ตามรังควาน
“ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร ผมว่าจะให้ลดาค้างที่บ้านเราสักคืน”
“แล้วครอบครัวของหนูลดารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?” ลีลาวดีเอ่ยถามหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของลูกชาย
“ทราบค่ะ ลดาเคยบอกเรื่องนี้กับพวกท่านแล้ว”
“ถ้าเป็นแบบนั้นแม่ก็สบายใจ ยังไงพวกเราสองคนก็โตแล้ว แม่ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ขอบคุณคุณแม่ที่เอ็นดูลดานะคะ”
“ฉันบอกแล้วไง ว่ายังไงแม่ก็ต้องชอบเธออยู่แล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่คินน์ยังเลื่อนมือไปโอบไหล่แฟนสาวไว้แน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“ส่วนนี้คือหนูนับดาวนะ เป็นลูกแม่อีกคน รู้จักกันไว้นะ”
“สวัสดีค่ะ” ร่างบางยกมือไหว้ทักทายลดาหลังจากที่ผู้เป็นป้าพูดจบ
“คินน์เคยพูดเรื่องคุณนับดาวให้ฟังบ้างแล้ว ตัวจริงคุณนับดาวน่ารักมากเลยนะคะ ไม่เห็นจะหน้าตาน่าเกลียดเหมือนที่คินน์เคยบอกเลย”
“ตาคินน์พูดถึงน้องแบบนั้นเหรอ?” ลีลาวดีถามลูกชาย พลางจ้องมองด้วยสายตาคาดโทษ
“ใช่ค่ะ คินน์บอกกับลดาแบบนั้น”
“ลูกคนนี้มันใช้ได้ที่ไหน ชอบแกล้งน้องอยู่เรื่อยๆ”
“คุณนับน่ารักขนาดนี้คงมีคนเข้ามาจีบเยอะเลยใช่ไหมคะ?”
“เอ่อ…” นับดาวถึงกลับลังเล เมื่อได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมาทางเธอ
“อย่าบอกนะว่าสวยๆ แบบนี้ยังไม่มีแฟน”
“ยะ…ยังไม่มีค่ะ”
“น่าเหลือเชื่อจังเลยนะ ลดาคิดว่าคุณมีแฟนแล้วซะอีก”
“…..” เมื่อไม่มีคำตอบ นับดาวจึงเลือกที่จะส่งยิ้มบางๆ อย่างเป็นมิตรให้กับลดา
“พี่ชายลดาก็โสดเหมือนกัน แถมยังหล่อมากๆ ด้วย ถ้าคุณนับสนใจบอกได้นะคะ เดี๋ยวลดาจะติดต่อ…” พูดไม่ทันจบประโยค มือหนาของชายหนุ่มก็เผลอ บีบเข้าที่หัวไหล่ของแฟนสาวอย่างแรง ทำเอาลดาถึงกลับร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บ
“อ๊ะ! คินน์ เบาหน่อยสิคะ ลดาเจ็บนะ”
“โทษที พอดีกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” คินน์ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเผลอมองไปทางนับดาวอยู่บ่อยๆ
“หนูลดาคุยสนุกจังเลยนะ ถ้าเป็นไปได้แม่อยากให้มาบ้านนี้บ่อยๆ นับดาวจะได้มีเพื่อน” ลีลาวดีพูดขึ้น
“อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คินน์เลยค่ะว่าอยากให้ลดามาไหม จริงไหมคะ?”
“…..”
“คินน์คะ คินน์!” ลดาเรียกแฟนหนุ่มด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม หลังจากที่เห็นเขานั่งเหม่อลอยคล้ายกับคิดอะไรบางอย่าง
“ว่าไง?”
“มัวใจลอยอะไรอยู่คะ ลดาเรียกตั้งนานแล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวกันเถอะ” ชายหนุ่มพูดตัดบทแค่นั้น ก่อนจะตักอาหารใส่จานของแฟนสาว
“ตาครามมาพอดีเลย แม่กำลังจะโทรตามอยู่แล้วเชียว”
ทุกคนต่างหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาใหม่คือคราม
“ผมแวะส่งงานอาจารย์นิดหน่อย เลยกลับช้า”
“ครามมาก็ดีแล้ว คนนี้เป็นแฟนตาคินน์เองชื่อหนูลดา รู้จักกันไว้นะ”
“สวัสดีค่ะพี่คราม” ลดายกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ขี้เกียจจะรู้จัก ลูกชายแม่มันเล่นเปลี่ยนแฟนเดือนละคนแบบนี้ ใครจะไปจำหน้าได้!”
“…..” ทุกคนต่างชะงักไปตามกันหลังจากที่ได้ยินครามพูดกลับมา
“เอ่อ…นั่งลงข้างๆ หนูนับสิ จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน” ลีลาวดีถึงกลับรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของลดา
“พี่ครามนั่งลงตรงนี้เลยค่ะ เดี๋ยวนับตักข้าวให้”
“ขอบใจ” มือหนาเลื่อนไปขยี้หัวนับดาวด้วยความเอ็นดู ซึ่งแตกต่างจากลดาอย่างชัดเจน
“อันนี้เป็นใบสมัครเรียนของมหาลัยพี่นะ ถ้านับพร้อมหรืออยากไปสมัครเรียนวันไหนก็บอก เดี๋ยวพี่พาไป”
นับดาวรับเอกสารจากมือครามก่อนจะเห็นว่าเป็นใบสมัครเรียนของมหาลัยเอกชนที่พวกเขาสองคนพี่น้องเรียนอยู่
“ขอบคุณมากค่ะ แต่นับขอคิดดูก่อนนะ”
“ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เรื่องค่าเทอมของหนู ป้าจะเป็นคนรับผิดชอบให้เอง”
“แต่ค่าเทอมมันแพงมาก นับไม่อยากรบกวนป้าลี แค่ให้ที่กินที่อยู่กับนับ ก็ถือว่าเป็นบุญคุณมากแล้วค่ะ”
“โธ่! หนูนับ ขี้เกรงใจเหมือนแม่ไม่มีผิด อะไรที่ป้าช่วยได้ ป้าก็อยากช่วยนะ หนูไม่ต้องคิดมาก” ลีลาวดีมองหน้าหลานสาวด้วยความเอ็นดู นิสัยและท่าทางของนับดาว ทำให้เธออดคิดถึงวาดเดือนเพื่อนสนิทไม่ได้จริงๆ
“นับขอเรียนแค่มหาวิทยาลัยธรรมดาก็พอแล้วค่ะ”
“ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงป้าก็ไม่สบายใจ มหาลัยที่หนูพูดถึงอยู่ห่างบ้านเราตั้งไกล กว่าจะไปกลับคงนั่งรถหลายชั่วโมง แบบนี้ก็เหนื่อยแย่เลยสิ”
“พี่เห็นด้วยกับแม่นะ เรียนใกล้บ้านยังไงก็ดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องไป คิดมาก” ครามพูดสมทบ ทุกบทสนทนาจะมีเพียงคินน์ที่นั่งฟังแบบเงียบๆ ไม่ออกความเห็นใดๆ
“…..”
“ถือว่าเห็นแก่แม่หนูนะ ป้ารับปากกับแม่หนูแล้ว ยังไงก็จะดูแลหนูให้ดีที่สุด”
“ก็ได้ค่ะ แต่เพื่อความสบายใจของนับ นับขอออกไปหางานพาร์ทไทม์ทำได้ไหมคะ?” นับดาวจำใจตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก พลางปรายสายตาไปมองคินน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอกลัวว่าเขาจะถูกเขาเกลียดมากกว่าเดิมที่ลีลาวดีส่งให้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
“หนูคิดดีแล้วเหรอที่จะหางานทำ?”
“นับไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ ค่ะ แล้วก็ไม่อยากขอเงินป้าบ่อยๆ ด้วย”
“ถ้าหนูคิดแบบนั้นแล้วสบายใจ ป้าก็ไม่ห้าม ตามใจหนูเลยจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะป้าลี” นับดาวยกมือไหว้ด้วยความซึ้งใจ นอกจากลีลาวดีแล้ว เธอก็ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหนให้พึ่งพาได้อีก
“นับทานข้าวอิ่มแล้ว ขอตัวไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านก่อนนะคะ”
“เชิญตามสบายเลยจ้ะ”
นับดาวหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกจากตรงนั้นด้วยความโล่งใจ สายตาของคินน์ที่มองมาทางเธอมันทำให้รู้สึกอึดอัดจนไม่อยากนั่งอยู่ต่อ
“คิดดีแล้วหรือไงที่จะออกไปหางานทำ”
คนตัวเล็กถึงกลับสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ในขณะที่กำลังทอดสายตามองไปยังดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
“คิดดีแล้วค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่ได้หันไปมองหน้าคนที่มาใหม่แต่อย่างใด
“สภาพอ้อนแอ้นอย่างเธอจะไปทำอะไรได้”
“นับทำได้หลายอย่างเลยค่ะ เคยช่วยแม่ออกไปรับจ้างอยู่บ่อยๆ”
“ฉันว่านอนอ้าขาให้ฉันเอาเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้วนะ หรือถ้าเธออยากได้เงิน เดี๋ยวฉันจ่ายให้ก็ได้”
“…..” คนตัวเล็กค่อยๆ หันหลังกลับไปมองเมื่อได้ยินประโยคที่แสนจะดูถูกดูแคลน ไม่ว่าจะพยายามหนีแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งตามทั้งๆ ที่เขาบอกว่าเกลียดเธอยิ่งกว่าอะไร
“แค่โดนเอาไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ตั้งหลายหมื่น จะไปหาที่ไหนได้อีก ลองเก็บเอาไปคิดดูนะ” มือหนาเลื่อนไปจับปลายคางมนเพื่อให้เชิดขึ้นมาสบตากับเขา
“พี่คินน์คงเข้าใจผิด นับไม่ได้ขายตัว”
“แล้วสภาพเธอตอนนี้มันไม่เหมือนขายตัวตรงไหน นอนแบให้ฉันเอาจนน้ำแตกทุกวัน”
“พี่ก็รู้ว่านับไม่ได้เต็มใจ”
“เหอะ! ไม่เต็มใจแต่เสร็จคาค…ฉันทุกรอบ มันฟังดูย้อนแย้งไปหน่อยนะ”
“หยุดพูดได้แล้ว นับไม่อยากฟัง” ดวงตากลมโตมองไปบริเวณโดยรอบ ด้วยความเลิ่กลั่ก เพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็นหรือได้ยินในสิ่งที่กำลังพูดคุยกัน
“รับความจริงไม่ได้เหรอ”
“พอเถอะพี่คินน์ อย่ามายุ่งหรือวุ่นวายกับนับอีกเลย พี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” ร่างบางพูดเสียงสั่น เธอพยายามเก็บความรู้สึกอัดอั้นนี้มาตลอด
“ก็ไม่ทำไม แค่อยากให้เธอลองอยู่ในสถานะเมียเก็บดู ฉันว่ามันตื่นเต้น เร้าใจดีนะเธอคิดเหมือนกันไหม?”
“ต้องให้นับทำยังไง พี่ถึงจะเลิกยุ่งกับนับสักที นับไปทำอะไรให้พี่นักหนา”
“หยุดบีบน้ำตา ยังไงฉันก็ไม่มีวันสงสารเธอหรอก”
“ถ้านับย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ พี่คงจะพอใจใช่ไหม”
“เด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะมีปัญญาไปไหนได้”
“ต่อให้นับไม่มีที่ไป หรือต้องนอนข้างถนน แต่มันก็ยังดีกว่าต้องอยู่กับคนเลวอย่างพี่” นับดาวพูดอย่างไม่มีทางเลือก เธอรู้มาตลอดว่าเขาเห็นเธอเป็นแค่หมากตัวนึงที่อยากจะสั่งหรือบังคับให้ทำอะไรก็ได้
“ปากดีนักนะ พอมีไอ้ครามให้ท้ายก็คิดที่จะแข็งข้อกับฉันงั้นเหรอ?”
“พี่อยากจะคิดยังไงก็แล้วแต่พี่เลยค่ะ”
มือหนาเลื่อนไปบีบใบหน้าแสนหวานอย่างแรงหลังจากที่ได้ยินเธอพูดประโยคนั้น
“พี่คินน์ปล่อย! นับเจ็บ!” ใบหน้าแสนหวานเบ้ออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกเขาออกแรงบีบมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่คิดว่าเธอจะหนีจาก เขาก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในทันที
“ถ้าคิดว่าหนีฉันพ้นก็ลองดูสิ!”
