บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ความจริง...

การทำบุญบ้านของคุณหญิงเพ็งนั้นใหญ่โตสมเป็นคุณหญิงเจ้าพระยา ยาหยีนั่งมองสิ่งรอบตัวอย่างตื่นเต้น แม่หญิงเพ็ญเองก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีหญิงสาวยิ้มแย้มต้นรับขับสู่แขกเหรื่อมากมายที่ทยอยมาในงาน ทุกคนล้วนแต่งกายด้วยเครื่องประดับมีราคา แถมผ้าไหมแพรพันที่ใส่ก็ดูสวยงามไม่น้อย

หลักจากพระสวดเสร็จบรรดาแขกเหรื่อต่างๆ ก็ล้อมวงพูดคุยกันครึกครื้น ยาหยีเองก็มีโอกาสได้นั่งฟังเรื่องราวต่างๆ ไปด้วย ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองหลงมาในปี 2308 ปีที่พม่าเริ่มเดินทัพเข้ามารุกรานกรุงศรี และถ้าเธอจำไม่ผิดอีกเพียงสองปีก็จะเกิดเหตุเสียกรุงครั้งที่สอง คิดได้ดังนั้นก็อยากร้องไห้อีกรอบแต่ก็ต้องฝืนเอาไว้

“เอ็งเป็นอะไรหน้าตาบอกบุญไม่รับ” บัวที่หันมาเห็นจึงถามขึ้น

“เปล่าเจ้าค่ะ”

“นี่เองรู้ไหมว่าวันนี้ใครๆ ก็ทักข้าว่าหน้าข้างาม” บัวชวนคุย

“คุณบัวงามอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ยาหยีชมจากใจจริงเพราะบัวเองก็มีใบหน้าที่สวยอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

“ขนาดพี่เพ็ญยังอยากให้เองลองไปแต้มสีที่หน้าแบบที่เอ็งทำให้ข้าเลย แต่ข้าไม่ได้รับปากหรอกนะ และเอ็งก็จำไว้ด้วยว่าห้ามไปแต้มสีที่หน้าให้ใครถ้าข้าไม่อนุญาต ข้าไม่อยากให้ใครงามเหมือนข้า” บัวบอกเชิงบังคับ

“ได้เจ้าค่ะ” ยาหยีตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อถึงเวลาสมควรแขกเหรื่อก็เริ่มทยอยกลับเหลือเพียงคนที่สนิมสนมกันเท่านั้น คุณหญิงแก้วที่เดินทางมาพร้อมกริชนั้นยังคงสนทนาอยู่กับคุณหญิงเพ็ง บัวและกริชเองก็ยังคงอยู่ในวงสนทนา จำปีลงไปจัดสำรับในครัวเพื่อนำกกลับเรือน มีเพียงยาหยีเท่านั้นที่นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำกับบ่าวผู้ชายที่กำลังไปเอาเรือมาเพื่อรอรับบัวและกริช

“หยี เอ็งชื่อหยีใช่หรือไม่” คนที่เรียกชื่อของเธอไม่ใช่ใคร แม่เพ็ญ คุณหนูของเรือนแห่งนี้นั่นเอง

“เจ้าค่ะ” ยาหยีเอ่ยตอบ

“แม่บัวบอกข้าว่าเจ้าเป็นคนช่วยแต่งตัววันนี้ ถ้าข้าอยากให้เจ้าช่วยแต้มสีที่หน้าเหมือนที่ทำให้แม่บัวจะได้หรือไม่”

คำถามที่ดูเหมือนบังคับนั้นทำเอายาหยีอึกอัก เธอจะทำอย่างไรในเมื่อบัวเพิ่งสั่งไม่ให้เธอแต่งหน้าให้ใครนอกจากบัว

“คือ..คือบ่าวต้องขอคุณบัวก่อนเจ้าค่ะ”

“แต่แม่บัวกำลังคุยกับแม่ข้าอยู่บนเรือนใหญ่ เจ้าไปช่วยแต้มสีให้ข้าสักนิด แม่บัวก็ไม่รู้ดอก” แม่เพ็ญยังคงตื้อ

“เถอะนะ รับรองข้าไม่บอกแม่บัวดอก” คำขอร้องที่ดูเหมือนจะไม่มีทางปฏิเสธนั้นทำเอายาหยีจำยอมต้องเดินตามไปที่เรือนของแม่เพ็ญตามลำพัง

“นี่เรือนของคุณเพ็ญหรือเจ้าคะ” ยาหยีเอ่ยถามทันทีที่เห็นเรือนตรงหน้า เรือนไม้ขนาดเล็กที่อยู่แยกออกมาจากเรือนใหญ่ ไม่มีแม้นอกชานที่เชื่อมต่อกันดูยังไงก็ไม่น่าใช่ของลูกสาวเจ้าของเรือนเป็นแน่ เธอจำได้ว่าเรือนของคุณบัวแม้จะแยกออกมาจากเรือนใหญ่แต่ก็มีนอกชานเชื่อมต่อถึงกันไม่ได้แยกออกมาเช่นนี้

“ใช่...เอ็งอย่าพูดมากเลย รีบเข้าไปเถอะ” แม่เพ็ญบอกใบหน้าที่ดูเป็นมิตรเมื่อครู่เริ่มบึ้งตึง

ยาหยีมองเข้าไปในเรือนตรงหน้าก่อนจะสะดุดกับกรงนกเขาที่แขวนอยู่ที่ชายคาบ้าน หญิงสาวอย่างแม่หญิงเพ็ญดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเลี้ยงนกเขาเป็นงานอดิเรกเป็นแน่แท้ คิดได้ดังนั้นยาหยีจึงกวาดตา มองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าบริเวณนี้แทบไม่มีบ่าวไพร่เดินไปมาเลยแม้แต่น้อย ผิดวิสัยเรือนของขุนนางระดับเจ้าพระยามากๆ

“เอ่อ..บ่าวไปขอคุณบัวก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” ยาหยีพยายามถอยหนี แต่เพ็ญกลับดึงแขนเอาไว้

“ข้าบอกให้เข้าไปในเรือนอย่างไรเล่า”

“ปล่อยบ่าวเถอะเจ้าค่ะ” ยาหยีพยายามยื้อตัวเอาไว้ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาของใครบางคนที่อยู่ในเรือนหลังเล็กนี้ ขุนศรีณรง เธอจำได้ไม่ผิดแน่แม้จะเห็นผ่านช่องหน้าต่างเพียงแวบเดียว ผู้ชายคนนั้นอยู่ในเรือนหลังเล็กตรงหน้า นี่แปลว่าแม่เพ็ญวางแผนกับพี่ชายพาเธอมาที่เรือนหลังนี้สินะ ยาหยีนึกกลัวจับใจ อยากจะเงื้อมือขึ้นตบหน้าคุณหนูตรงหน้าให้หน้าหันก็กลัวว่าตัวเองจะโดนเฆี่ยนหลังลายเสียก่อน เมื่อจนหนทางยาหยีจึงตัดสินใจบางอย่าง

“กรี๊ดดดด ช่วยด้วยเจ้าค่า งู งูตัวใหญ่ม๊ากกกกก” หญิงสาวกรี๊ดสุดเสียงพร้อมกับสะบัดแขนออกจากการดึงรั้งของแม่เพ็ญทันที

“แล้วไปทำอะไรกันที่เรือนแยกล่ะแม่เพ็ญ เรือนหลังนั้นน่ะมีแต่พ่อพุ่มที่ชอบไปนอนเล่น แม่ไม่เคยเห็นเราไปใช้เลย” คุณหญิงเพ็งเอ่ยถามลูกสาว

“เอ่อ..คือ” แม่เพ็ญอ้ำอึ้งนึกไม่ถึงว่าแผนของตนเองจะล้มเหลว เธอเหลือบตามองนังบ่าวหน้าขาวหมดจดตรงหน้าแล้วนึกเจ็บใจ เธออุตส่าห์วางแผนล่อมันไปให้พี่พุ่มรวบหัวรวบหาง ถ้ามันตกเป็นของพี่พุ่มแล้ว เธอก็จะซื้อตัวมันมาเป็นบ่าวที่บ้านเสีย เธอไม่อยากให้มันอยู่ใกล้พี่กริชของเธอ ไม่ชอบที่เห็นมันจับเนื้อต้องตัวคู่หมั้นของเธอ และยิ่งไม่ชอบมากขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าพี่กริชออกตัวปกป้องมันที่เป็นเพียงแค่บ่าว

“ว่ายังไงแม่เพ็ญ” คุณหญิงเพ็งถามซ้ำ

“คุณเพ็ญให้บ่าวไปแต้มสีที่หน้าให้เจ้าค่ะ” ยาหยีตัดสินใจโพล่งออกไป

“สาระแนท่านแม่ไม่ได้ถามเจ้า” แม่เพ็ญเผลอสบถออกไป ก่อนที่จะก้มหน้าเมื่อคุณหญิงเพ็งปรายตาปราม

“เอ้า...ว่ามาสิ ลูกข้าให้เอ็งไปทำอะไรนะ” คุณหญิงเพ็งเอ่ยถามหยี หญิงกลางคนมองบ่างตรงหน้าอย่างนึกแปลกใจในความหมดจดน่าเอ็นดูผิดหูผิดตาจากบ่าวทั่วไปมากนัก

“คุณเพ็ญให้บ่าวไปแต้มสีที่หน้าให้เจ้าค่ะ...บ่าวบอกแล้วว่าต้องขอคุณบัวก่อน แต่คุณเพ็ญใจร้อนไม่อยากรอ เลยพาบ่าวไปแอบแต้มสีหน้าที่เรือนหลังนั้นเจ้าค่ะพอดีบ่าวเห็นงูเสียก่อนเลยตกใจเสียงดังไปหน่อยเจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะค่าจ้างที่คุณเพ็ญให้บ่าว” ยาหยีเลื่อนแหวนวงเล็กๆ ไปวางตรงหน้า เธออาศัยตอนยื้อยุดฉุดกระฉากกันดึงออกมาจากนิ้วก้อยของแม่เพ็ญเพื่อเอามาเป็นหลักฐานว่าแม่เพ็ญแอบจ้างให้เธอไปแต่งหน้าจริง ยาหยีอยากให้เรื่องมันจบที่ตรงนี้ไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตไปถึงว่าแม่เพ็ญหลอกเธอไปให้ขุนศรีณรง เธอไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะเธอไม่รู้เลยว่ากฎหมายของที่นี่เป็นอย่างไร และเธอในตอนนี้เป็นเพียงแค่ทาสมีสิทธิมากแค่ไหนในการปกป้องตัวเองกัน

“จริงรึแม่เพ็ญ” คุณหญิงเพ็งหันไปถามลูกสาวอีกครั้ง

“เจ้าค่ะ” แม่เพ็ญจำต้องเอ่ยรับอย่างไม่เต็มใจ เพราะเธอเองก็ไม่อยากใครรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเธอต้องการล่อนั่งบ่าวหน้าขาวนี่ไปให้พี่พุ่ม

“แหม่ สาวๆ ก็แบบนี้แหละค่ะคุณหญิง หยีสวยหยีงาม เอาแบบนี้สิแม่เพ็ญอยากให้หยีมันแต้มสีที่หน้าให้เมื่อไหร่ก็ไปที่เรือน จะได้ไปหาพ่อกริชเขาด้วย” คุณหญิงแก้วเอ่ยบอกกับเพ็ญอย่างใจดี

“เจ้าค่ะ” แม่เพ็ญเอ่ยรับสั้นๆ

หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนลงบนฟูกบางๆ อย่างเหนื่อยอ่อน หลังจาไปผจญกับแม่เพ็ญแล้วกลับมาถึงบ้านเธอยังโดนคุณบัวบ่นจนหูแทบดับ ยาหยีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก่อนที่จะหลับไปเธอกลับรับรู้ว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาในกระท่อมที่เธอนอนอยู่

“จำปีเหรอ คืนนี้ไม่ต้องนอนกับคุณบัวหรือไง” ยาหยีเอ่ยถามออกไป

“ข้าเอง” เสียงทุ้มคุ้นหูที่ทำเอายาหยีเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแทบไม่ทัน

“คุณ..เอ๊ย ท่านขุน” ยาหยีหลุดคำพูดติดปากออกไปก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาแทบไม่ทัน

“ข้ามีเรื่องจะถาม ตามข้าออกมาบ้างนอกเถอะ”

ยาหยีเดินตามกริชออกไปอย่างว่าง่าย ไม่รู้ทำไมเธอถึงไว้ใจและเชื่อใจเขามากได้ขนาดได้ หรือเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนแรกที่พบและช่วยเหลือเธอกันนะ

“บอกความจริงข้ามา” กริชเอ่ยถามทันทีที่เดินออกมาที่บริเวณลับตาคน

“ความจริงอะไรรึ”

“ความจริงเรื่องแม่เพ็ญกับเอ็ง”

“ฉัน...เอ๊ย..ข้าก็เล่าไปหมดแล้ว” ยาหยีเถียง

“ข้าไม่ได้โง่”

“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าท่านขุนเลย” ยาหยียอกย้อน

“บอกความจริงข้ามา” กริชพูดย้ำพร้อมกับแววตานิ่งสนิทที่มองตรงมายังยาหยี แววตาที่ทำเอาหญิงสาวเถียงไม่ออก

ยาหยีเล่าความจริงทั้งหมดให้กริชฟัง ชายหนุ่มยืนรับฟังนิ่งๆ โดยไม่แสดงความคิดเห็นหรือถามขัดเลยแม่แต่น้อย

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ” ยาหยีเล่าจบก่อนจะถอนหายใจ

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันโกหกล่ะ” ยาหยีเอ่ยถามเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรเสียทีทั้งที่เธอเล่าจบแล้ว

“แขนเอ็ง” กริชชี้ไปที่แขนของยาหยี

“ทำไมอ่ะ” ยาหยียกแขนขึ้นมาดูก่อนจะพบรอยเขียวช้ำขึ้นเป็นริ้ว

“ถ้าแค่พากันไปแต้มสีที่หน้า แขนเอ็งจะเป็นรอยแบบนั้นรึ”

ยาหยีได้ฟังก็พยักหน้าเออออ จริงสินะยื้อกันขนาดนั้นแขนจะเขียวก็ไม่แปลก ยาหยีจับแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะนิ่วหน้า

“นี่ยา” มือหนาส่งตลับยามาตรงหน้า

“ขอบใจนะ” ยาหยีรับเอาไว้ก่อนจะเปิดตลับยาออกทา ตั้งแต่เธอหลุดมาที่ยุคนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเป็นตัวเองมากที่สุด

“ผิวบางราวไม่เคยต้องแดดต้องลมแบบนี้เจ้าเป็นใครกันแน่” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดสงสัยไม่ได้

“ถ้าฉันบอกแล้วจะเชื่อฉันไหมล่ะ” ยาหยีสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะถามออกไปอย่างจนปัญญา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel