ตอนที่ 5 คนที่ไม่ต้องการ
EP05
แกร๊ก...
“?”
“ไอ้เหนือ?” ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกสายตาคมกริบก็ไปสะดุดกับร่างของเกรียงไกรที่ยืนอยู่หน้าห้องของนิวาพอดี ข้างกายกันคือแพรพรรณที่มองร่างของนิวาสภาพยับเยิน คนถูกมองจึงรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่าง...
“นี่มันเรื่องอะไร...”
“ก็อย่างที่เห็น” ชายหนุ่มตอบไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะแทรกตัวเดินออกมาจากห้อง แต่มือหนากลับคว้าต้นแขนเอาไว้แล้วลากลูกชายตัวดีมาที่ลับตาคนแพรพรรณจึงเดินเข้าไปหานิวาในห้อง...
“แกทำบ้าอะไร?” เกรียงไกรเค้นเสียงลอดไรฟันออกไปอย่างเหลืออด เขาแค่ต้องมาดูอาการไข้ของนิวาเพียงเท่านั้นไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้..
“พ่อจะอะไรนักหนาก็แค่คนรับใช้”
“หนูนิเขาก็มีหัวใจเขาเป็นคน ดูหน้าก็รู้ว่าแกขืนใจหนูนิ ฉันถามแกจริงๆ เถอะนะ แกยังมีหัวใจอยู่รึเปล่า”
“ต้องแคร์?”
“แกทำแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว” เกรียงไกรพยายามควบคุมอารมณ์โกรธตัวเองเอาไว้ แววตาแข็งกระด้างจ้องมองใบหน้ายียวนกวนประสาทไม่สะทกสะท้านอะไรของทิศเหนือ
“พ่อจะเซ้าซี้ผมให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“ฉันถาม!”
“ผมไม่จำเป็นต้องตอบ จบนะ”
“ไอ้เหนือ!!”
หมับ! เกรียงไกรกระชากร่างหนากลับมาสุดแรง มือกำหมัดแน่นเขาแทบเลือดขึ้นหน้า ลำพังเรื่องที่ทิศเหนือกำลังสร้างปัญหาอยู่ยังเคลียร์ไม่จบ ปัญหาใหม่ก็เพิ่มขึ้นมาให้ปวดหัวไม่หยุด
“แกจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง?!”
“ทำไมต้องรับผิดชอบ”
“ก็แกไปข่มขืนเขา!!”
“จะอะไรนักหนาว่ะ”
“หมั้นกับหนูนิซะ...ถือว่าเป็นคำสั่งของฉันแล้วแกก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีวันหมั้นกับยัยนั้น แค่เอาเงินปิดปากแล้วไล่ออกจากบ้านก็จบไปดิ ทำไมแค่นี้พ่อต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วย ผมไม่เข้าใจ?” ทิศเหนือตะคอกออกมาความอดทนขาดสะบั้นเมื่อได้ยินคำสั่งเด็ดขาดจากเกรียงไกร เรียวคิ้วขมวดพันกันยุ่ง เขารักชีวิตเสเพลเป็นอิสระแบบนี้ มันจะจบลงง่ายๆ แค่ผู้หญิงคนเดียวงั้นหรอ ไม่มีวัน…
เพี๊ยะ!
“ฉันไม่คิดว่าแกจะเลวได้ขนาดนี้”
“ผมเหี้ยได้พ่อไง ตอนแม่ตายพ่อเคยสนใจบ้างไหม เอาเวลาไปออกงานเลื่อนยศกับยัยกะหรี่จากซ่องนั้น ทั้งๆ ที่ผมนอนกอดศพแม่จนถึงวินาทีสุดท้าย..”
เพี๊ยะ!
เกรียงไกรฟาดมือลงบนแก้มอีกครั้งในตอนที่ทิศเหนือยังพูดไม่จบประโยคเขาขบกรามแน่นตัวสั่นระริกด้วยความโกรธไม่ต่างจากชายหนุ่มตรงหน้าที่เขาสวมชุดดำมางานวันนี้เพราะเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของดวงเนตร..
“ฉันคุยกับแกเรื่องหนูนิ ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอย่าเอ่ยชื่อเธอให้ฉันได้ยินอีก..”
“พ่อเกลียดแม่มากแค่ไหน ผมก็อยากให้พ่อรู้เหมือนกันว่าผมเกลียดพ่อมากกว่านั้น..” ทิศเหนือสะบัดหน้าหันกลับมาด้วยแววตาแข็งกร้าวเขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากออกพร้อมกับเหยียดยิ้มสมเพช ก่อนจะก้าวเท้ามายืนอยู่ตรงหน้าเกรียงไกร
“…”
“แม้กระทั่งวันตาย ก็อย่าหวังว่าผมจะมาเหยียบงานศพของพ่อ” ทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นร่างหนาก็ชนไหล่ผู้เป็นพ่อแล้วเดินออกไปพร้อมหัวใจที่ปวดร้าว ในวันตายของดวงเนตรเขาอยู่เผาศพแค่ในวัดเพียงลำพังเหมือนกับคนไร้ญาติ มาวันนี้เหตุการณ์ทุกอย่างเขายังจำได้ดี...
ลับร่างทิศเหนือนิวาที่แอบฟังอยู่ก็ค่อยๆ แทรกตัวออกมา เธอค่อยๆ เดินมาหาเกรียงไกรที่ยืนแววตาสั่นระริกอยู่ ส่วนแพรพรรณก็แอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวเธอโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด..
“หนูนิ..” เกรียงไกรที่รับรู้ถึงการมาของใครอีกคนเอ่ยเรียกชื่อนิวา เขาจ้องมองใบหน้าหวานที่แสดงถึงความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจนดวงตากลมโตเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตา เธอได้ยินมันทุกอย่าง ทุกถ้อยคำมันยังคงวกวนอยู่ในหัว.. “ได้ยินทุกอย่างแล้วใช่มั้ย..”
“ค่ะ..” นิวาพยักหน้าตอบแล้วฉีกยิ้มฝืนๆ กลับไปให้ ทวาคนมองกลับรู้สึกถึงความเศร้าโศกของรอยยิ้มนั้น ก่อนที่ร่างเล็กที่สวมเสื้อผ้าเพียงลวกๆ จะเดินเข้าไปหาเกรียงไกร..
“ฉันขอคุยอะไรกับหนูได้มั้ย”
“ถ้าเป็นเรื่องหมั่น นิไม่ต้องการให้คุณเหนือรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
“นานยัง ที่หนูต้องทนอยู่แบบนี้” เกรียงไกรเอ่ยถามด้วยความรู้สึกเห็นใจ แววตาของเธอมันฟ้องว่าทรมานแค่ไหนที่ได้ยินชื่อของทิศเหนือ คนที่เคยแสนดีกับเธอ แต่นอนนี้กลับกลายเป็นคนละคน...
“นานแล้วค่ะ...จนนิชิน”
“ทรมานมากมั้ย ฉันขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยนะ..”
“หนูไม่ต้องการได้คำขอโทษ สิ่งเดียวที่หนูต้องการคือไปจากคนใจร้าย หนูไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว มันทรมาน มันเจ็บปวด แทบจะขาดใจ...หนูขอโทษนะคะที่ต้องพูดออกมาตรงๆ ..”
“ฉันเข้าใจ...แต่หนูช่วยอะไรฉันก่อนได้มั้ยครั้งสุดท้ายที่ฉันจะขอร้องหนู...”
“หนูจะยอมช่วย...ถ้าคุณไกรยอมรับเงื่อนไขของหนู”
See-k-no…
อึก อึก อึก...
แกร๊ก...
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมหน้าซีเรียสจัง” ยิหวานางแบบสาวชื่อดังที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำเอ่ยถามขึ้น เธอนั่งอยู่บนตักชายหนุ่ม มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มเนียนเบาๆ ด้วยสายตาหลงใหล
“นิดหน่อย” ทิศเหนือตอบเสียงห้วน หลังจากที่ออกจากบ้านมาเขาก็ตรงดิ่งมาที่ผับทันที มาปลดปล่อยเรื่องเหี้ยๆ ในชีวิต นอกจากจะมีพ่อที่เขาเกลียดและแพรพรรณที่เขาเหม็นขี้หน้ายังมีตัวซวยอย่างนิวาเข้ามาในชีวิตอีก บัดซบสิ้นดี
“ให้ยิหวาช่วยมั้ย เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น” ยิหวาพรํ่าจูบตามลำคอใหญ่พร้อมกับดึงแก้วเครื่องดื่มวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะไล่ปลายนิ้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ดอย่างอ้อยอิ่ง
“ถุงหมด” ทิศเหนือรู้ดีคำว่า ‘ช่วย’ ของเธอคือช่วยแบบไหน แต่วันนี้ถุงยางหมดพอดิบพอดี
“แต่ยิหวามี” ยิหวาดึงถุงยางไซส์ใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศออกจากร่องอกชูขึ้นด้วยท่าทีเชื้อเชิญ ก่อนที่เธอจะเลื่อนมือลงปลดหัวเข็มขัดออกพร้อมกับรูดซิปกางเกงลง... “ให้ยิหวาช่วยให้เหนือลืมเรื่องแย่ๆ นะคะ”
“ไม่กลัวผัวรู้?”
“ยิหวาแอบมาไม่มีใครรู้หรอก”
“หึ...”
“เหนืออย่าพูดถึงคนอื่นเลยนะ ตอนนี้เราสนใจเรื่องของเราดีกว่า”
ยิวาตอบเธอแสร้งทำใบหน้างอแงใส่คนตัวโต คนอื่นที่หมายถึงก็คือคู่หมั้นของเธอที่กำลังจะแต่งงานในอีกสามเดือนข้างหน้าเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจซึ่งเธอไม่เต็มใจและไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นเลยสักนิดแต่ผู้เป็นพ่อก็บังคับเธอให้ได้ จนยิหวาต้องยอมตกลงแต่งโดยที่ไม่มีทางเลือก...
“ยิหวาชอบเหนือมากเลยรู้มั้ย...” เธอกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเสียงยั่วยวน มือหนาจึงถกกระโปรงขึ้นกองไว้ที่เอวขอดแล้วเกี่ยวแพนตี้ตัวจิ๋วลง เรื่องเซ็กส์เขาพร้อมเสนอถ้ามีผู้หญิงถ่างขาให้เอา ไม่นานยิหวาจึงใช้ปากฉีกถุงยางออกแล้วจับแก่นกายใหญ่ขึ้นมาสวม พอทุกอย่างเสร็จสับเธอก็จ่อหัวหยักเข้าที่ช่องทางรักแล้วกดสะโพกลง…
“อื้อ!!” ในวินาทีต่อมามือหนาก็กดศีรษะทุยลงประกบจูบบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงทำให้เขามีอารมณ์ร่วมได้อย่างง่ายดาย สองร่างจึงเริ่มโยกตามแรงกระแทกที่ยิหวาเป็นคนควบคุมภายในห้องวีไอพีของผับที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่มกลบเกลื่อนเสียงครางเอาไว้จึงทำให้บรรยากาศเร่าร้อนขึ้นมากเรื่อยๆ ....
09 : 00 AM.
“?” ร่างหนาที่เดินลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านขมวดคิ้วยุ่งเมื่อสายตาสะดุดกับร่างเล็กของนิวาที่กำลังสารวนอยู่กับการตักข้าวต้มใส่ชาม เธอเดินถือถาดข้าวต้มมาวางไว้บนโต๊ะแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับทิศเหนือ “มาทำไม ไสหัวกลับไป”
“นิแวะเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”
“ฉันไม่กิน” เขาตอบเสียงห้วนแล้วเดินผ่านร่างเธอมาที่ห้องครัวเพียงแค่เห็นหน้านิวาก็กินอะไรไม่ลงก่อนจะหยิบกระป๋องเบียร์จากตู้เย็นขึ้นมากระดกดื่ม ที่ลำคอมีรอยดูดเป็นจุดๆ
“อาหารเช้าสำคัญนะคะ ส่วนเครื่องดื่มพวกนี้ทำลายสุขภาพ” นิวาเอื้อมมือมาแย่งกระป๋องเบียร์ออก ปกติหน้าที่นี้จะเป็นของแก้วตาไม่ก็สีจันทร์ที่เป็นคนแวะเอากับข้าวมาให้ชายหนุ่มเพราะเขาเป็นคนทานยาก กว่าจะหาคนที่ทำถูกปากให้ แต่วันนี้ทั้งสองกลับบ้านไปเยี่ยมญาติหน้าที่นี้จึงตกมาที่นิวา
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง?”
“…”
“อยากให้ฉันกินมากใช่มั้ย” เขาจ้องมองเอาคำตอบด้วยแววตาหงุดหงิดก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วคว้าชามข้าวต้มขึ้นมา แล้วเทมันใส่ร่างของนิวาชนหมดชาม..
“อึก...”
“แดกเองก่อนก็แล้วกันนะ..”
“ไอ้เหนือ!?” ร่างหนาที่กำลังจะเดินกลับขึ้นไปบนบ้านหยุดชะงักเมื่อเสียงของใครบางคนเอ่ยเรียกเอาไว้ สายตาคมกริบหันกลับไปมองก็พบเข้ากับเกรียงไกรและดนัยที่กำลังเดินเข้ามา
“ทำไมสังผเวศีแถวนี้มันเยอะผิดปกติ..”
“หนูนิไปล้างตัวออกก่อนไป” นิวาที่ยืนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นพยักหน้าตอบแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เกรียงไกรจึงเดินมาหยุดที่โซฟาแล้วหย่อนตัวนั่งลง
“ถ้าจะมาพูดเรื่องไร้สาระก็กลับไป”
“แน่ใจหรอว่าแกจะไล่ฉันกลับ”
“อะไรอีก?” เขาหันหน้ากลับมามองพร้อมกับถอนหายใจพรืดใหญ่
“ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องหมั่นกับหนูนิ” เกรียงไกรพูดพร้อมกับชูเอกสารสำคัญเกี่ยวกับสมบัติทั้งหมดของดวงเนตรที่ตอนนี้เป็นชื่อของเขาคนที่จะได้รับตกทอดต่อไปคือทิศเหนือ
“หมายความว่ายังไง?”
“สมบัติทั้งหมดของแม่แกฉันจะไม่เซ็นยกให้ จนกว่าแกจะยอมตกลง”
“แม่เกี่ยวอะไรด้วย?!”
“แกแค่ตอบมาก่อนที่ฉันจะฉีกสัญญาฉบับนี้ทิ้ง” คำพูดของเกรียงไกรทำให้ทิศเหนือขบกรามแน่น มือหนากำหมัดจนมันสั่นระริก สิ่งเดียวที่เขาไม่ยอมคือยกของที่มันเป็นของผู้เป็นแม่ให้คนอื่น..
“หนึ่ง”
“....”
“สอง”
“โธ่เว้ย!!”
“สาม”
“อยากจะทำห่าไรก็เชิญ ถ้าอยากให้ยัยนั้นตายทั้งเป็น!!”
.
.
.
Next…
“มันเป็นข้อตกลงของเรานิคะ”
