ตอนที่17.คิดจะยั่วยวนข้า แต่แม้กระทั่งจูบเจ้ายังไม่เป็น
องค์ชายเฟยเทียนแปลกประหลาดใจนัก สตรีผู้นี้ไม่ได้กลัวเขาเช่นนางกำนัลคนอื่น แล้วมือเล็กนั้นก็บีบไหล่ของเขา แม้แรงไม่มากแต่กลับช่วยให้ไหล่ที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงได้มาก
“การนอนไม่หลับนั้นเกิดจากระบบในร่างกายไม่สมดุล เปรียบเสมือนตาชั่งน้ำหนักสองด้านเอนไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ท่านอ๋องโปรดลดการดื่มสุรารสแรงก่อนนอน เปลี่ยนเป็นชาสมุนไพรจะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้นเพคะ”
เห็นอีกฝ่ายเงียบไป นางพูดไปพลางใช้นิ้วโป้งนวดขมับ รู้สึก
ได้ว่าร่างกายนี้โอนอ่อนตามแรงสัมผัสของนาง หญิงสาวเผลอยิ้มขณะเลื่อนมือไปที่ใบหูของท่านอ๋อง ไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่กระชากนางลงไปในอ่างน้ำอย่างรวดเร็ว กว่าจะตั้งสติได้ ตัวเองก็เปียกชุ่มและนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำเดียวกับชายหนุ่มแล้ว
“ท่านอ๋อง!” นางเกือบจะตวาดออกไป แต่พอยกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้าของตนออก เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย นางรู้ว่าเขาชอบแกล้งให้ผู้อื่นกลัว แต่แกล้งนางเช่นนี้ย่อมซุกซนเกินไป
“หากไม่พอใจหม่อมฉัน เอ่ยปากไล่ออกไป หม่อมฉันก็ไม่ดื้อดึงที่จะอยู่ แต่ทำแบบนี้... ว้าย!”
ว่านหนิงเหมยร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่ดึงนางเข้าไปใกล้ จับท้ายทอยของนางให้แหงนหน้าขึ้น ริมฝีปากหยักประกบริมฝีปากนางอย่างรวดเร็ว ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่กลับทำให้มองเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มได้ชัด และเริ่มกลายเป็นเปลวไฟจนนางต้องหลับตา
ริมฝีปากถูกขบเม้มและไล้เลียจนหัวใจแทบหยุดเต้น สติที่เหลือเพียงน้อยนิดสั่งให้นางผลักเขาออก แต่มือเล็กคู่นั้นทำได้แค่ทุบแผงอกเปลือยเปล่าไปไม่กี่ครั้ง นางเผลออ้าปากหวังเรียกอากาศหายใจ แต่กลับเปิดทางให้เรียวลิ้นเปียกชื้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อยๆ ของนาง ปากและลิ้นร้อนของเขาเปี่ยมไปด้วยอำนาจ เขาจุมพิตนางยึดครองเอาสติของไปหมดสิ้น เพียงแค่จูบ นางอ่อนระทวยอย่างน่าอับอายในอ้อมอกแข็งแกร่งของเขา
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดสติ จึงส่งลมปราณให้นางแล้วถอนจุมพิตอย่างเสียดาย มองดูนางที่ไร้เรี่ยวแรงในอกของเขา พอดวงตากระจ่างใสของนางลืมตาขึ้นกะพริบถี่ๆ ท่าทางไร้เดียงสานั้นทำให้เขาขบขันจนหัวเราะลั่นออกมา
“คิดจะยั่วยวนข้า แต่แม้กระทั่งจูบเจ้ายังไม่เป็น เช่นนี้คงจะต้องฝึกปรืออีกหน่อยนะ”
“หม่อมฉัน... ไม่ได้...”
จะพูดว่าไม่คิดก็ไม่เต็มปาก ก่อนหน้านี้นางแอบคิด แม้เป็นเพียงความคิดในหัวน้อยๆของนาง แต่นางไม่ได้เจตนาร้ายกับเขา ที่นางวิ่งกระหืดกระหอบมาเพียงเพราะเป็นห่วงด้วยความจริงใจ เมื่อเขาเห็นความตั้งใจดีของนางเป็นเพียงเรื่องขบขัน หัวใจน้อยๆ กลับเจ็บแปลบขึ้นมา นางไม่มีสิทธิ์แสดงความเจ็บปวดใดให้เขาได้รับรู้ จึงทำได้เพียงเบือนหน้าไปทางอื่น ขยับตัวออกห่างจากรัศมีมือของเขาแล้วจึงปีนขึ้นจากอ่าง
“ขออภัยที่หม่อมฉันมารบกวนเวลาของท่านอ๋องเพคะ”
นางยืนอยู่ด้วยท่าทีนิ่งสงบ นางสวมชุดแบบเดียวกับนางกำนัลแต่เป็นชุดนอนสีขาวมีเสื้อคลุมตัวนอกเพียงตัวเดียว ซึ่งเวลานี้เปียกแนบเนื้อกายจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนของหญิงสาว ผมยาวปล่อยทิ้งตัวสลวยไร้เครื่องประดับเหมือนคนเตรียมเข้านอน นางย่อตัวลงคารวะท่านอ๋อง หมุนตัวเดินออกไปอย่างช้าๆ แม้ก้าวสั้นๆแต่หนักแน่น มือเรียวสั่นระริกขณะผลักบานประตูออกไป
นางเพียงผงกศีรษะให้องครักษ์ทั้งสองที่มองมาอย่างประหลาดใจ ก่อนเข้าไปเห็นท่าทางร่าเริง ไฉนออกมาถึงเปียกเหมือนตากฝน ซ้ำยังดวงตาเศร้าหมองเช่นนั้น ว่านหนิงเหมยเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองราวกับวิญญาณที่เลื่อนลอย นางกำนัลที่รอรับใช้หน้าประตูเห็นเข้าก็ตกใจ แต่หญิงสาวฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีอะไร ข้าลื่นล้มพลัดตกน้ำ”
“แม่นางว่านรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ข้าจัดการตัวเองได้ ขอบใจพวกเจ้ามาก” นางฝืนยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเอง
เมื่อบานประตูปิดลง หยดน้ำที่กลั้นไว้กลิ้งหล่นจากดวงตา
‘หนิงเหมยที่รัก’
‘เหมยเอ๋อร์’
ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร”
ปากพูดว่าไม่เป็นอะไรแต่ร่างนางทรุดลงไปนั่งกอดเข่าแล้วร้องไห้ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด เขาจำนางไม่ได้ เขาเห็นนางเป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน แต่นางกลับรู้ชัดว่าตนเองนั้น ‘รัก’ ชายผู้นี้เข้าแล้วจริงๆ ไม่ใช่ความรู้สึก ‘คิดไปเอง’
จะเป็นไรไป นางเป็นฝ่ายไปรักชายผู้นั้นเอง นางต้องยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ อย่างน้อยนางก็ได้รู้และได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
เสียงร้องไห้ของว่านหนิงเหมยไม่มีผู้คนได้ยิน ทว่าเสียงสะอื้นของนางทำให้เหล่าพฤกษาพากันหมองหม่นและเศร้าไปด้วย
ใบไม้สั่นไหวบอกเล่าเรื่องราวของนางปากต่อปาก ต้นไม้ ดอกไม้ในสวนสี่ฤดูของฮองไทเฮา ต่างพากันถูกความเศร้าคลี่คลุมจนดอกไม้เหี่ยวเฉา ใบไม้กลายเป็นสีน้ำตาล
ว่านหนิงเหมยผล็อยหลับไป โดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเลย.
