บทที่ 1 ตอนที่ 2
ลมเย็นพัดโชยหวิว นำพาเอากลิ่นกุหลาบละมุนโอบล้อมรอบกาย เธอหลับตาพริ้ม ริมฝีปากเผยอยิ้มอย่างลืมตัว เหมือนกำลังหลับละเมออยู่ในดินแดนนิมิตที่ไหนสักแห่ง
ไม่อยากเชื่อเลย...ว่าที่แบบนี้มันจะมีอยู่จริงๆ
“เธอไม่ควรมาที่นี่...ออกไปซะ!”
เสียงประกาศกร้าวทำให้ทุกอย่างยุติฝันหวานกลางวัน เธอใจเต้นระรัวก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นเสียอีก
“คุณ...คือฉัน...” ดาวพรายไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ชายหนุ่มร่างใหญ่ผิวเข้ม ใบหน้าเหี้ยมเกรียม กัดฟันเดินเข้ามาถึงตัวเธอเสียก่อนแล้ว เขาลากกระเป๋าของเธอมาด้วย แล้วโยนโครมจนมันไหลไปติดขอบระเบียงไม้
“คุณข่านคะ...คุณดาวพรายเป็นพนักงานใหม่ที่คุณทับทิม...”
“ใครถาม ใครอยากรู้...”
ประชาสัมพันธ์สาวที่เข้ามาช่วยอธิบาย จำต้องก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าปริปากพูดต่อ ดาวพรายกวาดตามองเลิ่กลั่ก
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ...เราไม่เคยรับคนนอกเข้าทำงาน กลับไป!”
“แต่คุณทับทิม...เรียกตัวฉันมานะคะ”
“ไม่ต้องพูดมาก มาจากที่ไหนก็กลับไปที่ของเธอ” แววตาของเขาดุดันขึงขัง จ้องเธอเขม็งราวโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน
“ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ เลยคือ เดี๋ยวค่ะคุณ!! นั่นกระเป๋าฉัน!” ดาวพรายกระวีกระวาดยื้อแย่งกระเป๋าลากที่กำลังถูกยกโยนจากชั้นระเบียง เธอสู้แรงเขาไม่ไหว ได้แต่มองข้าวของทุกอย่างร่วงละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง
“ต้องให้ฉัน ส่งเธอตามกระเป๋าลงไปใช่ไหม...”
“คุณข่าน! เกิดอะไรขึ้นคะ ใครเป็นอะไร” เสียงหวานระคนตกใจแทรกดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างเล็กในชุดเดรสสีชมพูอ่อนๆ วิ่งตรงเข้ามาในสถานการณ์ซึ่งกำลังขับขัน
“ทับทิม คุณไปรับคนเข้าทำงานสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง” เขาชี้เป้าไปยังผู้มาเยือน ออกอาการไม่พอใจจนหน้าตาเครียดแดงก่ำ
“คุณข่านใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ทับทิมขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้ แต่น้องดาวเป็นนักศึกษาฝึกงานของโรงแรมในเครือ คุณพ่อเห็นว่าทำงานดี แล้วที่นี่ก็ขาดคนอยู่ ก็เลยส่งให้มาช่วยงานทับทิม”
“แต่คุณก็รู้ข้อตกลงของเราแล้วนี่ ว่าจะไม่รับคนนอกเข้าทำงาน ยกเว้นตำแหน่งสำคัญๆ”
“น้องดาวจะมาเป็นผู้ช่วยของทับทิมค่ะ ทับทิมพยายามสอนงานคนที่เกาะแล้ว แต่คุณข่านก็ทราบดีนี่คะ พวกเขาทำได้แค่งานทั่วไป อะไรที่มันซับซ้อน หรือเกิดเหตุฉุกเฉินก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้เลย แล้วนี่เกาะปิดนะคะ หาคนมาทำงานด้วยก็ยาก คนพื้นที่ก็ไม่มีความรู้” ทับทิม หรือพลอยทับทิมให้เหตุผล เธอถอนหายใจด้วยความเครียดเมื่อเห็นสิ่งที่ชายหนุ่มทำกับพนักงานคนใหม่
“หาคนอื่นมาไม่ได้แล้วเหรอ เอาที่เป็นผู้ชายน่ะ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมลดราวาศอก แม้เขาจะไม่ได้เป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ตแห่งนี้ด้วย แต่ก็เป็นเจ้าของที่ซึ่งให้เฉพาะพลอยทับทิมเท่านั้นที่เช่าทำธุรกิจได้ เพราะเขากับเจ้าหล่อนเป็นเพื่อนสนิทกันนั่นเอง
“ไม่มีเลยค่ะคุณข่าน ขนาดเสนอเงินเดือนสูงๆ ยังไม่มีใครอยากมา เพราะที่นี่มันไม่สะดวกสบายเหมือนในเมือง จะไปไหนก็ลำบาก ห้างร้านก็ไม่มี ทางโรงแรมของเราจำเป็นต้องรับน้องดาวเข้ามาช่วย หวังว่าคุณข่านจะเข้าใจ เอาอย่างนี้นะคะ...ตอนนี้เป็นหน้าไฮซีซั่นด้วย เราต้องการคนจริงๆ ทับทิมขอให้น้องดาวทำงานไปก่อนนะคะ ถ้าไม่ผ่านโปรฯ ค่อยส่งน้องดาวกลับ” หญิงสาวต่อรอง
ดาวพรายแอบลอบมองทั้งคู่ รู้สึกอึดอัดชอบกล มาเหยียบที่นี่ไม่ถึงสิบนาที เธอก็เจอดีเข้าแล้ว และดูเหมือนจะเป็นตัวพ่อเสียด้วย
“ผมจะเห็นแก่คุณ...” เขาลับริมฝีปาก แล้วยังกวาดสายตาเข้มมองดาวพรายเขม็ง ก่อนจะกล่าวต่อ
“และผมให้เวลาแค่สามเดือน จะผ่านโปรฯ หรือไม่ผมไม่สน หมดไฮซีซั่น ผมหวังว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเด็กคนนี้อีก” แล้วเขาก็กระทืบเท้าจากไป...
ทุกคนมองตามหลังร่างใหญ่เป็นสายตาเดียวกัน ออกอาการงุนงงปนระแวง ต่างหายใจหายคอไม่ใคร่จะทั่วท้อง
“กระเป๋าน้องดาวล่ะ...โธ่เอ๊ย!” พลอยทับทิมรีบตรงไปเกาะระเบียง แล้วก้มมองผลงานของผู้จากไป ด้านล่างเป็นซุ้มเถากุหลาบ ที่บัดนี้มีเสื้อผ้า และของใช้ของดาวพรายหล่นเกลื่อนดารดาษ เธอเอามือทาบอก แล้วหันไปสั่งการคนงานให้รีบลงไปเก็บ
ส่วนตัวเองจะรีบพาดาวพรายขึ้นไปห้องพักพนักงาน
“พี่ต้องขอโทษแทนคุณข่านด้วยนะ ปกติคุณข่านก็ไม่ได้ไร้เหตุผลแบบนี้หรอกค่ะ พี่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” พลอยทับทิมยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเบาๆ พลางส่ายหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
ห้องพักของดาวพรายอยู่บนด้านบนของตึกที่คนงานพาเธอเข้ามาในตอนแรก การตกแต่งเรียบง่าย โทนสีขาว ด้านหน้าไม่มีระเบียงแต่กำแพงเป็นกระจกแบบวันเวย์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอก แต่ไม่ว่ามองจากมุมไหน ที่นี่ก็งดงามสมแล้วที่เป็น ‘ของหวง’
