ตามเมีย
“ปากดี! คงต้องโดนฉันอบรมสั่งสอนบ้างแล้วล่ะ”
ฉันขยับถอยหลังหนีเมื่อเห็นท่าทางคุกคามของพี่คินน์ที่กำลังเดินตรงเข้ามา ก่อนที่เขาจะกระชากข้อมือของฉันให้เข้าหาอย่างแรง
“พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อยนะ”
“กลัวงั้นเหรอ ตอนปากดีกับฉันไม่เห็นว่าเธอจะกลัว”
แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างฉันอยู่บ้างเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นป้าลีที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
“ป้าลีคะ ป้าลี นับอยู่ทางนี้ค่ะ” ฉันตะโกนร้องเรียกป้าจนสุดเสียง จนทำให้พี่คินน์ยอมปล่อยฉันแต่โดยดี
“รู้จักเอาตัวรอดดีนิ เก่งแบบนี้ให้มันตลอดก็แล้วกัน!” เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับขยับถอยห่างเมื่อป้าลีเดินเข้ามาใกล้
“…..”
“มาทำอะไรตรงนี้ล่ะหนูนับ ทำไมไม่เข้าบ้าน ตาคินน์ก็เหมือนกัน มาทำอะไรตรงนี้?” ป้าลีเดินตรงเข้ามาถาม พร้อมมองหน้าพี่คินน์สลับกับฉันด้วยความสงสัย
“ผมแค่เดินผ่านมา กำลังจะเข้าบ้านพอดี” สิ้นประโยคเขาก็เดินจากไป จะเหลือก็เพียงฉันที่ยังยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่าหนูนับ ทำไมหน้าซีดแบบนั้น”
“นับรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะป้าลี ขอตัวไปพักก่อนนะคะ” ฉันรีบเลี่ยงเดินออกมาจากตรงนั้น เพราะกลัวว่าป้าจะสงสัยหรือถามอะไรไปมากกว่านี้
“…..”
มหาวิทยาลัย
“เป็นอะไรไปย่ะ ฉันเห็นแก่นั่งเหม่อลอยมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว”
“มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก” ฉันหันไปตอบเพลินที่นั่งข้างๆ พลางยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อเรียกสติไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
“มีอะไรก็เล่าให้พวกฉันฟังได้นะ เผื่อพวกเราจะช่วยเหลือแกได้ ไม่ต้องเกรงใจ” วาวาพูดแทรกขึ้น
“ขอบใจมากนะ แต่ไม่มีอะไรจริงๆ” ฉันยังคงยืนยันคำเดิมเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ คิดมากไปด้วย
“นั่นพี่ชายแกใช่ไหมนับ?”
ฉันรีบหันขวับไปมองเมื่อได้ยินในสิ่งที่เพลินนั้นบอก แล้วเห็นว่าเป็นพี่คินน์ที่เดินมายังโต๊ะของพวกฉันที่นั่งอยู่หน้าตึกคณะ
“ใช่พี่คินน์จริงๆ ด้วย เขากำลังเดินตรงมาทางนี้”
“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อคนตัวโตเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะมาหยุดยืนที่ตรงหน้าฉัน
“เลิกเรียนแล้วใช่ไหม เดี๋ยววันนี้กลับบ้านพร้อมฉัน”
“เอ่อ…” ฉันถึงกลับเลิ่กลั่กเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเดินเข้ามาทัก
“ฉันเพิ่งเช็คตารางเรียนเธอมา วันนี้เธอเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสองแล้ว”
“แต่วันนี้พี่คินน์เลิกค่ำไม่ใช่เหรอคะ?”
“อย่าทำเป็นรู้มาก รีบเก็บของแล้วตามฉันไปขึ้นรถ” พูดจบเขาก็เดินออกไป โดยไม่รอฟังว่าฉันจะปฏิเสธหรือพูดอะไรต่อ
“…..” พอได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิด ฉันจึงรีบเก็บของใส่กระเป๋าอย่างไม่มีทางเลือก
“พี่ชายแกคนนี้ดูท่าทางดุชะมัด ไม่เห็นจะเหมือนพี่ครามเลย” วาวาพูดขึ้นเมื่อเห็นฉันมีท่าทางลุกลี้ลุกลน เพราะขืนชักช้าหรือทำให้เขาหงุดหงิด ฉันอาจจะเจ็บตัวก็เป็นได้
“ฉันต้องรีบไปแล้ว เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ก๊อก! ก๊อก! ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถของพี่คินน์หลายครั้งในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“พี่คินน์จะกลับทำไมไม่บอกเมเปิ้ลก่อนล่ะคะ?” ผู้หญิงที่อยู่ในชุดนักศึกษารัดรูปจ้องมาทางฉันที่นั่งอยู่เบาะหน้า สายตาของเธอดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร
“มีอะไรหรือเปล่าพอดีฉันรีบ”
“ถ้างั้นเปิ้ลขอติดรถกลับไปด้วยได้ไหม?”
“…..” ดวงตาเฉี่ยวคมหันมามองฉันที่นั่งอยู่แค่เสี้ยววินาทีก่อนจะตอบกลับเธอคนนั้น
“ได้สิ แต่เธอต้องไปนั่งเบาะหลังนะ เพราะวันนี้นับดาวนั่งมาก่อนแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนับไปนั่งข้างหลังเองก็ได้” ฉันรีบพูดแทรกขึ้น แล้วกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ถูกเขาคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้อง อย่าทำตัวให้มันยุ่งยาก”
“…..”
“ถ้าจะไปก็ขึ้นมาสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
เธอคนนั้นเปิดประตูรถขึ้นมานั่งที่เบาะหลังด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก
ระหว่างทางฉันได้แต่นั่งเงียบเก็บความรู้สึกสงสัยเอาไว้ในใจ ท่าทางของเธอคนนั้นดูสนิทสนมกับพี่คินน์มากเกินคำว่าเพื่อน
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง เอาไว้เปิ้ลจะโทรหา พี่อย่าตัดสายเปิ้ลทิ้งอีกนะ”
“พูดจบหรือยัง ฉันจะได้รีบไป”
“งั้นขับรถดีๆ นะคะ เปิ้ลเป็นห่วงพี่นะ” ไม่พูดเปล่าแต่เธอยังชะเง้อหน้ามาหอมแก้มพี่คินน์ฟอดใหญ่ โดยไม่สนใจสายตาของฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยสักนิด
“…..”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ?” ฉันตัดสินใจถามหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินลงจากรถไปแล้ว
“ถามทำไม?”
“พี่นอกใจลดางั้นเหรอ?”
“นอกใจ?” เขาขำออกมาเบาๆ ราวกับคำพูดของฉันมันเป็นเรื่องตลก แต่เปล่าเลย ฉันไม่ได้ตลกด้วยสักนิด
“ฉันไม่เคยรักลดาจะเรียกว่านอกใจได้ยังไง”
“ถ้าไม่รักแล้วที่ผ่านมามันคืออะไร?”
“แล้วจะซักไซ้ให้มันได้อะไรขึ้นมา” ไม่ถามเปล่าแต่เขายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนเกือบจะจูบกันอยู่ร่อมร่อ
“หรือว่าหึงฉัน?”
“อย่านะพี่คินน์ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”
“แล้วเธอคิดว่าฉันแคร์ผู้หญิงพวกนั้นหรือเปล่าล่ะ?”
“…..”
“ไม่ต่างหาก ฉันไม่แคร์ผู้หญิงพวกนั้นเลยสักนิด”
มือบางดันอกแกร่งให้ถอยห่าง แต่ไม่สำเร็จเมื่อเขายังคงโน้มริมฝีปากลงมาประกบจูบกับฉันอย่างดูดดื่มส่วนมือหนาก็เลื่อนมาบีบเคล้นที่เนินอกผ่านเสื้อนักศึกษา โดยไม่กลัวว่าผู้หญิงของเขาจะเห็นเลยสักนิด
“พี่ชอบทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเลยหรือเปล่า?”
“เธอหมายถึงอะไร?”
“ก็ชอบ…”
“เธอคงหมายถึงชอบหอม ชอบจูบ ชอบ…ล้วงแบบนี้ใช่ไหม?”
“…..”
“คงไม่ ฉันชอบทำเฉพาะกับเธอ”
“นับจะบอกลดาเรื่องที่พี่นอกใจเธอ”
“ก็เอาสิ แล้วอย่าลืมบอกเรื่องที่เราสองคนมีอะไรกันด้วยนะ”
ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากมองฉันอย่างเย้ยหยัน ทั้งๆ ที่ลดารักเขามาก แต่เขากลับทรยศหักหลังเธอได้อย่างเลือดเย็น
“พี่มันเลว”
“เธอก็เข้าใจถูกแล้วนิ เพราะฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี”
“…..”
คอนโดK
ดวงตาคู่สวยวาดสายตามองไปรอบข้าง เมื่อรถคันหรูของพี่คินน์เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าคอนโดแห่งนึง
“ลงมาสิ มัวนั่งนิ่งทำอะไรอยู่” เสียงทุ้มต่ำปลุกเรียกสติในขณะที่ฉันกำลังนั่งนิ่งไม่ยอมขยับตัว
“พี่พานับมาที่นี่ทำไม?”
“ลงมาเดี๋ยวก็รู้เอง”
“แต่นับอยากกลับบ้าน”
“ฉันพาเธอกลับแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“…..”
“จะยอมลงมาดีๆหรือจะให้ฉันไปอุ้มลงมา“
พอได้ยินดังนั้น ฉันจึงรีบหยัดตัวลุกขึ้น เดินลงจากรถในทันที เพราะท่าทางของเขาบ่งบอกว่าต้องทำมันจริงๆ แน่ ถ้าเกิดว่าฉันไม่ยอมทำตามคำสั่ง
แกร้ก~ เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับเขาที่ผลักให้ฉันเข้ามาด้านใน
“พี่ถอดเสื้อทำไม?” ฉันถามด้วยความตกใจพลางขยับถอยห่าง เมื่อจู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองออก จะเหลือก็เพียงแต่กางเกงยีนสีซีดเอวต่ำที่สวมใส่ปกปิดท่อนล่าง
“ก็นี่มันห้องฉันแล้วทำไมจะถอดไม่ได้”
“…..”
“ทำเหมือนไม่เคยเห็น มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้วไม่ใช่หรือไง” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะจูบฉันอยู่ร่อมร่อ
“หยุดทำตัวลุ่มล่ามกับนับสักทีเถอะพี่คินน์”
“ทำกับเมียตัวเอง ไม่ได้ไปทำกับคนอื่นสักหน่อย”
“นับไม่ใช่เมียพี่”
“แล้วที่เอากันบ่อยๆ ถ้าไม่ให้ฉันเรียกว่าเมียจะเรียกว่าอะไร?”
“พี่ก็รู้ว่านับไม่ได้เต็มใจที่จะทำเรื่องแบบนั้น”
“แต่ก็ทำไปแล้ว”
ครืด~ ครืด~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ก่อนจะรีบผลักอกพี่คินน์ให้ออกห่างแล้วกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นกวินที่โทรเข้ามา
“ว่าไงกวิน?”
(คืนนี้ว่างไหมที่รัก ออกมาเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อย)
“คงไปไม่ได้ พรุ่งนี้มีเรียน”
(มีเรียนช่วงสายไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันแวะไปรับที่บ้านก็ได้)
“…..” ฉันปรายสายตามองไปยังพี่คินน์ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขามองมาทางฉันเหมือนกัน
(ถ้าเธอไม่มา งานพาร์ทไทม์ที่เคยให้ฉันช่วยหาเป็นอันยกเลิก)
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ได้ จะให้ฉันไปเจอที่ไหนดี?” พอได้ยินดังนั้น ฉันจึงรีบตอบตกลง เพราะกวินเคยรับปากว่าจะหางานพิเศษให้ทำ
(ร้านM ตอนสามทุ่ม เธอรับปากแล้วนะ เพลินกับวาวาก็มาด้วย ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด)
“โอเค แล้วเจอกัน”
ฉันกดวางสายจากกวิน โดยมีสายตาของพี่คินน์ที่จ้องมองอยู่ สายตาของเขามันดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร
“จะออกไปไหน?”
“มีนัดกับเพื่อนค่ะ”
“แต่ฉันได้ยินเสียงผู้ชาย ไอ้นั่นมันเป็นใคร?”
“กวินเป็นเพื่อนนับเอง”
“แล้วใครอนุญาตให้เธอไปกับมัน”
“ป้าลีอนุญาตแล้วค่ะ” ที่ฉันพูดแบบนี้ เพราะป้าลีเคยบอกให้ฉันออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง
“แต่ฉันไม่อนุญาต”
“นับรับปากเพื่อนไปแล้ว ไม่อยากผิดคำพูดค่ะ”
“ถ้าเธอยืนยันแบบนั้นก็ได้ แต่ฉันจะไปด้วย”
“…..”
