คาหนังคาเขา
“อ๊ะ!” ร่างของฉันเซถลาไปตามแรงดึง เมื่อถูกพี่คินน์เดินเข้ามากระชากอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัว เขาหยิบเงินสดจำนวนนึงออกจากระเป๋า ก่อนจะวางลงบนโต๊ะเพื่อจ่ายค่าอาหาร
“กลับบ้าน!”
“แต่เราเพิ่งมาถึงกันเองนะคะ”
“แต่ฉันสั่งให้กลับก็ต้องกลับ ลุกขึ้น!” เขาพยายามฉุดลากฉันให้เดินตามออกมาท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
“เอ่อ…ฉันว่าแกกลับไปก่อนก็ได้นะ เอาไว้วันหลังค่อยมาเที่ยวด้วยกันใหม่” เพลินพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี เมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น เขายังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ
ฉันตัดสินใจเดินตามพี่คินน์ออกมาขึ้นรถ เพราะไม่อยากทำให้พวกๆเพื่อนเดือดร้อนหรือไม่สบายใจ ท่าทางของเขาเหมือนกำลังไม่พอใจฉันเอามากๆ ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด
ตุบ! ฉันถูกเขาเหวี่ยงเข้ามาในรถ จนรู้สึกจุกท้องไปหมด แต่ฉันก็เลือกที่จะเม้มปากเงียบ ไม่พูดหรือร้องออกมา
เล็บสวยจิกลงบนต้นขาไว้แน่นเมื่อรถหรูเคลื่อนตัวออกจากร้านอาหารอย่างเร็ว โดยที่ไม่สนใจฉันที่นั่งข้างๆ
“ขับช้าหน่อยได้ไหมคะ นับกลัว” ฉันบอกเสียงสั่นเมื่อเขาเอาแต่ขับรถปาดซ้ายปาดขวา
“กลัวตายเป็นเหมือนกันเหรอ”
“พี่ไม่กลัวแต่นับกลัว ขับให้ช้ากว่านี้ได้ไหม” ฉันพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมเพราะกลัวมากจริงๆ
“ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันนี่แหละ เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้เธอไปเสวยสุขกับผู้ชายคนอื่น!”
“…..”
“เห็นหน้าซื่อๆ ใสๆ ที่แท้ก็ขาดผู้ชายไม่ได้”
ฉันถึงกลับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว
“พี่พูดเรื่องอะไร นับไม่เข้าใจ”
“ได้กับมันหรือยังล่ะ”
“พี่หมายถึงอะไร?”
“ไอ้กวินน่ะ มันถึงใจเธอดีไหม”
เพียะ! ฉันฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อเหลาของพี่คินน์อย่างแรงด้วยความอัดอั้น เมื่อความอดทนมันหมดลงไป ที่ผ่านมาฉันยอมเพราะคิดว่าเขาจะหยุด แต่เปล่าเลย! เขายังคงข่มเหงดูถูกดูแคลนฉันสารพัด
เอี๊ยดด~ เสียงล้อยางดังเสียดสีกับพื้นถนนคอนกรีตดังลั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อพี่คินน์หักพวงมาลัยเสียหลักหลบเข้าข้างทาง
“กล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน!” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังเลื่อนมือมาบีบที่ปลายคางฉันอย่างแรง
“ตบแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบในสิ่งที่พี่ทำกับนับ”
“ชีวิตเธอเป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับเธอก็ได้”
ริมฝีปากหนาตะโบมจูบลงมาอย่างหนักหน่วงทันทีที่พูดจบ ฉันพยายามใช้แรงที่มีผลักเขาให้ถอยห่าง แต่ยิ่งพยายาม เขายิ่งทำด้วยความรุนแรง
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเมื่อถูกฟันคมขบกัดที่ริมฝีปากล่างจนบวมเจ่อ
“เธอเป็นของฉันคนเดียว”
“ฮึก~” น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสายเมื่อถูกเขากระทำด้วยความรุนแรงป่าเถื่อน
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น ทำให้พี่คินน์ยอมผละตัวออกจากฉันแต่โดยดี
ฉันมองคนที่มาใหม่อย่างมีความหวัง ก่อนจะรีบกดเปิดกระจกเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เป็นอะไรหรือเปล่าน้อง” พี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่แถวนั้นเดินเข้ามาถาม พลางมองมาที่ฉันสลับกับพี่คินน์ที่นั่งอยู่
“ช่วยด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายหนู” ฉันพยายามจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ทว่ามันกลับถูกล็อกไว้
“ให้พี่โทรแจ้งตำรวจให้ไหม?”
“เรื่องของผัวเมีย ไม่ต้องเสือก!”
แสงแห่งความหวังของฉันดับลงเมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาจากตรงนั้น ตอนนี้ได้แต่สะอื้นยอมรับชะตากรรมเพราะรู้ตัวดีว่าต่อจากนี้จะต้องเจอกับอะไร
พี่คินน์ลากร่างของฉันให้เข้ามาในห้องนอนของตัวเอง โดยไม่สนใจหรือกลัวว่าใครจะผ่านมาเห็น ก่อนจะฉีกเสื้อผ้าของฉันจนขาดกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
“นับขอโทษที่ตบหน้าพี่ นับไม่ได้ตั้งใจ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเผื่อเขาจะใจเย็นลงและหยุดการกระทำแบบนี้
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเมื่อเขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด ฉันก้าวขาขยับถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัวจนเสียหลักล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง
“อื้ออ~” คนตัวโตโน้มริมฝีปากลงมาจูบอีกครั้ง พร้อมกับใช้นิ้วเกี่ยวกระหวัดกางเกงชั้นในของฉันให้ลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า
“พะ…พี่คินน์” เสียงหวานร้องสะอื้นเมื่อขาเรียวทั้งสองถูกเขาจับแยกออกจากกันจนเผยให้เห็นถึงกลีบดอกไม้งามที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รำไร
ฉันเบือนหน้าหันหนีเพราะไม่อยากมองเห็นคนใจร้ายที่กำลังตักตวงความสุขบนเรือนร่างโดยที่ฉันไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด
“แม้แต่หน้าก็ไม่อยากมองแล้วหรือไง”
“นับเกลียดพี่ พี่มันเลวได้ยินไหม”
“งั้นต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะ ที่ได้คนเลวๆ อย่างฉันเป็นผัว”
ปึก! ปึก! ฉันยกมือกุมท้องด้วยความจุกและเจ็บเมื่อถูกคนตัวโตอัดกระแทกท่อนเอ็นเข้ามาในร่องคับแคบจนสุดความยาว
“ยังแน่นอยู่เลยนิ นึกว่าจะปล่อยตัวให้หลวมซะแล้ว” ดวงตาเฉี่ยวคมก้มลงมองไปยังจุดเชื่อมต่อที่กำลังประสานกันเป็นหนึ่งเดียว พลางแสยะปากยิ้มด้วยความพึงพอใจ ทุกการเคลื่อนไหวของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจและอยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้
“อึก!” ฉันกลั้นเสียงสะอื้นจนตัวสั่นเมื่อใบหน้าคมคายโน้มลงมาขบเม้มโลมเลียที่เต้าอวบทั้งสองข้าง ก่อนที่เขาจะเริ่มถาเอวสอบแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เร็วและแรงขึ้น
ปัก! ปัก! เสียงเนื้อกระทบดังลั่นไปทั่วบริเวณ โดยไม่มีท่าทีว่าจะยอมจบลงง่ายๆ
สองชั่วโมงต่อมา
แกร้ก~ เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินออกจากห้องของหญิงสาวในยามวิกาล ดวงตาคู่คมวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงรีบเดินออกมาจากตรงนั้น
“มึงมาทำอะไรที่ห้องของนับดาว” สองขาแกร่งหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ไม่ได้ยินที่กูถามหรือไง มึงมาทำอะไรที่ห้องของเธอ!?” ครามถามด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมพลางมองไปยังน้องชายที่เพิ่งเดินออกมาในสภาพที่เปลือยท่อนบน สวมใส่เพียงแค่กางเกงยีน
“มึงคิดว่าไงก็เป็นแบบนั้นแหละ”
“กูจะบอกแม่เรื่องที่มึงขืนใจเธอ!” ครามขบกรามจ้องหน้าน้องชายอย่างเอาเรื่อง เขารู้ดีแก่ใจว่านับดาวคงไม่ได้ยินยอมเป็นแน่
“…..”
“ถ้าแม่รู้ว่ามึงทำอะไรน้อง กูรับรองว่ามึงจะไม่ได้เข้าใกล้เธออีก”
“ถ้ามึงอยากให้แม่มึงโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอีก ก็เอาสิ ไปบอกเลย”
“…..”
