บทที่ 1 แรกพบ (5)
“แม่นางไม่ต้องเกรงใจ พ่อค้าหน้าเลือดผู้นั้นสมควรได้รับการสั่งสอน นี่กำไลของเจ้า ข้าคืนให้”
เยว่ชิงยื่นมือออกไปเพื่อรับกำไล ทว่าคนผู้นี้กลับไม่วางกำไลใส่มือนาง แต่เขาถือโอกาสสวมกำไลให้นางแทน เพียงเท่านั้นหัวใจดวงน้อยของนางก็เต้นระรัว กระไออุ่นจากฝ่ามือทำให้เลือดลมในร่างกายของนางวิ่งพล่าน
“ข้าถอดมันออกมาจากข้อมือเจ้า ข้าต้องสวมมันกลับไปให้เจ้า”
ไม่เห็นต้องทำถึงเพียงนี้เลย แม้นางอยากพูดเช่นนี้แต่นางก็พูดไม่ออก
“ขอบคุณคุณชาย” นางหยุดแค่นั้นเพราะไม่รู้จักชื่อแซ่ของเขา เมื่อครู่นางได้ยินพ่อค้ารายนั้นเรียกเขาอยู่ แต่ก็ได้ยินไม่ถนัดเพราะเสียงจอแจของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
“ว่าแต่เจ้ามาจากไหนหรือ? ข้าไม่ยักจะเคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน”
แน่นอนว่าเขาเป็นพวกชอบเสพความงาม สาวงามทั่วเทียนโจวล้วนแล้วแต่เคยผ่านสายตาของเขาทั้งหมด แต่ยังไม่เคยมีสตรีนางไหนที่น่าสนใจเท่ากับสตรีนางนี้
นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวราวกับมีดวงดาวอัดอยู่ในนั้น จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงระเรื่อน่าจุมพิต ผิวขาวลออราวกับหยกชั้นเลิศ แค่เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึงจนไม่อาจละสายตาไปจากนางได้ แน่นอนว่าเขาไม่เคยจ้องมองสตรีนางไหนนานเท่ากับสตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาในตอนนี้
ยิ่งมองก็ยิ่งงดงามตรึงตราตรึงใจยิ่งนัก
“ข้ามาจากหมู่บ้านหุบเขาวงจันทรา ท่านพ่อพาข้ามาเยี่ยมสหายน่ะ” เยว่ชิงบอกไปตามตรง
“ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อแซ่อะไรหรือ?”
“ท่านพ่อไม่อนุญาตให้ข้าบอกชื่อแซ่กับคนแปลกหน้า” นางรีบอ้างบิดาทันที ทั้งนี้นางไม่อยากให้เขารู้จักชื่อแซ่ด้วยเกรงว่าเรื่องที่นางก่อไว้จะรู้ถึงหูบิดา “ว่าแต่คุณชายเถอะ ท่านมีชื่อแซ่อะไรหรือ”
“ในเมื่อแม่นางไม่บอก ข้าคงบอกไม่ได้เช่นกัน” เขากล่าวยิ้ม ๆ อย่างเป็นมิตร
“แม้แต่ชื่อแซ่ของท่านก็เป็นความลับหรือ?” หญิงสาวนิ่วหน้าถาม
“เปล่า” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “แต่ข้าไม่อยากขาดทุน เจ้าไม่บอก ข้าไม่บอก เราได้เสมอกันอย่างไรเล่า”
ได้ยินเช่นนั้นเยว่ชิงก็ทำหน้ายุ่ง “แบบนี้ข้าจะตอบแทนคุณชายได้อย่างไร”
“แม่นาง ข้าช่วยเหลือคนไม่เคยคิดหวังผลตอบแทนใด ๆ อีกอย่างเจ้าพ่อค้าหน้าเลือดนั่นชอบขูดเลือดขูดเนื้อกับคนต่างถิ่น สมควรแล้วที่เจ้าหมอนั่นถูกสั่งสอน”
ไม่คิดเลยว่านางจะโชคดีได้พบเจอคนดีแบบนี้ ท่านพ่อพร่ำสอนนางเสมอว่าในเมืองมีคนหน้าเนื้อใจเสือมากมาย และนางก็เพิ่งประสบกับตัวไปเมื่อครู่ ยังดีที่ได้ผู้ถือคุณธรรมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ นางถึงรอดมาได้
“ท่านช่างมีน้ำใจประเสริฐนัก”
“แม่นางชมเกินไปแล้ว” หยวนซือยิ้มบาง ซึ่งรอยยิ้มของเขาทำเอาเยว่ชิงถึงกับมองตาละห้อย
เขาช่างเป็นบุรุษรูปงามที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมเสียจริง ๆ หากนางได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กับคนผู้นี้คงจะดีไม่น้อย... เยว่ชิงใจลอยวาดภาพในหัวไปไกลแสนไกล
“พ่อค้านั่นไม่ตามเราแล้ว”
“ดีจริง ข้าจะได้เที่ยวชมเมืองต่อ”
“ว่าแต่แม่นางพักที่ไหนหรือ เดี๋ยวข้าไปส่ง” หยวนซืออาสา อย่างน้อยเขาก็ควรรู้เรื่องของนางบ้าง
“ข้ายังไม่กลับโรงเตี๊ยมตอนนี้หรอก ข้ายังอยากชมเมืองอีก”
“เช่นนั้นข้าจะเดินเป็นเพื่อนแม่นาง” ชายหนุ่มอาสาอีกครั้ง ยิ่งนางทำตัวลึกลับ เขาก็ยิ่งอยากรู้จักนางมากขึ้น
“ไม่เป็นไร ข้ายังมีธุระอื่นอีกที่ต้องไปทำ ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ ข้าลาล่ะ” นางยกมือคารวะเขา จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาเหินลงจากหลังคาไปเก็บหมวกที่หล่นอยู่ที่ระเบียงของโรงเตี๊ยม พอสวมหมวกปิดบังใบหน้าเหมือนเดิมแล้วนางก็เดินจากไป
หยวนซือยังยืนนิ่งอยู่บนหลังคา สายตาคู่คมของเขาจับจ้องหญิงสาวที่งดงามจับใจชนิดไม่ละสายตาพร้อมรอยยิ้มเบิกบาน เขาสนใจนาง รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวได้ดีเสียจริง
“ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าเป็นใคร” พอเหินลงจากหลังคาเขาก็ไม่พบแม่นางผู้นั้นแล้ว ที่แย่กว่าก็คือเขาลงจากหลังคามาเจอกับพ่อค้าหน้าเลือดพอดิบพอดี!
