บุกรุก
หญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจกด้วยความไม่มั่นใจ วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสรัดรูปสีขาวเปิดไหล่โชว์ผิวเนียน ซึ่งมันเป็นชุดที่ดีที่สุดที่มีอยู่
“วันนี้หนูนับของป้าสวยมากจริงๆ” ลีลาวดีมองหลานสาวด้วยความเอ็นดูใบหน้าแสนหวานจิ้มลิ้มกับชุดที่คนตัวเล็กสวมใส่ในตอนนี้มันยิ่งทำให้นับดาวดูน่าทะนุถนอมมากขึ้นไปอีก
“ขอบคุณค่ะป้าลี” นับดาวได้แต่ยิ้มบางๆ ด้วยความเขินอาย
“รีบไปเถอะจ้ะ ป่านนี้พี่ครามคงรอนานแล้ว เที่ยวให้สนุกนะ”
“งั้นนับขอตัวก่อนนะคะ”
นับดาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะตรงมายังลานจอดรถที่อยู่หน้าบ้าน เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่าเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว
“ขอโทษที่มาช้านะคะ” ร่างบางพูดด้วยความเหนื่อยหอบเมื่อเห็นว่าครามยืนรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
“ไม่เป็นไร พี่รอได้ รีบไปขึ้นรถสิ”
“เราจะไปกันแค่สองคนเหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัยเมื่อมองไปรอบๆ บริเวณแล้วไม่เห็นใคร
“ไปกันแค่สองคนนี่แหละ วันนี้แม่มีงานเลี้ยงสมาคมคงไม่ได้ไปกับพวกเรา”
“แล้วพี่คินน์…”
“พี่ไม่ได้ชวนมัน เพราะกลัวว่าจะทำให้เราอึดอัด”
“…..” นับดาวพยักหน้ารับรู้ เป็นอย่างที่ครามบอก ถ้าเขาไปด้วยเธอคงต้องรู้สึกอึดอัดเป็นแน่
“งั้นรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวรถติด”
ร้านอาหาร
“สวัสดีค่ะคุณคราม วันนี้มากี่ท่านคะ?” พนักงานสาวเอ่ยตอนรับลูกค้าประจำที่เพิ่งมาถึง
“มาสองคน”
“ถ้างั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ”
ดวงตากลมโตวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น เพราะสถานที่ที่ครามพาเธอมามันคือภัตตาคารระดับห้าดาวราคาอาหารคงแพงไม่ใช่เล่น
“แฟนคุณครามน่ารักจังเลยนะคะ หน้าตาจิ้มลิ้มเชียว”
“ไม่ใช่แฟนแต่เป็นน้องสาว”
“…..” นับดาวยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำตอบของคนที่พามาวันนี้ ทั้งๆ ที่เธอเป็นแค่เด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เขากลับดูไม่รังเกียจเธอเลยสักนิด
“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ เดี๋ยวพี่จ่ายให้เองไม่ต้องเกรงใจ”
“มีแต่อาหารราคาแพงทั้งนั้นเลยค่ะ” นับดาวพูดอย่างเกรงใจเมื่อเห็นรา
คาของแต่ล่ะเมนู กินข้าวที่นี่แค่มื้อเดียวยังแพงกว่าค่าข้าวของเธอทั้งเดือนก็ว่าได้
“ไม่เป็นไรหรอก นานๆ ได้กินที” ครามพูดดักอย่างรู้ทันเมื่อเห็นสีหน้ากัง
วลของคนตรงหน้า
“ร้านนี้สเต๊กเนื้ออร่อยมากนะ พี่มาทีไรต้องสั่งกินตลอด นับอยากลองชิมดูไหม?”
“นับกินอะไรก็ได้ค่ะ”
“งั้นของนับเอาเป็นสเต๊กเนื้อกับสลัดแล้วกันนะ”
“ค่ะ” คนตัวเล็กพยักรับอย่างว่าง่าย
“พี่ครามมาทานอาหารที่นี่บ่อยเหรอคะ?”
“ก็ไม่ค่อยบ่อยมาก เดือนละสามสี่ครั้ง”
“ขอบคุณนะคะที่พานับออกมาเที่ยว”
“พี่เห็นเราอดอู้อยู่แต่ในบ้าน เลยกลัวว่าเราจะเหงาเลยอยากพาออกมาเปิดหูเปิดตา”
“…..”
“อยากลองดื่มไวน์กับพี่ไหม?”
“ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีว่านับไม่ดื่มแอลกอฮอล์” หญิงสาวบอกปฏิเสธเมื่อเขายื่นแก้วไวน์ให้เธอ
“แล้วเราคิดจะเรียนต่อหรือเปล่า?”
“นับก็อยากเรียนนะคะ แต่ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับป้าลีเลย”
“เดือนหน้ามหาลัยพี่เปิดรับสมัครพอดี เอาไว้เดี๋ยวพี่พาไปสมัคร”
“อย่าเลยค่ะ มหาลัยที่พวกพี่เรียนค่าเทอมแพงมาก นับคงไม่มีปัญญาไปเรียนหรอกค่ะ” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นอย่างเจียมตัว เพราะมหาวิทยาลัยที่ครามกับคินน์เรียนเป็นเอกชนระดับประเทศซึ่งมีค่าเทอมหลายแสนต่อเดือน เธอคงไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายแน่ๆ
“ค่าเทอมแค่ไม่เท่าไหร่ ป้าลีของนับจ่ายได้สบายอยู่แล้ว ดีซะอีกเวลาไปเรียนจะได้ไปพร้อมกัน”
“แต่นับเกรงใจป้าลี ว่าจะลองหางานเสริมทำด้วย”
“ยังไงแม่ก็คงไม่ยอมให้นับออกไปทำงานลำบากหรอก เชื่อพี่สิ”
“…..” นับดาวเงียบไปพลางใช้ความคิด ถึงแม้จะรู้ว่าป้าของเธอสามารถส่งเสียให้เรียนต่อได้ แต่เธอเกรงใจและไม่อยากจะรบกวนเงินของป้า
บ้านเอกอนันต์
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ”
“ถ้านับชอบเดี๋ยวพี่พาไปบ่อยๆ เลยดีไหม”
“ดีค่ะ เวลาอยู่กับพี่แล้วนับรู้สึกสบายใจ”
“พี่เองก็ยินดีนะที่เราอยู่บ้านหลังนี้อย่างมีความสุข” มือหนาเลื่อนไปลูบหัวหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว นับรีบไปพักเถอะ”
“ถ้างั้นนับขอตัวก่อนนะ” สิ้นประโยคนั้น เธอจึงเดินเลี่ยงออกมาแล้วตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่เหลวลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้องน้ำ เธอใช้เวลาราวๆ สามสิบนาทีในการอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด นับดาวมองตัวเองในกระจกก่อนจะคิดถึงความทรงจำดีๆ ที่เพิ่งผ่านมา
แกร้ก~ ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนเตียงนอนของเธอ
“พะ…พี่คินน์!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างกระชับผ้าขนหนูไว้แน่น
มันคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าเกิดว่ามีคนมาเห็นเธอและเขาอยู่ในห้องนอนด้วยกันแบบสองต่อสองในสภาพล่อแหลมแบบนี้
“พี่เข้ามาในห้องนับได้ยังไง?”
“ก็ที่นี่มันบ้านฉัน แล้วทำไมจะเข้าไม่ได้”
“แต่นี่มันดึกมากแล้วนะ พี่ออกไปก่อนเถอะค่ะ มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
นับดาวพยามบังคับน้ำเสียงและท่าทางให้เป็นปกติมากที่สุด พลางสอดส่องสายตามองหาช่องทางหนี เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ที่ลอยคละคลุ้งออกมาทางลมหายใจของชายหนุ่ม
“ทำไมตอนอยู่กับฉันไม่เห็นเธอจะระริกระรี้ยิ้มหน้าระรื่นเหมือนอยู่กับไอ้ครามเลยล่ะ” คินน์แสยะยิ้มมุมปากจ้องมองเรือนร่างอรชรแบบไม่วางตา ก่อนจะคว้าขวดเหล้าที่วางอยู่ แล้วเดินเข้าไปใกล้เพื่อต้อนให้เธอจนมุม
“พากันกลับดึกขนาดนี้ไปถึงไหนกันมา?”
“พี่เมามากแล้ว นับขอเถอะค่ะ ถ้ามีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง”
หมับ! ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกชายหนุ่มบีบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง แล้วทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดคือกรอกเหล้าใส่ปากเธอ
“กลืนลงไปให้หมด ถ้าไม่กลืนไม่หมดเธอเจอดีแน่!”
“อึก!” ใบหน้าแสนหวานบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บก่อนจะกลืนเหล้าลงคออึกใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อย่าแกล้งนับเลยนะพี่คินน์”
“แล้วใครบอกว่าฉันแกล้ง” แขนแกร่งยกขึ้นท้าวกับผนังห้องเพื่อกันไม่ให้เธอหนี
“พะ…พี่จะทำอะไร”
“ฉันว่าเรามาหาอะไรทำสนุกๆ กันดีกว่านะ” มือสากเลื่อนไปกระชากผ้าขนหนูของเธอออก แล้วโน้มริมฝีปากลงไปประกบจูบหนักๆ พลางสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากเล็ก ยิ่งเห็นว่าเธอกลัวเขายิ่งอยากเล่นสนุก…
“อื้อออ” เล็บสวยจิกลงบนท่อนแขนแกร่งเพื่อให้เขาหยุดการกระทำ แต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้เลย กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งเมื่อถูกฟันคมของชายหนุ่มขบกัดที่ริมฝีปากอย่างแรง
“นับกลัวแล้ว พอเถอะนะพี่คินน์”
