บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เมื่อความฝันถึงกาลสิ้นสุด

บทที่ 4 เมื่อความฝันถึงกาลสิ้นสุด

หลี่เลี่ยงหรงมองหลิงจง บุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าปกครองเมือง สายตาของเขายังคงเย่อหยิ่งดังเดิม แม้ยามนี้นางมองเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็ยังไม่ยิ้มให้นางสักครา

ทั้งที่นางเคยเชื่อว่าหากอยู่ใกล้เขา ต่อให้เพียงเล็กน้อย วันหนึ่งหัวใจเขาอาจอ่อนลง ดั่งหยดน้ำที่รินลงบนก้อนหินทุกวันย่อมทำให้หินกร่อน แต่หัวใจของหลิงจงนั้นกลับแข็งดั่งศิลายิ่งกว่าก้อนหิน ไม่เคยแม้แต่จะโอนเอนเพราะการกระทำของนางแม้สักครั้ง

หลี่เลี่ยงหรงมิใช่สตรีต่ำต้อย แต่นางกรู้ดีว่าย่อมไม่คู่ควรกับบุตรชายเจ้าปกครองเมือง แต่ก็หาใช่ว่าไร้ค่าดังที่เขาแสดงต่อหน้า

เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว…

นางคิดในใจ ขณะที่ความทรงจำทั้งหลายพรั่งพรูตั้งแต่เด็กจนโต นางเฝ้าฟังสิ่งที่เขาอยากได้ และแอบหามาให้ แม้จะไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่ก็ทำด้วยใจหวังเพียงให้เขาได้ยิ้มสักครั้ง

ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าที่น่ารำคาญในสายตาหลิงจง เขาไม่เพียงไม่ซาบซึ้ง หากยังมองนางเป็นตัวปัญหา รกหูรกตาเสียจนอยากกำจัดให้พ้นสายตา

นางรู้จักเขาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะเขาเป็นศิษย์ของบิดา ต้องมาเรียนหนังสือที่เรือนทุกวัน จากการแอบมองเพียงแวบกลายเป็นความเคยชินที่ฝังลึก

เมื่อก่อนเขายังพอมีไมตรี ยิ้มและพูดคุยกับนางบ้าง แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปในวันที่สหายของนางถามความในใจ และนางเผลอสารภาพว่าหลงรักเขา หลิงจงเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าราบเรียบ เอ่ยเพียงให้หยุดความคิดที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสีย ไม่ให้คิดเกินตัว

แต่จะทำอย่างไรได้ นางได้หลงรักเขาไปแล้ว

ครั้งนี้ หลี่เลี่ยงหรงเชิดหน้าขึ้น เดินผ่านเขาช้า ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเมินเฉยต่อเขา หาใช่เพราะใจแข็งขึ้น แต่เพราะนางไม่มีเวลาให้ฝันอีกแล้ว

“หากไม่เป็นการลำบากเกินไป โปรดช่วยดูแลบิดาของข้า…จนกว่าเขาจะสิ้นลมหายใจ”

นางเอ่ยเสียงเรียบ หลิงจงได้ยินถ้อยคำทุกคำ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะตอบรับ

ไม่นานหลังจากนั้น นางถูกส่งขึ้นรถม้าตรงสู่ศาลหลักเมือง ถูกแต่งตั้งให้เป็นธิดาเทพพิธีการมากมายถูกจัดขึ้น แต่จิตใจของนางกลับไม่ได้พะวงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน

นางเพียงนึกย้อนไปถึงอดีตของตนชีวิตที่ใช้ไปอย่างไร้ค่า ไม่เคยมองใครนอกจากเขา วัน ๆ เฝ้าเพ้อฝันว่าตนอาจได้แต่งกับหลิงจง ต่อให้นางเป็นเพียงอนุ ก็ดีกว่าไม่ได้อยู่ข้างเขาเลย เพราะรู้ว่าตนต่ำต้อย นางจึงเจียมตัว แต่การเจียมตัวมิได้หมายความว่านางจะเลิกรัก

ตระกูลบัณฑิตของบิดานางตกต่ำเรื่อยมา เพราะเมืองนี้มิได้ให้คุณค่ากับการศึกษา ขุนนางไม่ต้องสอบ หรือแม้จะสอบก็เป็นเพียงการคัดเลือกโดยเจ้าปกครองเมือง ทำให้ผู้คนไม่ใส่ใจวิชาใด ๆ

“รู้อย่างนี้ แต่งกับใครสักคนไปนานแล้วก็ดี ท่านพ่อจะได้มีหลาน ครานี้ข้ากลายเป็นต้นเหตุให้ตระกูลต้องสิ้นชื่อ…”

นางคิดขณะนั่งอยู่ในศาล ชำระกายใจเพื่อรอพิธีแต่ระหว่างที่นางกำลังนั่งอยู่ในศาลเพื่อชำระกายใจก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ เสียงฝีเท้าดังขึ้น ทำให้นางเงยหน้ามอง

“นั่นใครน่ะ” หลี่เหลี่ยงหรงเอ่ยถามออกไปแต่กลับได้ยินเพียงความเงียบเป็นคำตอบ นางไม่ได้ใส่ใจและนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยต่อเพราะนี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จะยังได้ใช้ชีวิต

“ข้างนอกมีใครหรือไม่” นางถามอีกครั้ง ครานี้เสียงตอบมาจากด้านนอก

“มี จะเอาอะไร”

“ข้าอยากได้พู่กัน กระดาษ และหมึก”

หลี่เหลี่ยงหรงอยากเขียนอะไรสักอย่างสั่งเสียคนที่นางรู้จักและสนิท

“เอ๊า พู่กันกระดาษหมึกที่ขอ” คนที่นำของมาให้มองนางด้วยสายตาสงสารปนเหยียด แล้วกระซิบกับสหาย

“เพราะไม่มีเงิน ถึงได้ต้องเป็นนาง”

“ก็จริง ครอบครัวที่มีเงินต่างยัดของกำนัลให้เจ้าศาลหลักเมืองกันหมด มีแค่บิดานางที่ซื่อเกินไป”

หลี่เหลี่ยงหรงได้ยินทั้งหมด นางย่อมรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าการเลือกครั้งนี้ไม่ใช่เพราะสวรรค์เลือกแต่เจาะจงมาที่นาง แต่ไม่คิดที่จะหลีกหนีชะตานี้

นางรู้ดีมันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน และต่อให้บิดาของนางเอาเงินไปให้จริง เจ้าศาลก็ไม่มีทางช่วยเหลือเพราะเขาไม่ชอบบิดาของนางที่ขัดขาเขาหลายต่อหลายครั้ง

แม้ว่าบิดาของนางจะไร้ที่พึ่ง แต่อย่างไรเขาก็ยังเป็นอาจารย์ของหลิงจงที่เป็นบุตรชายที่เจ้าปกครองเมืองรักมากที่สุด บางครั้งบิดาของนางก็ชนะ ด้วยเหตุและผล แต่คนอย่างเจ้าศาลนี่ไม่สนใจหรอก กลับเก็บงำความแค้นเอาไว้

หากนางไม่ยอมรับชะตา พวกเขาย่อมหาทางใส่ร้ายนางและบิดาให้ตายตกไปทั้งคู่

ดังนั้นนางจึงเลือกเดินออกมาเพียงลำพัง อย่างน้อยบิดายังมีชีวิตอยู่ เพื่อสั่งสอนให้ผู้คนในเมืองนี้รู้จักวิชา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel