ว่าที่แฟน
ติ๊ด! ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น บ่งบอกว่า ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
ฉันคิดไม่ตกเดินวนรอบห้องไปมา เมื่อถึงเวลานัด ตอนนี้มันไม่มีตัวเลือกอะไรทั้งนั้น หรือถ้าเกิดว่าฉันไม่ไป พี่คินน์คงไม่ยอมจบง่ายๆ
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับฉันที่มองไปรอบๆ ด้วย ความหวาดระแวงเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็น
ผ่านไปราวๆ เกือบสองนาทีบานประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมพี่คินน์ที่มองมาทางฉันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ เรือนร่างกำยำท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างจะมีเพียงแค่ผ้าขนหนูที่ปกปิดเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“มัวทำอะไรอยู่ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้!” เขาถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องขยับถอยหลังหนีเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ
“หรืออยากจะเล่นตัวให้ฉันเป็นฝ่ายไปหาเอง!?”
“คือ…”
“ช่างเหอะ! ทีหลังอย่าช้าแบบนี้อีก” เขาคว้าข้อมือฉันไว้แน่นหลังจากที่พูดจบประโยคนั้น ก่อนจะกระชากให้เดินตามเข้ามาในห้องนอน
ดวงตากลมโตสั่นระริกเต็มไปด้วยความหวาดระแวงเพราะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง
“มองหน้าฉันทำไม?” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันยืนมองเขาอยู่แบบนั้นนานหลายนาที
“นับแค่สงสัยว่าทำไมพี่ต้องทำแบบนี้”
“ก็ไม่ทำไม วันนี้แค่เซ็งๆ เลยเรียกเธอมาระบายอารมณ์ แต่ดูจากสภาพ เธอแล้วเหมือนว่าจะเซ็งกว่าเดิม”
“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาบอก
“ยืนนิ่งทำไม ถอดเสื้อผ้าออกสิ”
“นับไม่อยากทำ พี่ก็รู้ดีว่านับไม่ได้เต็มใจ”
“ถ้าเปลี่ยนจากฉันเป็นไอ้คราม เธอคงเต็มใจนอนอ้าขาให้มันสินะ”
“…..”
“แต่เสียใจด้วยนะที่ต้องมานอนอ้าขาให้ฉันเอาแทน ไม่ใช่ไอ้ครามเหมือนที่เธอหวังไว้”
ฉันยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อควบคุมสติและกลั้นความรู้สึกไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาในตอนนี้ เพราะไม่อยากให้เขามองว่าฉันอ่อนแอหรือทำตัวเรียกร้องความสนใจ ในสายตาของพี่คินน์แล้วไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ผิดไปหมดทุกอย่าง
“คลานมาหาฉันสิ เผื่อฉันจะพอใจแล้วเลิกยุ่งกับเธอ” พี่คินน์ที่นั่งรออยู่ บนเตียงออกคำสั่งพลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“…..” ฉันยอมทำในสิ่งที่เขาบอกคือย่อตัวคุกเข่าคลานเข้าไปนั่งกลางหว่างขาของคนตัวโต
“เอามันเข้าปากแล้วอมซะ!” ผ้าขนหนูถูกกระชากออกจนเผยให้เห็นถึงแก่นกายลำใหญ่ของคนตัวโต
“พะ…พี่คินน์!”
“รังเกียจผัวตัวเอง?”
“…..”
“ถ้าอยากออกไปจากห้องนี้ก็รีบทำให้ฉันเสร็จ ไม่งั้นเธอได้อยู่ในห้องนี้ทั้งคืนแน่!”
“แต่นับทำไม่เป็น”
“ถ้าไม่ลองแล้วจะทำเป็นไหม อย่าชักช้า!”
ฉันเลื่อนมือที่สั่นเทาเข้าไปจับท่อนเอ็นลำใหญ่เมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มมีอาการหงุดหงิด ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วครอบริมฝีปากอมมันจนมิดในลำคออย่างเงอะงะ
“อึก~” ฉันหลับตานิ่งพร้อมกับขยับศรีษะขึ้นลงเพื่ออมมันอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ว่าคนที่ถูกกระทำมีสีหน้าแบบไหน
“เร็วกว่านี้หน่อยสิ” มือหนาเลื่อนมาขยุ้มเส้นผมตรงท้ายทอยไว้แน่น แล้วบังคับให้ฉันขยับริมฝีปากตามจังหวะที่เขาต้องการ
อ๊อก! อ๊อก! เสียงลามกดังขึ้นตามจังหวะพร้อมกับฉันที่เกิดอาการสำลักเพราะหายใจไม่ทัน
“ซี๊ดดด~” พี่คินน์เปล่งเสียงร้องครางเมื่อฉันใช้เรียวลิ้นโลมเลียไปยังส่วนปลายตามที่เขาบอกก่อนจะรู้สึกถึงน้ำลายของตัวเองที่ไหลออกมาเปรอะเปื้อนบริเวณริมฝีปาก
“ขึ้นมา” เขาออกคำสั่งพร้อมกับดึงฉันให้ขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัก
“…..” ฉันได้แต่นั่งนิ่งในขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้าของฉันออกทีละชิ้น
“อ๊ะ!” ทันทีที่ริมฝีปากหนาโน้มลงมาขบเม้มดูดดึงที่เนินอกสองข้างสลับกัน ทำเอาฉันสะดุ้งและเผลอร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้
แม้จะไม่ได้เต็มใจ แต่ร่างกายไม่รักดีกลับตอบสนองต่อสัมผัสที่เขามอบให้
“จับมันใส่เข้าไปในร่องของเธอ แค่นี้ทำได้ไหม”
“…..” มือเล็กวางลงบนบ่าแกร่งเพื่อทรงตัว แล้วยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บเมื่อจับท่อนเอ็นลำใหญ่สอดใส่เข้ามาจนรู้สึกคับแน่น
“ขยับสิ มัวรออะไรอยู่”
ฉันขยับร่างกายขึ้นลงอย่างช้าๆ เพราะรู้สึกเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ต้องกัดฟันทำมันจนกว่าเขาจะพอใจหรือบอกให้หยุด
“ลีลา!” สิ้นประโยคนั้น พี่คินน์จึงกระแทกเอวสอบสวนขึ้นมาแล้วเร่งจังหวะตามที่เขาต้องการ
“เบาๆ หน่อย นับเจ็บ!” ริมฝีปากบางสั่นระริกไปด้วยความเจ็บแสบ แต่ดูเหมือนว่าคำร้องขอของฉันจะไม่เป็นผล ยิ่งเห็นว่าฉันเจ็บ เขายิ่งทำมันแรงกว่าเดิม
“โดนฉันเอาแค่นี้คงไม่ตาย อย่าทำสำออย”
ปัก! ปัก! เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วบริเวณห้องนอน เรือนร่างของฉันสั่นคลอนตามแรงที่เขาส่งมา ตอนนี้ได้แต่กัดฟันยินยอมให้เขาตักตวงความสุขบนร่างกายจนกว่าจะพอใจ
มือหนาเลื่อนมาบีบเคล้นที่เต้าอวบทั้งสองข้างอย่างเอาแต่ใจจนเกิดเป็นรอยแดง ส่วนจุดเชื่อมต่อยังคงเหนียวแน่นประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
“ดูเหมือนว่าตรงนั้นของเธอเริ่มจะชินกับฉันแล้วนะ” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังใช้นิ้วลูบไล้บดคลึงไปยังจุดกระสันพร้อมกับดูดนมฉันไปด้วย
“ฮึก พะ…พี่คินน์ อย่าทำแบบนั้น”
“ตอดแน่นขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ?”
“อึก นับจะ…จุก”
“จูบกันหน่อยไหม เผื่อฉันจะแตกเร็วขึ้น”
ยังไม่ทันได้ตอบหรือพูดอะไรก็ถูกคนตัวโตบีบปลายคาง แล้วประกบจูบแบบหนักหน่วงจนเริ่มหายใจไม่ทัน เรียวลิ้นสากค่อยๆ แทรกเข้ามาในโพรงปากอย่างเอาแต่ใจ
“อื้มม~” เล็บคมจิกลงบนต้นแขนแกร่งเพื่อให้เขาอ่อนโยนกับฉันบ้าง
“พอแล้วพี่คินน์ นับเจ็บไปหมดแล้ว”
“อ่าส์~” สันจมูกโด่งคมโน้มต่ำลงมาคลอเคลียที่ลำคอ ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะให้ถี่และเร็วขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายของฉันทุกหยาดหยด
ฉันรีบผละตัวลุกขึ้นจากตักแกร่ง พร้อมกับน้ำรักของพี่คินน์ที่ไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนเรียวขาทั้งสองข้าง
“เสร็จแล้วก็รีบออกไปสิ หรือที่ยืนนิ่งเพราะอยากให้ฉันซ้ำอีกรอบ?”
ฉันเม้มปากไว้แน่นพร้อมฝืนร่างกายก้มเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นขึ้นมาสวมใส่
หลายวันต่อมา
ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่คินน์ยังคงเหมือนเดิม เขาเรียกฉันไปหาทุกคืนถ้าวันไหนที่ฉันอิดออดหรือไม่ยอมไป เขาจะเป็นฝ่ายลงมาหาที่ห้อง พร้อมพูดจากระแดกดัน แล้วทำเรื่องแบบนั้นอีกเป็นเท่าตัว ด้วยความกลัวและไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมก้มหน้ารับชะตากรรม
“ทำอะไรอยู่คะ?” ฉันถามป้าลีที่กำลังก้มหน้าก้มตาขมักเขม้นทำอาหารอยู่ในครัว ดูเหมือนว่าวันนี้จะพิเศษกว่าวันไหนๆ เพราะป้าลีลงมือเข้าครัวเอง
“ป้ากำลังเตรียมของทำอาหารเย็นอยู่น่ะ”
“วันนี้มีแขกเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ เห็นพี่คินน์บอกว่าจะพาเพื่อนมาทานข้าวเย็นที่บ้าน”
“ถ้างั้นเดี๋ยวนับช่วยนะคะ”
“ดีเลยจ้ะ งั้นช่วยเอาผักไปล้างให้ป้าทีนะ”
ฉันยืนมองอาหารมากมายหลายอย่างที่ลงมือทำกับป้าลี กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง
“รีบไปจัดโต๊ะกันเถอะ เมื่อกี้พี่คินน์โทรมาบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว”
เวลาถัดมา
“แม่” เสียงพี่คินน์ดังขึ้นพร้อมกับผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษาหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสนิทสนม ฉันได้แต่ยืนมองภาพเล่านั้นแต่ไม่ได้พูดอะไร
“มากันแล้วเหรอ แม่จัดโต๊ะเสร็จพอดี”
“สวัสดีค่ะ” เธอคนนั้นยกมือไหว้ทักทายป้าลีด้วยความนอบน้อม
“คนนี้น่ะเหรอที่คินน์บอกว่าอยากพามาให้แม่รู้จัก”
“เธอชื่อลดา เป็นแฟนผมเอง”
“ตายจริง! แอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกแม่”
“คบกันมาสักพักแล้วครับ”
“ปกติคินน์ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน คนนี้คงจริงจังแล้วใช่ไหม?”
“ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร ผมว่าจะให้ลดาค้างที่บ้านเราสักคืน”
สายตาของพี่คินน์เหลือบมามองฉันแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเธอคนนั้นดังเดิม
