตัวข้านี่ล่ะที่อุ่นที่สุดสำหรับเจ้า”
แม้ม่อชิงฉืออยากจะเถียงใจแทบขาดแต่นั่นก็เป็นความจริง ร่างกายของอู๋หยางที่หนาและล่ำกว่าเขาพอสมควรก็อุ่นจริงอย่างที่เขาอ้าง มือปราบหนุ่มหนาวจนตัวสั่นจำยอมให้อู๋หยางกอดตนเอาไว้
เมื่อเห็นว่าร่างของบุรุษในผ้าห่มหยุดดิ้นรน อู๋หยางก็ยิ้มบางๆ
“เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
“ดีแล้ว ท่านปล่อยข้าเถิด ข้าเริ่มอุ่นจนร้อนแล้ว”
อู๋หยางคลายอ้อมกอดแล้วเปิดผ้าห่มดูที่แขนและขาของม่อชิงฉือ พอเห็นว่าผื่นแดงหนาเป็นปื้นค่อยๆ ลดลงก็ดีใจ
“ยาของข้าได้ผลแล้ว”
ใบหน้าของอู๋หยางเหมือนจะยื่นเข้ามาจูบเขาอีกคราหนึ่ง ม่อชิงฉือเห็นเช่นนั้นก็ร้องโวยวายพยายามจะใช้ขาและมือดันร่างของคนรูปงามให้ถอยห่างออกจากตนเอง
“ถอยไป! ถอยไปนะ!”
พลันต้นแขนของเขาก็ถูกบีบและเขย่าอย่างแรง
“พี่ชิงฉือ! ตื่นเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ให้ข้ามาปลุก”
ม่อชิงฉือลุกขึ้นนั่งด้วยหน้าตาเหลอหลา เขายกมือตบอกตนเองเบาๆ สองสามครั้ง
“ท่านพี่กำลังฝันอันใดหรือ? เห็นร้องด่าเสียงดังลั่น”
“เอ่อ....ข้า...ข้าฝันร้ายน่ะ”
“เมื่อวานท่านก็ฝันแบบนี้นะเจ้าคะ ฝันติดๆ กันสองวันแล้ว เมื่อวานก็ไปไหว้เจ้าแล้วนี่? เหตุใดจึงยังฝันร้ายอยู่อีก?”
ม่อชิงฉือหน้าเสีย เมื่อวานที่เขาฝันเห็น ดูน่ากลัวกว่านี้ เขาฝันว่าตนเองกับท่านหมอผู้นั้นเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกัน เขาถูกอู๋หยางอุ้มขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องหอ อู๋หยางถอดเสื้อผ้าของตนเองออกแล้วหันมายิ้มให้กับเขา ดวงตาของคนผู้นั้นดูหื่นกระหาย ซ้ำยังพูดจากสองแง่สองง่ามกับเขาอีกหลายประโยค เขาถูกอู๋หยางกอดจูบและถูกล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อลูบไล้หน้าอก ตอนนั้นเองที่เขาตะโกนห้ามออกมา และก็เป็นน้องสาวของเขาที่ปลุกให้ตื่น
...นับวันความฝันของเขาก็ยิ่งมีแต่เรื่องแนบชิดร่างกายกับอีกฝ่าย...
“ข้าอาจจะรีบไหว้รีบกลับ เดี๋ยววันนี้จะลองไปอีกที” ม่อชิงฉือนึกถึงเรื่องเมื่อวานตอนเย็น เป็นเพราะคนผู้นั้นแท้ๆ ทำให้เขาต้องรีบไหว้แล้วรีบกลับ
“ดีเจ้าค่ะ อย่าลืมสวดมนต์ด้วย”
จูบนั้น...ทำให้ความคิดและความรู้สึกของมือปราบหนุ่มเปลี่ยนไป
ม่อชิงฉือเคยคิดว่าสักวันเขาจะได้แต่งงานกับสตรีน่ารักและสงบเสงี่ยมสักคนที่จะมาช่วยดูแลมารดา แต่ในความเป็นจริงครอบครัวของเขาไม่มีทรัพย์สินใดหลงเหลืออยู่นอกจากเบี้ยหวัดจากอาชีพมือปราบและค่าจ้างของม่อเสี่ยวถงผู้เป็นน้องสาวที่ไปทำงานเป็นลูกมืออยู่ในร้านขายยาสมุนไพร
‘เงินเก็บข้ายังไม่มีเลยสักตำลึงเพราะเสี่ยวตี้ยังต้องร่ำเรียนในสำนักศึกษา ไม่รู้จะเก็บเงินได้พอค่าสินสอดยามใด?’
สหายที่ทำงานมือปราบด้วยกันมาตั้งแต่อายุสิบหกล้วนทยอยแต่งงานไปทีละคน ยามนี้คนอายุรุ่นราวราวเดียวกันก็เหลือเขาเพียงคนเดียวที่ยังเป็นโสด
“พี่ชิงฉือ ท่านเหม่ออันใด? ตั้งแต่กลับมาจากศาลเจ้า ข้าเห็นท่านใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
“ข้ากำลังคิดเรื่องเงินเก็บอยู่นะ”
น้องสาวนั่งลงยกมือขึ้นแตะแขนคนเป็นพี่เบาๆ
“ท่านพี่อย่าคิดมากเลย ปีนี้เถ้าแก่ให้ค่าแรงข้าเพิ่มด้วยเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะเก็บไว้จ่ายค่าเรียนของเสี่ยวเหอตี้เอง เงินของท่านพี่ก็เก็บเอาไว้เป็นค่าสินสอดเถิด ข้าเองก็อยากให้ท่านพี่ได้แต่งงานเสียที”
ม่อชิงฉือยิ้มน้อยๆ “อืม....หากข้าแต่งงานก็จะได้มีคนมาช่วยดูแลท่านแม่และดูแลบ้านแบ่งเบาภาระให้เจ้า”
ม่อเสี่ยวถงยิ้ม นางรู้สึกเห็นใจพี่ชายที่ได้แต่มองสหายมีคนรักและแต่งงานไปทีละคน
“ปีนี้ ท่านพี่ก็มองหาสตรีที่ถูกใจเอาไว้ได้แล้วเจ้าค่ะ รู้จักและสนิทสนมกับนางเสียก่อน หากว่านางมีใจกับท่าน อีกปีสองปีท่านก็จะได้แต่งงาน”
“อืม....” มือปราบหนุ่มอมยิ้มกับการวางแผนของน้องสาว ทว่าจู่ๆ ใบหน้างดงามผุดผ่องของคนผู้หนึ่งก็ทำให้เขาต้องหุบยิ้ม
....อู๋หยาง เจ้าหมอบ้าคนนั้นไม่น่าจูบเขาเลยจริงๆ....
“จริงสิ ท่านพี่ อีกไม่นานก็จะเป็นงานแต่งของหัวหน้ากู้แล้วนี่? เมื่อเช้าตอนไปตลาดข้าเห็นพวกเขาสองคนเดินกระหนุงกระหนิงกัน น่าอิจฉานัก หัวหน้าของท่านดูเอาใจว่าที่ภรรยาน่าดู”
“อืม...หัวหน้ากู้ถึงกับเปลี่ยนให้หวังฮั่นมาอยู่เวรลาดตระเวนกับเขา แต่ละวันก็ออกไปทำงานด้วยกันอย่างหวานชื่น”
กู้เจิ้งจีหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามเปิดเผยว่าตนเองชอบบุรุษและคู่รักของเขาก็คือหวังฮั่น มือปราบหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานด้วยได้ไม่นาน แม้ทุกคนจะตกใจแต่ก็ยอมรับในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
สุดท้าย...หัวหน้ากู้ก็เฉลยว่าอนุภรรยาที่เขาแต่งงานด้วยแท้จริงก็แต่งกันเพียงในนามเพื่อช่วยให้นางได้รอคอยคนรัก กู้เจิ้งจีเลิกรากับหลิงจือผู้เป็นอนุภรรยาแล้วประกาศจะแต่งงานกับหวังฮั่น
เรื่องมันช่างเกินคาด ม่อชิงฉือไม่เคยคิดมาก่อนว่าหัวหน้ากู้จะเป็นต้วนซิ่ว แม้การแต่งงานระหว่างบุรุษในแคว้นหมิงยามนี้จะมีเกิดขึ้นแล้วหลายคู่ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มต่อต้าน
‘หากเป็นข้ากับอู๋หยางเล่า?’
ชายหนุ่มกระหวัดถึงการกอดจูบระหว่างตนกับอู๋หยางในความฝัน พลันเขาก็พยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเสีย
....สตรีเท่านั้น เขาควรจะแต่งงานกับสตรี...
*********************