บทที่ 3
เมื่อหยุดไม่ได้ก็ต้องไปต่อ ชายหนุ่มหักห้ามใจไม่ให้ทำอะไรรุนแรงเกินไป ค่อยๆ แทรกตัวเข้าหาพร้อมกดน้ำหนักลงไปช้าๆ เนิ่บๆ รู้ว่าเธอเจ็บเพราะเห็นใบหน้าสวยเหยเกน่าสงสาร เขาจึงโน้มตัวลงไปจูบปากอิ่มที่เวลานี้บวมเจ่อเพราะฝีมือเขาอย่างดูดดื่มพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งนวดเฟ้นหน้าอกอวบอิ่มของเธอสลับบีบบี้เม็ดยอดสีชมพูสวยเบาๆ ในขณะที่สะโพกสอบก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าและออกอย่างเป็นจังหวะ
สัมปันนีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ เธอเจ็บแต่ความเจ็บกลับมาพร้อมความเสียวซ่านที่เธอต่อต้านไม่ได้ รู้สึกเหมือนขณะนี้ร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มันเจ็บจนน้ำตาซึมแต่ไม่นานความเจ็บก็ค่อยๆ หายไปแล้วความรัญจวนแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคยก็เข้ามาแทนที่
ร่างบอบบางไหวโยกไปตามแรงส่งของอีกฝ่าย เขาเฝ้าจูบเฝ้าสัมผัสจนเธอเตลิดสติล่องลอยและปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน อชิระเองก็กำลังหลงในรสสวาทที่กำลังเกิดขึ้น เขากลืนกินเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะรู้ว่าหญิงสาวใหม่กับเรื่องบนเตียงทว่าเขากลับอดใจไม่ไหว
“อืม…ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า” อชิระที่หยิบนาฬิกามาดูเวลายิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลังจากครั้งแรกผ่านไปชายหนุ่มก็นอนกอดร่างเปลือยเพื่อพัก
แต่ไม่กี่นาทีเขาก็ตื่นตัวพร้อมจะเริ่มครั้งที่สอง เขาพลิกตัวให้หญิงสาวในอ้อมกอดนอนตะแคง จูบไล้ไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าเธอมีท่าทีขัดขืนเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นก็โอนอ่อน หลังการเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนครู่หนึ่งและมั่นใจว่าเธอพร้อมอชิระจึงสอดประสานเข้าหาเธอจากด้านหลัง
เสียงครางกระเส่าดังมาจากทั้งเขาและเธอ อชิระฝังริมฝีปากร้อนๆ จูบซับไปตามแผ่นหลังที่ชื้นด้วยเหงื่อของเธอจนร่างบางไหวสะท้านจากความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มยังสอดมือเข้าไปใต้ร่างแล้วบีบหน้าอกหนักเบาสลับกันในขณะที่สะโพกสอบก็ยังคงเคลื่อนไหวรุนแรง
แผ่นหลังของเธอเว้าโค้งรับกับสะโพกผายที่ชายหนุ่มมักจะบีบหนักๆ ผมยาวสยายไปตามแผ่นหลัง ท่าทางยั่วยวนเหลือเกินเพราะแบบนั้นอชิระจึงเร่งจังหวะให้ถี่กระชั้นขึ้น จากท่านอนราบกับเตียงก็เปลี่ยนให้เธอขยับมานั่งคุกเข่าโดยมีเขาซ้อนอยู่ด้านหลัง เร่งจังหวะอีกนิดจากนั้นก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาแล้วทิ้งตัวลงนอนโดยไม่ลืมที่จะคว้าเธอเข้ามากอดไว้
สัมปันนีตื่นมาพบว่าตัวเองนอนเปลือยอยู่บนเตียง โดยบริเวณเอวมีวงแขนข้างหนึ่งวางพาดกอดเธอจากด้านหลัง ทันทีที่รู้ก็เกิดความรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว หญิงสาวตกใจสุดขีดจนตัวแข็งทื่อและเพราะตกใจจึงทำตัวไม่ถูก สติเตลิดน้ำตาของความกลัวอย่างสุดหัวใจกำลังเอ่อล้นขอบตาทั้งสองข้าง
สมองค่อยๆ ประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแต่ก็ยากเหลือเกิน เธอจำได้เพียงแค่ว่ากำลังนั่งกินข้าวอยู่กับรุ่นพี่แล้วจู่ๆ ภาพมันก็ตัดไป เธอเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นรู้ตัวแต่ขัดขืนไม่ได้หนำซ้ำบางครั้งกลับโอนอ่อน ร่างกายที่เธอหวงแหนตอนนี้ตกเป็นของใครก็ไม่รู้
การที่ตื่นมาแล้วพบกว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยเปล่าโดยมีผู้ชายสวมกอดอยู่ข้างหลัง มันไม่ใช่สิ่งที่จะรับได้ ทุกอย่างคือเรื่องจริงคือความเลวร้ายที่สุดของผู้หญิงก็ว่าได้ที่ถูกขืนใจ เวลานี้แม้จะกลัวและตกใจมากแต่สัมปันนีก็ไม่มีเวลามานั่งร้องไห้ สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือการพาตัวเองออกไปจากที่นี่
เธอค่อยๆ ยกแขนข้างนั้นให้พ้นไปจากลำตัวช้าๆ เพราะกลัวเจ้าของแขนจะตื่น โชคยังพอเข้าข้างอยู่บ้างเพราะเมื่อเธอยกแขนเขาออกชายคนดังกล่าวก็พลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทาง เปิดโอกาสให้สัมปันนีพาร่างเปลือยของตัวเองลงจากเตียง
“อุ๊ย…เจ็บ” สัมปันนีนิ่วหน้าจากความเจ็บที่แล่นแปล๊บขึ้นตรงบริเวณกลางลำตัวซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวที่เธอนั้นหวงแหนมากที่สุด พลันทำให้น้ำตาที่พยายามกั้นไว้หยดลงพื้นเป็นสาย
เธอนั่งกอดร่างเปลือยของตัวเองอยู่ข้างเตียงแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่เพราะกลัวทำให้คนบนเตียงตื่นจึงต้องยกมือขึ้นมาปิดปากกั้นเสียงสะอื้นไว้ ทั้งๆ ที่พยายามห้ามน้ำตาแล้วแต่ยิ่งห้ามมันกลับยิ่งไหล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายที่สุดในชีวิตผู้หญิงอย่างเธอ สร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสรวมถึงฝากบาดแผลที่ลึกลงกลางใจและความรู้สึกไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะเยียวยาตัวเองได้ ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ยิ่งคิดร่างกายของสัมปันนีก็เหมือนถูกตรึงให้อยู่กับที่ มีเพียงน้ำตาและลมหายใจที่ขาดเป็นช่วงๆ เท่านั้นที่ยังทำหน้าที่ของมัน ก่อนจะบอกตัวเองว่าเธอต้องออกไปจากที่นี่ ไปให้เร็วที่สุด
สัมปันนียกมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วย่อตัวให้ต่ำที่สุดค่อยๆ เอื้อมมือไปคว้าเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงหยดลงพื้น จากนั้นก็เดินตัวสั่นออกไป
ไม่กี่นาทีหลังจากเธอออกไปแล้ว ชายหนุ่มบนเตียงก็ค่อยๆ รู้สึกตัว สิ่งแรกที่เขาทำคือการควานหาหญิงสาวข้างกาย จำได้ว่าก่อนจะหลับเขาสวมกอดเธอไว้
ทั้งๆ ที่เขาเพลียจากการเดินทาง ทั้งๆ ที่เขาอยากเอ่ยปากไล่ให้เธออกไปพ้นๆ แต่ความรู้สึกของเขาเวลานั้นกลับเหมือนถูกกระตุ้นและเต็มไปด้วยความต้องการ ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นต่อเนื่องหลายชั่วโมงจึงจบลง เธอขัดขืนสลับโอนอ่อนราวกับว่าไม่ประสากับเรื่องทำนองนี้และเขาก็ได้รู้หลังจากนั้นว่าเพราะอะไร
“หายไปไหนแล้ว” อชิระพึมพำออกมาก่อนจะหยัดตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงกว้างที่ตอนนี้ยับยู่ยี่จากกิจกรรมที่ผ่านไปซึ่งมันยังทิ้งร่องรอยสีแดงจางๆ ไว้บนผ้าปูที่นอนสีขาวอีกด้วย
เพราะมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเก็บตัวอยู่ในห้องน้ำหรือมุมไหนสักมุมในเพนท์เฮ้าส์ ทำให้อชิระไม่ได้รีบร้อนจะตามหาตัวเธอสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มนั่งคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน เพราะเกิดความสงสัยว่าทำไมเขาถึงมีอารมณ์และความรู้สึกโหยหาเพศตรงข้ามมากมายถึงขนาดห้ามตัวเองไม่อยู่แบบนั้น
กระทั่งสายตาหันไปเห็นแก้วที่ยังมีบรั่นดีสีสวยอยู่ก็พอจะเดาอะไรได้ เขาคงถูกพี่ชายเล่นตลกเข้าให้แล้ว ไม่แปลกที่อดุลย์ยึกยักตอนเขาไล่ให้กลับ ส่วนเขารู้ทันแต่ก็ชะล่าใจจนเข้าทางพี่ชาย
