บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

อชิระเสยผมยุ่งๆ ที่หล่นมาปรกหน้าปรกตาแล้วก้าวลงจากเตียงทั้งๆ ที่ยังเปลือยเปล่าทว่าเท้ากลับเหยียบอะไรเข้า ชายหนุ่มเอื้อมมือลงไปหยิบก่อนจะพบว่ามันคือสร้อยข้อมือแบบถักที่มั่นใจว่าไม่ใช่ของเขาแน่นอน อชิระกำมันไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างที่ยังว่างคว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่กับพื้นห้องขึ้นมาสวม จัดการผูกปมหลวมๆ ตรงเอวแล้วเดินหาผู้หญิงคนเมื่อคืน

จุดแรกคือห้องน้ำ แต่สิ่งที่เห็นตอนนี้คือประตูห้องน้ำแง้มอยู่เล็กน้อยรวมถึงเสียงก็เงียบผิดปกติบ่งบอกว่าเธอไม่ได้อยู่ในนั้น อชิระหมุนตัวกลับเป้าหมายต่อไปของเขาคือห้องรับแขกทว่าเมื่อออกมาแล้วเขากลับไม่เห็นเธอ จึงเลยไปที่ห้องครัวตามด้วยห้องนอนอีกห้องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเช่นกัน

“เสร็จงานแล้วก็ทิ้งกันไปดื้อๆ ไม่ลากันแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” อชิระเอ่ยกับตัวเอง ยอมรับว่าชีวิตผู้ชายหนุ่มโสดแบบเขาเคยผ่านประสบการณ์ซื้อกินแบบนี้มาบ้าง แต่ทุกครั้งฝ่ายหญิงจะบอกลาอย่างอ้อยอิ่งและเปิดโอกาสให้เขาสานต่อหากต้องการ ทว่าครั้งนี้กลับต่างออก

เพราะฤทธิ์ของบรั่นดีที่อาจผสมบางสิ่งบางอย่างไว้ทำให้สติของเขาเมื่อคืนมีไม่เต็มร้อยนัก ส่งผลให้เขาจำใบหน้าของเธอได้ไม่ชัดเท่าที่ควร รู้แค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง รูปร่างของเธอเต็มไม้

เต็มมือ อกอวบเอวคอดสะโพกผาย กลิ่นกายหอมๆ ที่เขาสูดดมกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ

แม้ภาพใบหน้าของเธอจะรางเลือนจนน่าหงุดหงิด แต่กลับสวนทางกับความรู้สึกวาบหวามที่แจ่มชัดจนถึงตอนนี้ ที่แค่คิดถึงบางส่วนบนร่างกายเขาก็ตื่นตัว

ถ้าให้เขาเดา ดูเหมือนเธอคนนั้นก็อาจถูกวางยามาเช่นเดียวกัน เพราะขณะจูบเขาไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากโพรงปากหวานนุ่นนั่น แล้วถ้าเป็นอย่างที่เขาเดาป่านนี้เธอจะเป็นยังไงที่จู่ๆ ต้องมาขึ้นเตียงกับใครก็ไม่รู้แบบเขา อีกอย่างเมื่อคืนเขาไม่ได้ป้องกันเลยด้วย ถ้าเกิดเธอพลาดท้องขึ้นมาจะทำยังไง

ลูกของเขาทั้งคนคงปล่อยไว้ไม่ได้แน่

“ที่นี่มีกล้องวงจรปิดไม่ใช่หรือไง” อชิระกระตุกยิ้มตรงมุมปากออกมาพร้อมก้มมองสร้อยข้อมือที่ยังอยู่ในมือของเขา สร้อยเส้นนี้คือหลักฐานอีกชิ้นที่จะพาเขาไปถึงตัวผู้หญิงคนนั้น

สัมปันนีนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องน้ำ ปล่อยให้สายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวที่เปิดไว้ไหลผ่านร่างกายไป ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำสลับเหม่อลอย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืนมันเลวร้ายจนรับมือไม่ไหว รู้สึกรังเกียจและขยะแขยงตัวเองเหลือเกิน

มือสั่นเทาเอื้อมไปคว้ามีดปอกผลไม้มาถือไว้ ตั้งใจจะกรีดแขนตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอด ร่างกายที่เธอหวงแหนตอนนี้เต็มไปด้วยคราบสกปรกที่ไม่ว่าจะพยายามอาบน้ำขัดตัวสักเท่าไหร่ก็ลบหรือล้างให้สะอาดไม่ได้ เธอทำผิดอะไรทำไมถึงต้องมาเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ด้วยหรือเพราะความเชื่อใจไว้ใจโง่ๆ ของตัวเองที่มองความเลวร้ายของคนพวกนั้นไม่ออก

ฮืออออ

เสียงสะอื้นไห้ของสัมปันนียังคงดังขึ้นต่อเนื่อง มันเจ็บปวดจนอยากตายไปจากโลกใบนี้เหลือเกิน ทว่าก่อนที่เธอจะกรีดมีดลงบนข้อมือ เสียงประตูที่ถูกถีบจากข้างนอกก็เปิดออกพร้อมเสียงกระแทกดังสนั่น

ปัง

“แม่” สัมปันนีมองแม่ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำทั้งน้ำตา ขณะที่เธออยู่ในท่าทางกำลังจะกรีดข้อมือตัวเอง

“จะทำอะไรนะลูกหนู” วรรณีเข้าไปหาตัวลูกสาวอย่างตกใจพร้อมกับกระชากมีดจากมือของสัมปันนีมาถือไว้แล้วโยนออกไปนอกห้องน้ำทันที

“แม่” น้ำเสียงของสัมปันนีสั่นเครือจนทำให้คนฟังใจคอไม่ดี ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยเห็นแววตาของลูกสาวที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหม่นหมองเท่าครั้งนี้มาก่อน

“มีปัญหาอะไรก็คุยกันได้นี่ลูก ทำไมต้องคิดสั้นแบบนี้ด้วย”

“หนูไม่อยากอยู่แล้วแม่ หนูอยากตาย” สัมปันนีพร่ำบอกประโยคนี้ซ้ำๆ นั่นยิ่งทำให้หัวใจของคนเป็นแม่อย่างวรรณีสลายไปด้วย

“ถ้าลูกตายแล้วแม่จะอยู่ได้ยังไง”

“ฮือ แม่ ช่วยหนูด้วย ฮือออ” เสียงร้องขอความช่วยเหลือของสัมปันนีช่างบีบหัวใจคนเป็นแม่อย่างวรรณีเหลือเกิน เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสาวคนนี้ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด

แต่โลกใบนี้มันไม่ได้สวยงาม เพราะวันที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งท้องเป็นวันเดียวกับที่พ่อของสัมปันนีกำลังจัดงานแต่งงานขึ้นเช่นกัน สุดท้ายคำสัญญาที่จะรักและแต่งงานกันก็สลายหายไปราวกับเศษเถ้าธุลี เพราะเขาเลือกที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางครอบครัวหามาให้แล้วทิ้งขว้างผู้หญิงอีกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

วรรณีทนอยู่ไม่ได้จึงอุ้มท้องหนีและไม่เคยติดต่อทางนั้นอีกเลยจวบจนวันนี้วันที่สัมปันนีซึ่งเปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของเธออายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เด็กสาวแม้จะกำพร้าพ่อแต่ก็ไม่เคยโหยหาหรือถามถึงอีกฝ่ายให้คนเป็นแม่รู้สึกไม่ดีแม้แต่ครั้งเดียว

สำหรับสัมปันนี อ้อมกอดของแม่ช่างอัศจรรย์เพราะมันช่วยดึงจิตใจของเธอที่กำลังดิ่งลงเหวถึงขั้นจะฆ่าตัวตายให้มีสติขึ้นมาได้ วรรณีไม่รู้ว่าลูกสาวคนเดียวไปพบเจอเหตุการณ์เลวร้ายอะไรมา แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็พร้อมจะช่วยเหลือและพยุงให้สัมปันนีกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกที่ควร

สัมปันนีสวมกอดแม่และร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง พร้อมทั้งพยายามบอกกับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะเสียน้ำตาให้คนเลวๆ พวกนั้น ที่ผ่านมาคิดเสียว่าเธอทำเวรทำกรรมไว้และถึงเวลาชดใช้ หลังจากนี้ขอให้ชีวิตเธอพบเจอแต่เรื่องดีๆ

“ถ้าตอนนี้หนูยังไม่พร้อมที่จะเล่าก็ไม่ต้องฝืนใจนะลูก แม่รอให้หนูเข้มแข็งได้”

“ขอบคุณนะคะแม่” เอ่ยรับเสร็จสัมปันนีก็เพิ่มแรงกอดอีกนิด วรรณีลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ ต่อให้หัวใจจะรู้สึกหนักอึ้งแต่เธอก็ต้องเข้มแข็ง

นั่นเพราะเธอคือแม่

แม่ที่เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของสัมปันนี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel