ตอนที่สอง บ้านแห่งความรัก 2

ณ วังหลวงประเทศเบเดน

ชีคคาไอช่ารานีเพียงหนึ่งเดียวในชีคคาลิดแห่งราชวงศ์เอเดนฟังรายงานจากคนที่ท่านให้ติดตามเรื่องของบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านด้วยความกังวลใจกับข้อมูลที่ได้รับมา ท่านเกือบจะเป็นลมกับสิ่งที่ทหารองครักษ์ที่ท่านสั่งการเป็นพิเศษให้สอดแนมบุตรชายของท่านมาบอกด้วยประโยคกระอักกระอ่วนว่า

“ผมได้ยินเต็มสองหูท่านชีคชารีฟบอกท่านนาคินว่าอยากให้ท่านนาคินไปหาครอบครัวนั้นให้เจอแล้วสั่งไม่ให้รับปากท่านชีคคาว่าจะแต่งงานกับท่านนาคิน ท่านชีคชารีฟไม่อยากให้ท่านนาคินแต่งงาน”

หัวอกคนเป็นแม่ที่สังเกตลูกชายคนเดียวของตนเองมาพักใหญ่เริ่มเจ็บปวด เขาเป็นคนเดียวที่เป็นรัชทายาทหากแต่เขาไม่ยอมแต่งงานทั้งที่มีคู่หมั้นที่เพียบพร้อม น้องสาวของชีคชารีฟทั้งสองคนที่เกิดจากภรรยาอันดับสามและอันดับสี่ของชีคคาลิดก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝามีทายาทไปเรียบร้อย หากแต่พี่ชายคนโตกลับไม่ยอมแต่งงาน

และความสงสัยของชีคคาไอช่าเริ่มกลายเป็นความหวาดระแวงเมื่อยิ่งสงสัยก็ยิ่งสังเกตพฤติกรรมลูกชายจนท่านเริ่มสงสัยว่าการที่ชีคชารีฟบ่ายเบี่ยงการแต่งงานกับฟาห์ติมะลูกสาวคหบดีซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขานั้นเพราะว่าเขาไม่ได้มีใจรักในอิสตรี และความสงสัยนั่นก็ยิ่งดูมีเค้าลางที่เป็นจริงมากขึ้นเมื่อเฝ้ามองความสนิทสนมของชีคชารีฟกับนาคิน

“ไอช่าเจ้าเชื่อในสิ่งที่เจ้ากำลังสงสัยอยู่จริงๆ เหรอ” คนข้างกายของชีคคาไอช่าราชินีแห่งเบเดนเอ่ยถามเมื่อเห็นชีคคาไอช่าทำหน้าเครียดเหมือนโลกกำลังจะล่มสลายอยู่ตลอดเวลาหลังจากที่วางสายสนทนากับทหารองครักษ์ไปได้พักใหญ่แล้ว

“ท่านพี่ก็ได้ยินน้องอยากตายจริงๆ ถ้าสิ่งที่น้องสงสัยเป็นจริงขึ้นมาน้องจะใช้ชีวิตอย่างไรกัน” ชีคคาดมยาสมุนไพรหอมในมือเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นลมไปเสียก่อน

“อย่าคิดจินตนาการมากไปขนาดนั้นน่า ยังไงข้าก็เชื่อว่าลูกชายของข้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

“ก็ท่านพี่มัวแต่สนใจเรื่องบ้านเมืองกับเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้นนี่ท่านพี่ไม่ได้สนใจเรื่องคนในวังไม่ได้สนใจเรื่องการหาคู่ครองของลูกสักนิดนี่คะ” ชีคคาไอช่ามองชีคคาลิดด้วยสายตาขุ่นเล็กน้อย แทนที่ท่านชีคคาลิดจะช่วยคิดหาทางออกหรือว่าหาทางพิสูจน์กลับหาว่าเรื่องที่ท่านชีคคาสงสัยนั้นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเสียอีก

“ใครว่าไม่สนใจเล่า ก็ทั้งสร้างฮาเร็มให้หาคู่หมั้นให้เตรียมมอบตำแหน่งผู้ครองนครให้พี่ก็ทำเพื่อลูกเราทั้งนั้น”

“สิ่งที่ท่านพี่ให้ไปลูกอยากรับสักอย่างไหมเล่าคะ ไม่เห็นเข้าฮาเร็มได้บ่อยถึงครึ่งหนึ่งของท่านพี่เลย ถามเรื่องแต่งงานก็บ่ายเบี่ยงแล้วยังไปเจ้ากี้เจ้าการชีวิตของนาคินอีกอย่างนี้ไม่ให้กังวลได้ยังไงล่ะ”

“มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกเจ้าอย่าคิดมากไปเลย ลองเร่งรัดเขาเรื่องแต่งงานก่อนได้รับตำแหน่งผู้ครองนครก่อนเถอะ เขามีหน้าที่ที่ต้องแบกไว้บนบ่าอาจทำให้เขาคิดมาก แต่เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก”

ชีคคาไอช่าถอนหายใจ อยากจะทำใจให้สบายเหมือนที่ท่านชีคคาลิดบอกแต่ว่ามันก็ทำได้ไม่ง่ายนักเมื่อข้อมูลที่ได้ยินมาทำให้ไม่อาจข่มตาหลับได้เลยหากไม่ได้พิสูจน์ เมื่อนึกถึงเรื่องการหาคำตอบของข้อสงสัยชีคคาไอช่าก็พบทางสว่างเมื่อคิดอะไรออก

“ถ้าจะให้สบายใจก็ต้องพิสูจน์”

“คิดอะไรแผลงๆ อีกล่ะ” ชีคคาลิดมองหน้าภรรยาที่ตอนนี้หมกมุ่นกับเรื่องลูกชายจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

ก่อนหน้านี้ชีคคาไอช่าก็สั่งการให้นาคินไปตามหาครอบครัวของเพื่อนรักที่เมืองไทยให้เจอ แล้วก็ปล่อยข่าวไปว่าจะหาลูกสาวบ้านนั้นก็เพราะว่าอยากจะจับคนนั้นให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายของนาคินคนที่ท่านเองก็รักเหมือนกับลูกชายเพื่อดูปฏิกิริยาของชีคชารีฟ แล้วก็ต้องลมใส่เมื่อชีคชารีฟตอบสนองต่อข่าวที่ท่านปล่อยไปอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้นาคินแต่งงาน จนท่านชีคคาต้องมานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้

“ตอนนี้ก็คิดอะไรแผลงๆ อีกอย่างออกแล้วค่ะ ถ้าไม่อยากกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้อีกต่อไปน้องต้องพิสูจน์” ท่านชีคคาเรียกนางต้นห้องของตนเองมาเพื่อสั่งการในสิ่งที่ต้องการเมื่อนางต้นห้องคนนั้นออกไปแล้วชีคคาลิดก็หันมามองหน้าชีคคาไอช่า

“ให้คนในฮาเร็มเตรียมตัวปรนนิบัติชารีฟหรือ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่” ชีคคาลิดไม่เข้าใจชีคคาของตนเองเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงท่านพอจะเข้าใจว่าที่ชีคคาไอช่าหมกมุ่นเรื่องการแต่งงานของลูกชายเพราะว่าชีคชารีฟอยู่ในวัยอันสมควรแล้ว หากสิ่งที่ชีคคาไอช่าทำแต่ละอย่างนั้นท่านไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“ก็ไม่ได้คิดอะไรแค่คิดว่าอยากให้ชารีฟพักผ่อนและดูว่าเขาชอบ อะไรน้องกำลังคิดว่าชารีฟไม่อยากแต่งงานเพราะว่าเจ้าสาวเป็นฟาห์ติมะ ถ้าหากเขายังดูท่าทางว่าไม่ได้เบี่ยงเบนน้องอาจจะคิดเรื่องเจ้าสาวของลูกใหม่อีกครั้ง”

“ไม่มีใครเหมาะเท่าฟาห์ติมะอีกแล้วนี่ อีกอย่างชารีฟก็ดูรักฟาห์ติมะดีออก”

“ตอนแรกน้องก็คิดว่าชารีฟรักฟาห์ติมะ แต่เขาไม่อยากแต่งงานกันเลยคิดว่าสิ่งที่เชื่อมาตลอดอาจจะไม่ใช่น้องขอพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อนแล้วน้องจะหาคนที่เหมาะสมให้ชารีฟเอง ถึงแม้จะไม่เพียบพร้อมอย่างฟาห์ติมะก็ตามทีเถอะ”

“เฮ้อ เจ้าอยากทำอะไรก็ทำไป ข้าไม่ว่าหรอก เพียงแต่เจ้าสบายใจก็พอ ขอแค่ว่าอย่าบังคับลูกมากนักก็เท่านั้น” คนเป็นสามียิ้มให้ภรรยาอย่างตามอกตามใจ ท่านชีคคาเป็นคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่สมัยที่ท่านชีครวบรวมแผ่นดินเบเดนให้เป็นหนึ่งเดียวแม้ว่าท่านชีคคาลิดจะต้องแต่งงานจากเจ้าสาวที่เป็นตัวแทนจากหลายๆ รัฐจนมีภรรยาถึงสี่คนและคหบดีและหัวหน้าเผ่าต่างๆ จะส่งลูกสาวมาแสดงความสวามิภักดิ์จนต้องรับไว้เสียเต็มฮาเร็มแต่คนที่ท่านชีคคาลิดรักมากที่สุดก็ยังเป็นชีคคาไอช่าภรรยาคนแรกของเขานางจึงนับว่าเป็นรานีหนึ่งเดียวของท่าน

“ขอบคุณท่านพี่ที่ไม่ห้ามปรามและก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างน้อง ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวน้องขอไปดูแลความเรียบร้อยก่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงชารีฟก็จะมาถึงเบเดนแล้ว”

ชีคคาไอช่าขืนตัวจากอ้อมกอดของสามี แล้วก็เดินแยกตัวออกไปอย่างกระฉับกระเฉงแววตาภายในดวงตาคมขลับนั้นมีความหวังอย่างมากมายเมื่อหาทางออกของตนเองพบ

การเดินทางกว่าเจ็ดชั่วโมงจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินนานาชาติอัล คาลิฟาห์อินเตอร์เนชันแนลที่เบเดนเป็นไปด้วยความสะดวกสบาย การเดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษของสายการบินแห่งชาติเบเดนกิจการของเขาเองความสะดวกสบายจึงมากกว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวซึ่งมักจะเป็นเครื่องบินลำคับแคบแต่การเปลี่ยนสภาพอากาศความดันอากาศและการเดินทางหลังภารกิจการทำงานก็ทำให้ชีคชารีฟรู้สึกอ่อนเพลีย

เมื่อกลับมาถึงเบเดนในช่วงค่ำเขาก็ไม่ได้ไปที่ไหนอีก หลังจากฝากของฝากจำพวกผ้าไหมงานเนื้อดีและอัญมณีที่ซื้อมาจากเมืองไทยให้ทหารองครักษ์ไปมอบให้คู่หมั้นแล้วเขาก็สั่งให้นาคินนำขบวนรถของเขากลับที่วังหลวงเพื่อพักผ่อนทันที

ภายในวังหลวงนั้นประกอบไปด้วยวังหลายวัง ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ที่บรรพบุรุษเบดูอินค้นพบและอยู่อาศัยมาหลายร้อยปี เมื่อมีการพัฒนาประเทศเกิดขึ้นกระโจมกลางทรายจึงเปลี่ยนเป็นอาคารที่ยังคงไว้ซึ่งปฏิมากรรมที่เป็นศิลปะแบบอาหรับและมีรั้วรอบขอบชิด ภายในวังงดงามวิจิตรด้วยการตบแต่งประดับประดาเพราะกำลังทรัพย์ของชีคผู้ครองนครซึ่งนิตยสารฟอร์บจัดตำแหน่งให้ว่าร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในห้าร้อยของโลกได้จัดสร้างมันขึ้นมา

วังหลวงของผู้ครองนครอยู่ห่างจากเขตเมืองซึ่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลและเป็นเมืองท่าโดยที่สนามบินอยู่ระหว่างกลางเขตเมืองและวังหลวง ความสงบทางการเมืองทำให้การเดินทางภายในประเทศของผู้ครองนครและครอบครัวไม่ได้เต็มไปด้วยพิธีรีตองมากนัก ชีคชารีฟจึงเดินทางกลับอย่างสะดวกและใช้