บท
ตั้งค่า

ตอนที่หนึ่ง หยาดเหงื่อ 2

บ้านที่อาศัยที่ดินที่ต่างจังหวัดหลายไร่รวมทั้งรถที่ครอบครัวหล่อนมีทุกคันคือสิ่งที่บิดาเอาไปจำนองไว้เพราะแพ้พนันบอลราบคาบจนหมดตัว หล่อนต้องหาเงินก้อนมาพยุงหนี้และชดใช้ด้วยเงินเพื่อไถ่เอาสมบัติกลับคืนมาให้ได้ หล่อนเหนื่อยสายตัวแทบขาดที่ต้องรับผิดชอบกับหนี้ที่หล่อนไม่ได้ก่อแม้สักบาทเพื่อคนในครอบครัวจะได้มีที่ซุกหัวนอนมีที่ทำกินรวมทั้งมีรถขับไม่ต้องลำบาก เจ้าหนี้ของหล่อนยึดทุกอย่างไว้หล่อนจึงไม่อาจตุกติกได้แม้แต่สักนิด ดังนั้นถึงเขาจะช่วยหล่อนให้พ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ แต่เขาไม่ได้ทำให้หล่อนพ้นจากบ่วงทุกข์แต่อย่างใด

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันไม่ได้มีปัญหากับพวกเขา เรารู้จักกันดี”

คำขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ ทำให้เขายังไม่ปักใจเชื่อว่าหล่อนไม่มีปัญหา แต่เมื่อหล่อนปฏิเสธความช่วยเหลือเขาก็จะหยุดหน้าที่พลเมืองดีของเขาไว้เพียงเท่านั้น

“ถ้ามีอะไรต้องการความช่วยเหลือเรียกผมได้ ผมกับเพื่อนนั่งอยู่แถวนี้สามารถมองเห็นหากคุณถูกคุกคาม” เขาพูดกับหล่อนแต่สายตาก็มองลูกน้องเสี่ยเจ๋งอย่างไม่ไว้ใจสักนิด

ชายหนุ่มนิรนามที่ใจดีทำให้หล่อนมองตามไปเล็กน้อยก่อนจะเข้าบทสนทนากับลูกน้องเสี่ยเจ๋ง

“งานวันนี้ฉันขอนะ แล้วงานที่เหลือของเดือนนี้ฉันก็จะไม่เก็บไว้ใช้เอง จะให้เสี่ยหมดทุกบาท พวกนายไม่ต้องมาตามทวงฉันก็ได้ฉันจะรวบรวมเป็นก้อนให้ ฉันไม่หนีไปไหนหรอกอีกอย่างฉันก็อยากปลดหนี้ไวๆ เหมือนกันเห็นใจกันบ้างนะ”

หญิงสาวอ้อนวอนขอแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต นับเป็นความตกต่ำของช่วงวัยสาวที่หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะบอกใคร แม้แต่คนในบ้านก็รู้เพียงแค่หล่อนกับบิดาซึ่งเป็นคนใช้หนี้และก่อหนี้เท่านั้นส่วนคนอื่นยังคงใช้ชีวิตตามปรกติโดยที่ไม่รู้เลยว่าหล่อนต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

“งั้นปลายเดือนนี้ให้ได้ยอดเยอะๆ นะครับ ผมจะบอกเสี่ยว่าขอไปเก็บเคสอื่นที่ทวงยากๆ ดีกว่า ผมรับรองให้คุณแล้วหวังว่าคุณจะโอเคนะครับ” คนเก็บหนี้อดสงสารนางแบบสาวไม่ได้เพราะเขารู้ว่าบิดาของหล่อนเป็นคนก่อหนี้ให้ลูกสาวชดใช้ แต่ความสงสารนั้นก็ไม่มีประโยชน์มากนักเมื่อเขายังต้องเก็บเงินจากหล่อนไปให้เจ้านายอยู่ดี

“ขอบคุณมากๆ นะขอบคุณมากจริงๆ พวกนายเอานี่ไป น้ำหอมผู้หญิงคุณภาพดีและออกใหม่ไม่มีใครเหมือน พวกนายเอาไปให้แฟนหรือว่าภรรยานะ ผู้หญิงเห็นแบรนด์นี้ตาโตแน่ฉันให้ตอบแทนที่พวกนายช่วยฉัน” หญิงสาวยื่นถุงกระดาษสีม่วงเข้มให้กับพงศ์หัวหน้าทีมติดตามทวงหนี้ หล่อนแยกออกไว้ใช้เพียงสองขวด ของพวกนี้ที่หล่อนได้จากแบรนด์ที่หล่อนไปเดินแบบให้หล่อนใช้ไม่หมดอยู่แล้วไม่แจกเพื่อนก็มักเอาไปแจกช่างแต่งหน้ารันเวย์ที่สนิทๆ กัน แต่วันนี้หล่อนอยากขอบคุณพวกเขาที่ช่วยให้หล่อนมีค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวในหนึ่งเดือนโดยไม่ต้องขัดสนจึงยกให้แบบไม่เสียดายของเลย

หญิงสาวขอบคุณชายฉกรรจ์ที่ตามหล่อนไปหลายงานแล้วจนหลายคนเข้าใจว่าหล่อนเป็นลูกสาวมาเฟีย เพื่อนรวมงานหลายคนยังเมาท์ว่าหล่อนคบหากับคนใหญ่คนโตแฟนหล่อนถึงได้ส่งคนมาเฝ้าหญิงสาวไม่ยอมอธิบายใดๆ แก่คนที่ตั้งสมมติฐานพวกนั้นเพราะหากพวกเขารู้ความจริงหล่อนก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไว้ที่ไหนเหมือนกัน

“จริงๆ แล้วคุณมิรานี่ก็นิสัยดีนะพี่พงศ์แต่น่าสงสารที่พ่อมาสร้างหนี้ให้ต้องใช้ แต่ในความโชคร้ายก็เป็นความโชคดีที่ได้เป็นลูกหนี้เจ้านายเราและเป็นเราที่ทวงหนี้ ขืนพ่อของคุณมิราไปเจอเจ้าอื่นมีหวังแย่” ลูกน้องของหัวหน้าฝ่ายติดตามหนี้เสี่ยเจ๋งสะกิดพงศ์ที่มองตามเคียงเดือนไปเมื่อเขาพูดถึงนางแบบสาวสวยที่เพิ่งแยกตัวออกไปด้วยความรีบเร่งราวกับกลัวว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจ

“ใช่ แม่คนนี้โชคดีเจ้านายเราใจดีถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้ได้ถูกส่งไปเป็นอีหนูของนักการเมืองเงินหนาบ้าดาราขัดดอกเบี้ยหนี้พนันบอลไปแล้วล่ะ”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละพี่พงศ์ สวยขนาดนี้บอกตรงๆ ถ้าไม่ใช่เจ้านายเรารับรองว่าไม่รอด เป็นบุญจริงๆ เป็นลูกกตัญญูกับพ่อแม่อย่างนี้ดีนะ ขนาดหนี้ไม่ได้ก่อเองสักบาทยังใช้ให้หมดไม่ปริปากอะไร ไอ้เราก็สงสาร เป็นผมจะยกหนี้ให้ไม่เอาสักบาทเลยคนดีอย่างนี้ แต่ผมไม่ใช่เจ้าหนี้เอง ภาวนาช่วยแทนแล้วกันว่าขอให้ได้สามีรวยๆ จะได้หมดหนี้”

“ฉันก็ว่างั้นฉันภาวนาด้วยซ้ำให้เสี่ยชอบมิราแล้วขอแต่งงานขัดหนี้เสียจะได้ไม่ต้องมาตามใช้หนี้กันให้วุ่นวายอีก” พงศ์เองก็คิดเหมือนลูกน้อง แม้ว่าจะสงสารหญิงสาวสักเท่าใดก็ตาม แต่บิดาหล่อนเป็นหนี้เจ้านายเขาเขาก็ต้องตามเก็บเงินจากหล่อนตามหน้าที่ของพวกเขาเพื่อหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพราะช่วยอะไรมากไม่ได้จึงอยากให้หล่อนได้ทางออกที่ดีกว่าการหาเงินแทบตายเพื่อใช้หนี้

“ฉันว่าเมื่อไหร่เราว่างๆ จากการเก็บหนี้แล้วเรามาทำตัวเป็นคิวปิดจับคู่ให้เสี่ยกับมิราดีกว่าพี่พงศ์ เราได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้าเสี่ยมีความรักอาจจะใจดีกับเรามากขึ้นแล้วถ้ามิราเป็นเมียเสี่ยเราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้นายหญิงนิสัยแย่”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันแต่คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากงานกับฟุตบอลแล้วข้าก็ไม่เห็นเสี่ยสนใจอะไรมากกว่านี้เลย ไม่มีหวังหรอกว่ะข้ากับเอ็งก็จินตนาการไปโน่น ข้าว่าเลิกคิดเรื่องคนอื่นเถอะทำหน้าที่แค่ทวงหนี้ก็เหนื่อยพอแล้วเว้ยไปๆไปกัน” พงศ์รีบสลายจินตนาการไม่มีขีดจำกัดของลูกน้องก่อนจะพากันเดินไปโดยที่เหตุการณ์นั้นอยู่ในสายตาของชายคนหนึ่งตลอดเวลา

“ท่านชีคมองอะไรหรือครับ” พันเอกนาคินที่เพิ่งเดินเข้ามาที่โถงต้อนรับของโรงแรมหรูกลางเมืองยืนมองคนที่เพ่งสายตามองที่หน้าลิฟต์เหมือนสนอกสนใจอะไรสักอย่างโดยไม่หันหน้ามาหาเขาที่เดินเข้ามาแม้แต่น้อยซึ่งนั่นถือว่าผิดปรกติเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ถูกสอนให้รู้จักป้องกันตัว และระแวงภัยและไวต่อการเคลื่อนไหวทุกอย่างเสมอ

เพราะความสงสัยถ้อยคำทักทายที่ควรมีต่อชีคชารีฟรัชทายาทเพียงผู้เดียวแห่งชีคคาลิดผู้ครองนครเบเดนจึงกลายเป็นคำถาม คนที่ถูกถามรับรู้ถึงการมาของเขาแล้วก็ผินหน้ามาทางนาคินช้าๆ

“ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกนาคิน” ชีคชารีฟส่ายหน้าน้อยๆ ไม่ยอมเล่าเรื่องให้เขาได้ฟัง

“ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างนั้นเหรอ ผมเดินเข้ามาเห็นท่านชีคกำลังนั่งมองลิฟต์อย่างสนใจ มันต้องมีอะไรพิเศษแน่” พันเอกนาคินเป็นหัวหน้าองครักษ์แห่งราชวงศ์คาราล เขาเพิ่งได้รับช่วงตำแหน่งอันทรงเกียรติจากบิดาของเขาที่ปลดเกษียณตัวเองจากงานไปหน้าที่สำคัญที่สุดของเขาตอนนี้คือการดูแลเจ้าชายรัชทายาทที่กำลังจะถูกแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์แห่งเบเดนเร็วๆ นี้ ด้วยความที่สนิทสนมและรู้ใจกันทุกอย่างนาคินจึงไม่ละโอกาสที่จะตั้งข้อสงสัยเพราะอีกฝ่ายทำตัวมีพิรุธเหลือเกิน

“ไม่มีอะไรจริงๆนาคิน” เรียวปากสีอ่อนบางเฉียบเหยียดยิ้มกว้างเผยให้เห็นเรียวฟันเรียงตัวสวยอย่างกับไข่มุก จมูกโด่งงุ้มปลายเล็กน้อยรวมกับดวงตาหวานที่ได้รับการถ่ายทอดจากมารดามาเต็มๆ ทำให้องค์ประกอบบนใบหน้าของเขาช่างเหมือนสตรีเพศมากจนชวนเข้าใจผิด

ตอนนี้หากว่าเขาไม่ได้มีรูปร่างเหมือนชายชาตรีผู้องอาจบอกใครคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นบุรุษเพศแน่ เพราะความที่ใครก็มักคิดว่าเขาหน้าหวาน ชีคชารีฟจึงมักจะไม่ยิ้มกับใครมากเท่าใดนักเพราะว่ามันทำให้เขาดูเหมือนผู้หญิงมากขึ้น แต่กับคำถามนี้ของนาคินชีคชารีฟ กลับหัวเราะอย่างชอบใจที่เขารู้ทัน

“ผมรู้ว่าผมเดาไม่ผิดหรอก” ชายหนุ่มมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก “แต่ไม่บอกก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” นาคินทรุดตัวลงนั่งแล้วถอนหายใจเบาๆ เพราะเพิ่งไปทำภารกิจบางอย่างกลับมาแล้วเห็นชีคหนุ่มเหม่อลอยแปลกๆ แต่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเพราะชีคชารีฟเป็นคนช่างสังเกตการที่เขามองสิ่งที่คนอื่นไม่สนใจอย่างสนใจและหาคำตอบก็เป็นเรื่องปรกติ แต่ที่ผิดปรกติก็คงเป็นที่เขาไม่ยอมบอกเพียงเท่านั้น

ชีคชารีฟเลือกที่จะไม่พูด แต่ในความจริงเขายังสงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขามั่นใจว่าหล่อนถูกคุกคามเพราะกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นทำให้หล่อนตกใจเมื่อเห็นคราแรกและก็ทำหน้าลำบากใจจนเขาต้องเข้าไปเสนอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายหล่อนก็ยื่นของให้ผู้ชายเหล่านั้นพร้อมด้วยรอยยิ้มแล้วเดินจากไปอย่างสบายใจทำให้เขาแปลกใจที่การสังเกตของเขานั้นไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อหญิงสาวและคนพวกนั้นเดินจากไปแล้วสายตาของชีคชารีฟจึงยังคงถูกสะกดให้อยู่ที่นั่นจนนาคินเดินเข้ามาถามเขา

“งานที่ให้ไปทำเป็นอย่างไรบ้าง” ชีคหนุ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“คุยกันได้ตามที่ตั้งใจจะตกลงแต่แรกไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ สิ่งที่เราเสนอคือสิ่งที่เรากับเขาต่างต้องการให้มันเกิดขึ้น” นาคินรายงานเกี่ยวกับการเจรจาร่วมมือกับรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของไทยเพื่อเจรจาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติเขาและชีคชารีฟในฐานะทหารคนสำคัญของกองทัพมาปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการร่วมมือทางการทหารกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แม้ว่าตอนนี้ประเทศเบเดนจะอยู่ในภาวะสงบไร้ซึ่งสงครามมาตลอดการก่อตั้งประเทศ โดยเริ่มจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นชาวเบดูอินปักหลักบนดินแดนเล็กๆ แถบคาบสมุทรโอมานและมีอาณาเขตเป็นของตนเองจนก่อตั้งเป็นประเทศเล็กๆ ที่ปกครองโดยชีคคาลิดบิดาของชีคชารีฟ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel